ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
21 กรกฎาคม 2559 เวลา 10:16 น….. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/politic/443966

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ยิ่งเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 7 ส.ค. กลุ่มต้าน กลุ่มค้าน ร่างรัฐธรรมนูญยิ่งเปิดหน้าออกมาประกาศจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญมากขึ้นเรื่อยๆ ปลุกให้เสียง “ไม่รับ” ดังมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคม
ล่าสุด “กลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใย” เปิดหน้าออกแถลงเรียกร้องดึงทุกฝ่ายในสังคมร่วมผลักดัน 5 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ 1.เปิดให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยได้ถกแถลงด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและรอบด้าน เอื้อให้มีพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยสำหรับทุกฝ่าย เพื่อการแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์ 2.ต้องมีการเสนอทางเลือกที่ชัดเจนให้กับประชาชน กรณีไม่ผ่านประชามติกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญอย่างไรต่อไป
3.กรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ควรมีกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากฉันทามติ ผ่านกลไกทุกกลุ่มทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการออกแบบกระบวนการและกำหนดหลักการสำคัญในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย เป็นไปตามกรอบเวลาที่มีการประกาศไว้ในโรดแมป สู่การเลือกตั้ง 4.หากหลักการตามข้อเรียกร้อง ข้อ 1-3 ที่กล่าวมาข้างต้นเกิดขึ้นจริง ทุกกลุ่มทุกฝ่ายควรยอมรับในผลของการทำประชามติ โดยร่วมกันส่งเสริมให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในสังคม
และ 5.รัฐธรรมนูญที่จะได้มานั้นควรมีหลักการสำคัญ อาทิ การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิของประชาชนในด้านต่างๆ ที่ไม่ถดถอยไปจากเดิม การตรวจสอบการถ่วงดุลการใช้อำนาจอธิปไตยของกลไกทางการเมืองที่มีความสมดุล การกำหนดให้มีการปฏิรูปที่เป็นรูปธรรม การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นที่มีความพร้อมในการจัดการตนเอง การกำหนดมาตรการในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น และมาตรการในการป้องกันความขัดแย้งไม่ให้ขยายผลไปสู่การใช้ความรุนแรง รวมทั้งมีบทบัญญัติที่เอื้อให้สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขรัฐธรรมนูญได้โดยไม่ยากเกินไป เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงของสังคมตามความจำเป็นและตามกรอบของกฎหมาย
แม้จะไม่ได้ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า “ไม่รับ” ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แต่ท่าทีและมุมมองต่อเนื้อหาสาระในร่างรัฐธรรมนูญที่สะท้อนออกมาก็พอจะชี้ชัดในตัวเอง
ความสำคัญของ “กลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใย” อยู่ที่กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวของกลุ่มบุคคล องค์กร จากทั้งภาควิชาการ เอ็นจีโอ ที่มีชื่อเสียง โคทม อารียา สุริชัย หวันแก้ว สุรชาติ บำรุงสุข บัณฑูร เศรษฐ
ศิโรตม์ รวมไปถึงตัวแทนจากพรรคการเมืองขั้วต่างๆ ทั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
นั่นทำให้พลังของกลุ่มนี้มีน้ำหนักจนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อาจมองข้ามหรือใช้วิธีเดิมๆ เข้าไปสกัดเหมือนที่เคยทำมา เพราะด้วยตัวองค์กรและบุคลากรที่มาจากภาควิชาการที่ไม่ใช่ขาประจำหรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเคลือบแคลงแล้ว แม้แต่บุคคลที่มาจากฝั่งการเมืองเองก็หลากหลายไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง จนอาจตีความว่าเป็นการเรียกร้องของกลุ่มขั้วอำนาจเก่าเท่านั้น
จะเห็นว่าท่าทีในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการออกเสียงประชามติ เสียงไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เพื่อไทย และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียออกมาขยายผลปลุกกระแสนำเสนอมุมมองไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ต่อเนื่องด้วยกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหวรุกหนักขึ้น และเริ่มมีแนวร่วมออกมาร่วมเคลื่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ คสช.ต้องหันมาจับตาและตีกรอบไม่ให้บานปลายมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ ยังมีเครือข่ายกลุ่มนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองที่ประกาศจุดยืนออกแถลงการณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ดูจะมีเพียง สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่เปิดหน้าเชียร์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นอกเหนือไปจากฝั่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่โหมประชาสัมพันธ์ในช่วงโค้งสุดท้าย ทั้งการทุ่มเงิน 10 ล้านบาท ตีพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญลงหนังสือพิมพ์ 8 ฉบับ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องหลายพื้นที่ยังไม่ได้รับแจกเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ
ขณะที่การจัดเวทีดีเบตร่างรัฐธรรมนูญที่ กกต.กำลังเป็นแม่งาน ดึงฝ่ายที่เห็นต่างขึ้นเวทีร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้น ด้านหนึ่งย่อมช่วยลดแรงกดดันที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้เปิดกว้างสำหรับการแสดงความคิดความเห็น สร้างความชอบธรรมให้การทำประชามติ
แม้สุดท้ายอาจจะกลายเป็นแรงกระเพื่อมรุนแรงที่ปลุกให้ “เสียงต้าน” มีน้ำหนักและเป็นที่รับรู้รับทราบในวงกว้างมากขึ้น และปลุกให้หลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดความเห็นในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการออกเสียงประชามติ