ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
01 สิงหาคม 2559 เวลา 09:04 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/politic/445907

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
นับถอยหลังสู่ 7 วันสุดท้ายก่อนการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จะ “ชี้ขาด” ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะได้รับ “ฉันทามติ” จากประชาชน เห็นชอบให้ประกาศใช้เป็นกติกาสูงสุดของประเทศหรือไม่
ท่ามกลาง “ความเห็นต่าง” ในสังคม สะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวของหลายกลุ่มหลายฝ่ายเปิดหน้าออกมาแสดงจุดยืนทั้ง “รับ” และ “ไม่รับ” ร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ทำให้บรรยากาศในช่วงโค้งสุดท้ายจึงเต็มไปด้วยความเห็นที่หลากหลาย
ประเมินเสียงกลุ่มต่างๆ รวมทั้งปัจจัยแวดล้อมในเวลานี้ ยากจะฟันธงล่วงหน้าว่าผลการออกเสียงประชามติจะออกมาอย่างไร
ปัจจัยที่จะชี้ขาดผลประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นี้ จึงอยู่ที่ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่ายที่ต่างฝ่ายต่างต้องงัดไม้เด็ดออกมาปลุกกระแสสังคมให้เห็นคล้อยตามจุดยืนของฝั่งตัวเอง
โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยยังไม่ตัดสินใจว่าจะ “รับ” หรือ “ไม่รับ”
ล่าสุด สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น “ครั้งที่ 10 : การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559” พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 59.13% ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงมติอย่างไร ขณะที่ 33.07% ระบุว่าไปลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ มีเพียงแค่ 6.27% ที่ระบุว่าจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
พิจารณาตามผลโพลที่ออกมาแม้เสียง “รับ” จะมาแรงกว่า “ไม่รับ” แต่ก็ไม่อาจจะสะท้อนหรือสรุปล่วงหน้าได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติ เพราะกลุ่มคนจำนวนมากเกินครึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงมติอย่างไร เสียงของคนกลุ่มนี้จึงมีความหมายถึงขั้นจะชี้ขาดผลประชามติ
ต้องยอมรับว่าฐานเสียงอของกลุ่มคนที่ประกาศจุดยืนไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะ “รับ” หรือ “ไม่รับ” ถือเป็นฐานเสียงที่ชัดเจนหนักแน่น คนทั้งสองกลุ่มนี้มีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนว่าจะลงมติอย่างไร แม้จะมีกลับใจหรือเปลี่ยนทิศทางการลงมติก็เพียงเล็กน้อย
กลุ่มคนตรงกลางที่ยังไม่ได้ตัดสินใจที่มีอยู่เป็นจำนวนมากจึงเป็นกลุ่มที่จะชี้ขาดการลงประชามติ
ส่วนการตัดสินใจของคนกลุ่มนี้จะเทเสียงไปฝั่ง “รับ” หรือ “ไม่รับ” จึงอยู่ที่กระแสที่จะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันก่อนการออกเสียงประชามติ 7 ส.ค. ที่เชื่อว่าแต่ละฝั่งจะงัดกลยุทธ์นำเสนอข้อมูลออกมาสู้กัน
เริ่มตั้งแต่ กรธ.ที่ช่วงนี้แข็งขันออกมาทำหน้าที่ชี้แจงประเด็นที่ถูกบิดเบือนหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิ การรักษาพยาบาล การศึกษา โดยเฉพาะเรื่องการปราบโกงที่ถือเป็นจุดแข็งของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่กลับถูกถล่มอย่างรุนแรงในช่วงโค้งสุดท้าย
ยังไม่รวมกับการจัดเวทีดีเบตแลกเปลี่ยนข้อมูลเนื้อหาถ่ายทอดออกโทรทัศน์ให้ประชาชนทั่วประเทศได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ที่ถูกวิพากษ์ว่าจะทำให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลด้านดีมากกว่าด้านเสีย
ยังไม่รวมกับปฏิบัติการในพื้นที่ต่างๆ ผ่านกลไกมือไม้ของ คสช.ที่ถูกเซตขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆ ช่วงการออกเสียงประชามติป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
ถัดมา สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่เปิดหน้าประกาศจุดยืนรับร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมเฟซบุ๊กไลฟ์ไล่เรียงนำเสนอจุดเด่นในแต่ละประเด็นอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสียงปรามบรรดานักการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ พวกนักการเมืองที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเป็นพวกใจแคบ เห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศ
โค้งสุดท้ายถึงขั้นงัดยูนิฟอร์มเก่า เสื้อยืด ห้อยนกหวีด ออกมาส่งสัญญาณปลุก “มวลมหาประชาชน” ที่เคยเคลื่อนไหวเรียกร้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ออกมาช่วยกันลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ฝ่าย “ไม่รับ” ร่างรัฐธรรมนูญ เริ่มเคลื่อนไหวผ่านช่องทางที่พอจะทำได้ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ดังจะเห็นปรากฏการณ์ อดีต สส.เพื่อไทย ออกมาประกาศจุดยืนใช้สิทธิส่วนตัวไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ
ไม่ต่างจากมวลชนกลุ่มต่างๆ ที่เริ่มเปิดหน้าออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญด้วยเหตุผลต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าในช่วงที่ คสช.เปิดช่องให้แสดงความคิดเห็นได้ กลุ่มต่างๆ เหล่านี้น่าจะใช้ช่องทางนี้ในการเคลื่อนไหวแสดงเหตุผลไม่รับร่างรัฐธรรมนูญมากขึ้น
แม้แต่ฝั่งประชาธิปัตย์ หลังจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ออกมาแถลงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ บรรดาอดีต สส.ก็ออกมาขยายผลย้ำจุดยืนด้วย 3 เหตุผลที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนี้ ถึงขั้นหยิบยกเอาอุดมการณ์พรรคที่สั่งสมมายาวนานมาประกอบการตัดสินใจ
แม้จะเป็นจุดยืนความเห็นที่แตกต่างจากอดีต สส.ปีก กปปส.ที่อาจบานปลายในอนาคต ดังจะเห็นจากวิวาทะระหว่างสองฝั่งที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าการ “แลกหมัด” ของทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญคงจะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหวังผลชี้ขาดประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น