2 กันยายน 59 — นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ข้อเสนอของสปท. กับนายไพบูลย์นั้นไม่ใช่เรื่องญี่ปุ่นโมเดลอย่างที่อธิบายกัน แต่ของจริงคือประชามติโมเดล เพราะการห้ามเปิดเวทีปราศรัย เคลื่อนไหวรณรงค์ การให้กระทรวงมหาดไทย ตำรวจ ทหาร จัดการเลือกตั้ง หมายถึงยึดอำนาจนี้กลับไปเป็นของคสช. คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วในการลงประชามติ และบรรดาหางเครื่องทั้งหลายคิดว่าผลคะแนนคือชัยชนะครั้งใหญ่ ข้อเสนอแบบนี้เกิดจากความเชื่อว่า วิธีการดังกล่าวจะทำให้ได้ผลการเลือกตั้งตามที่ต้องการ เพราะรูปธรรมหนึ่งของคำว่าเสียของในการรัฐประหารครั้งที่แล้วคือ ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งได้

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าผู้มีอำนาจจะไม่ขานรับ เพราะการกำหนดกติกาดังกล่าวจะยิ่งกว่าเปิดถ้วยแทงว่าโรดแมปของจริงคือการสืบทอดอำนาจ เชื่อว่าคงมีวิธีการที่โฉ่งฉ่างน้อยกว่านี้เตรียมไว้แล้ว คนเสนอประเด็นเหล่านี้คือคนบนเรือแป๊ะซึ่งกำลังปฏิรูปประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงมีคำถามว่า ด้วยวิธีคิดแบบนี้หรือที่จะนำไปสู่ประชาธิปไตยได้ ทุกเรื่องรวมทั้งการห้ามนักการเมืองใส่ซองช่วยงานล้วนแต่เป็นการลิดรอนปฏิสัมพันธ์ของประชาชนกับการเมืองในระบบ ซึ่งเท่ากับขยายพื้นที่นอกระบบให้เข้ามามีบทบาทแทน สังคมที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่กำลังปฏิรูป แต่กำลังต้องการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่

“ผมไม่ได้พูดเรื่องนี้ เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง แต่กระบวนการในระบบเลือกตั้งคือ การยืนยันอำนาจอธิปไตยของประชาชน จะชิงชังนักการเมือง ก็อย่าเป็นเครื่องมือให้เขาบอนไซอำนาจตัวเอง ต้องสร้างเวทีที่เป็นมาตรฐานสากลขึ้นให้ได้ แล้วให้กระบวนการประชาธิปไตยคัดกรองคุณภาพตัวแทนประชาชน ไม่ใช่ให้คนที่ไม่เคยขึ้นเวทีมาชี้ว่าประชาชนไม่มีคุณภาพ จริงๆ ถ้าคนพวกนี้รู้สึกไม่สบายก็ควรไปปรึกษาแพทย์ ไม่ควรปล่อยให้พิษไข้ทำให้เพ้อได้ขนาดนี้”แกนนำนปช.กล่าว