ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/politic/240736
การเมือง >ข่าวการเมือง : 3 ก.ย. 2559
ม.44 ล็อต 7 พักงานอีก 21 ราย
ม.44 ล็อต 7 พักงานอีก 21 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๒/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗
โดยระบุว่า ตามที่มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ ๑๕พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๕๘เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ นั้นโดยที่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ เนื่องจากถูกร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นในพื้นที่ของตนหรือมีการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ หรือดำเนินการหรือไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่จนเกิดความเสียหายแก่ทางราชการและมีมูลอันสมควรตรวจสอบ จึงจำเป็นต้องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและกำหนดมาตรการบางอย่างเพิ่มเติมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๑ ข้าราชการพลเรือน ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการประจำหน่วยงานนั้นตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
ข้อ ๒ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๒ ข้าราชการตำรวจ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการโดยไม่ขาดจากตำแหน่งเดิมและให้ไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นในสังกัดเดิม
เป็นการชั่วคราว โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการในกองบัญชาการตำรวจแห่งใดแห่งหนึ่งตามที่เห็นสมควรเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบก็ได้
ข้อ ๓ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ ผู้บริหารและผู้มีตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
ข้อ ๔ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๔ ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นในจังหวัดนั้น ๆ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนด แต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคำร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอำนาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม
ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจำตำแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๕ อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคำสั่งนี้
ข้อ ๕ ให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แจ้งข้อเท็จจริงอันเป็นมูลเหตุแห่งการตรวจสอบการปฏิบัติราชการของผู้นั้นให้หน่วยงานทราบ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยต้องปรากฏผลให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก ศอตช.เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้นั้นหรือเพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป ในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้รายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นแล้วแต่กรณีเพื่อขยายเวลาได้ตามความจำเป็นในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ถูกตรวจสอบมีความผิดตามที่ได้รับแจ้ง หรือมีความผิดประการอื่นที่เชื่อมโยงไปถึง ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยและกฎหมายต่อไป ในกรณีที่ไม่พบว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ถึงขั้นต้องดำเนินการทางวินัย ให้เยียวยาแก่ผู้ถูกตรวจสอบโดยให้ไปดำรงตำแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิมก่อนเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวต่อไปเมื่อดำเนินการใด ๆ ตามวรรคนี้แล้ว ให้แจ้ง ศอตช. ทราบ
ข้อ ๖ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อ ๕ หากไม่พบว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ถึงขั้นต้องดำเนินการทางวินัยให้ผู้บังคับบัญชาสรุปผลการตรวจสอบและพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วแจ้งให้ศอตช. ทราบ ในการนี้ ให้ประธาน ศอตช. แต่งตั้งคณะบุคคลซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นข้าราชการ ไม่มีข้อขัดแย้งหรือส่วนได้เสียกับบุคคลหรือเรื่องที่มีการกล่าวหา และไม่เคยเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อนมีจำนวน ๓ ถึง ๕ คน เพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกตรวจสอบกับรายงานหรือพยานหลักฐานที่มีอยู่อีกครั้งหนึ่งและให้มีอำนาจเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคำได้โดยคณะบุคคลดังกล่าวอาจตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกตรวจสอบแต่ละรายหรือหลายรายพร้อมกันก็ได้ ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จ ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งในกรณีที่ผลการตรวจสอบพบว่าการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาถูกต้องแล้ว หรือไม่มีเหตุอันควรเปลี่ยนแปลงใด ๆ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบในกรณีที่ผลการตรวจสอบไม่สอดคล้องกับผลการตรวจสอบเดิมของผู้บังคับบัญชา และมีเหตุอันควรเปลี่ยนแปลง ให้สรุปพยานหลักฐานที่มีอยู่และหารือร่วมกับผู้บังคับบัญชาแล้วให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามผลการหารือ โดยถือว่าการดำเนินการตามคำสั่งนี้ทุกขั้นตอนเป็นการดำเนินการทางวินัยโดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับข้าราชการนั้น ๆ แต่ไม่ตัดสิทธิที่ผู้ถูกตรวจสอบจะอุทธรณ์ต่อไปตามกฎหมายหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดอาญาให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ข้อ ๗ เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ ๖ แล้ว ในกรณีไม่ปรากฏว่าผู้ถูกตรวจสอบมีความบกพร่องใด ๆในการปฏิบัติงานหรือไม่มีมูลความผิดทางวินัยหรือความผิดอาญาหรือมีความผิดวินัยแต่มิใช่เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงจึงมีเหตุอันควรงดโทษหรือรับโทษสถานเบาขั้นภาคทัณฑ์ ให้เยียวยาโดยให้ผู้ถูกตรวจสอบไปดำรงตำแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิม ยกเว้นผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ ๓ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ให้กลับไปดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ ทั้งนี้ ศอตช. อาจมีคำแนะนำการเยียวยาด้วยก็ได้ โดยคำนึงถึงข้อมูลความเหมาะสมเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่และพื้นที่ใหม่ การให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกตรวจสอบ และประโยชน์ของทางราชการประกอบกัน
ข้อ ๘ ในกรณีจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคำสั่ง หากปรากฏว่าผู้มีรายชื่อตามคำสั่งยังคงถูกดำเนินการตรวจสอบจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้ ศอตช. รอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจนกว่าจะแล้วเสร็จหรือได้รับแจ้งให้ดำเนินการเยียวยาไปก่อนได้ จึงจะสามารถเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการในกรณีของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคำว่า ผู้บังคับบัญชา ให้หมายถึงผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง และคำว่า รัฐมนตรี ให้หมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีเยียวยาบุคคลดังกล่าว ซึ่งไม่อาจไปดำรงตำแหน่งอื่นนอกพื้นที่ได้ นายกรัฐมนตรีอาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้โดยให้ไปปฏิบัติงานในตำแหน่งเดิมได้
ข้อ ๙ ในกรณีที่ชื่อและตำแหน่งของผู้มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ไม่ตรงตามทะเบียน ประวัติของทางราชการแต่เห็นได้ว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตรงตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน
ข้อ ๑๐ การรับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ หรือประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ของผู้มีรายชื่อในกลุ่มต่าง ๆตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
ข้อ ๑๑ ในกรณีมีปัญหา ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องเสนอปัญหาและแนวทางดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัย คำวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
ข้อ ๑๒ นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี อาจมีคำสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ ๑๓ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
บัญชีแนบท้ายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๕๒/๒๕๕๙
———————————
กลุ่มที่ ๑ ข้าราชการพลเรือน (จำนวน ๑๓ ราย)
๑. นายสุชิน ธรรมพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร
๒. นายสุริยะ โกพัฒน์ตา ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์
๓. น.ต. ชัยศิริ ขุนดำ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชุมพร
๔. นายมนูญ ตันติกุล ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
๕. นายสายันต์ เอี่ยมรอด ประมงจังหวัดชุมพร
๖. นายธัญญพัฒน์ พัฑฒิคงพันธุ์ นายอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
๗. นายปราโมทย์ วนิชาชีวะ ประมงอำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
๘. นายสุชาติ ยังทรัพย์ ประมงอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
๙. นายพชร ศรีมหาเอก เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ
๑๐.นายสุปรีชา สุขเงิน หัวหน้าหน่วยบริหารจัดการประมงทะเลเกาะช้าง จังหวัดตราด
๑๑.นายสุริยะ แพงดี เจ้าพนักงานประมงชำนาญการ ด่านตรวจสัตว์น้ำ จังหวัดตราด
๑๒.นายประสงค์ เอี่ยมวิจารณ์ นักวิชาการขนส่งทางน้ำชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค
สาขาตราด
๑๓.นายประเวศ อวิรุทธพาณิชย์ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง จังหวัดพังงา
กลุ่มที่ ๒ ข้าราชการตำรวจ (จำนวน ๖ ราย)
๑. พล.ต.ต. กษณะ แจ่มสว่าง
๒. พล.ต.ต. นรินทร์ บุษยวิทย์
๓. พ.ต.อ. ธวัช สิทธิกิจโยธิน
๔. พ.ต.อ. สมชาย จันทร์คง
๕. พ.ต.อ. ภคพล ทวิชศรี
๖. พ.ต.ท. จเร รุ่งสาย
กลุ่มที่ ๓ ผู้บริหารและผู้มีตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (จำนวน ๑ ราย)
๑. นายสุริยันต์ ยิ่งบุรุษ ประธานสภาเทศบาลตำบลปากนคร อำเภอเมือง
จังหวัดนครศรีธรรมราช
กลุ่มที่ ๔ ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (จำนวน ๑ ราย)
๑. นายณบวรพจน์(พงศกร) ธวัชชัยวิรุตษ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลภูน้ำหยด อำเภอวิเชียรบุรี
จังหวัดเพชรบูรณ์
