17 ก.ย. 59 – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลแถลงผลงาน 2 ปี โดยมีดัชนีหลายตัวซึ่งในทางเศรษฐกิจมีหลายสถิติที่รัฐบาลไม่ได้บอกประชาชน เช่น การที่ธนาคารโลก และ ไอเอ็มเอฟบอกว่าประเทศไทยมีการขยายตัวต่ำสุดเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านมาตลอด 2 ปี และอาจจะโตต่ำสุดต่อไปอีกในอนาคต แบงค์ชาติบอกการลงทุนจากต่างประเทศใน 6 เดือนแรกของปีนี้หายไปเกือบหมดและต่ำสุดในรอบ 10 ปี หลังจากปีที่แล้วที่หายไป 90% แล้ว และการส่งออกก็ต่ำสุดในรอบ 6 ปี อีกทั้งการว่างงานที่สูงสุดในรอบ 5 ปีเช่นกัน เป็นต้น การเจริญเติบโตที่ฟื้นจาก 0.7% มาเป็น 3.2% แม้จะดูดีขึ้นแต่ก็ยังต่ำกว่าศักยภาพของประเทศไทยมาก ลองคิดดูว่า ถ้าหากสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้มีการลงทุนและการส่งออกโตจะทำให้เศรษฐกิจอาจโตถึง 5-6% ตามศักยภาพได้ และตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์บอกว่า ประเทศไทยไม่ได้หลงทาง และเศรษฐกิจจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

นายพิชัย กล่าวอีกว่า อยากถามว่า จะมีกลจักรทางเศรษฐกิจใดที่จะสามารถขับเคลื่อนได้ ในเมื่อการส่งออกยังติดลบและการลงทุนยังหดหาย จะหวังแต่การท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐคงจะโตยั่งยืนไม่ได้ โดยเฉพาะการที่นายสมคิดยังมองว่าการที่ไทยพึ่งการส่งออก 70% เป็นข้อผิดพลาดนั้นน่าจะเป็นแนวคิดที่หลงทาง  ประเทศไทยจะต้องพึ่งการส่งออกให้เพิ่มมากขึ้นโดยนำรายได้จากการส่งออกมาเพิ่มให้ประชาชนส่วนใหญ่ และเพิ่มการบริโภคในประเทศ ถ้านายสมคิดยังไม่สามารถฟื้นการส่งออกแท้จริงที่ลดลงมา 19 เดือนติด และกลับมองว่าการพึ่งการส่งออกเป็นปัญหาเศรษฐกิจไทยจะไม่สามารถฟื้นได้ และไทยแลนด์ 4.0 จะเกิดไม่ได้เลยถ้าไม่มีการลงทุนจากต่างประเทศที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า เพราะคลัสเตอร์จะไม่เกิด