รัฐยังไม่เบื่อ! อัดสินเชื่อเกษตร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 31 ส.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/707395

 

ครม.ยกเครื่อง 2 กฎหมายเล็งดัดหลังพ่อค้าขี้ฉ้อ

ครม.ผ่านร่าง พ.ร.บ. 2 ฉบับ ยกเครื่องมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตร ปิดช่องโหว่พ่อค้าลักไก่แจ้งนำเข้าสินค้ามาใช้เองส่วนตัว แต่กลับเอาไปขายประ-ชาชน พร้อมเปิดช่องเพิ่มมาตรฐานสินค้าเกษตร จัดเต็มไฟเขียวหนุนโครงการเกษตร แปลงใหญ่ 3,250 ล้านบาท และบริหารจัดการมันสำปะหลังอีก 4,800 ล้านบาท

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฎหมาย 2 ฉบับ เกี่ยวกับการควบคุมมาตรฐานของสินค้า ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ของกระทรวงอุตสาหกรรม และร่าง พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่ง เป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายฉบับเดิมให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และลดปัญหาคอขวดในขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ ให้เกิดความสะดวกมากขึ้น โดยหลังจากผ่านการเห็นชอบจาก ครม.แล้ว จะส่งให้สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจ ก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มีสาระสำคัญกับการช่วยปิดช่องโหว่เรื่องมาตรฐานบังคับสำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพราะในอดีตถ้าเป็นสินค้านำเข้าที่นำมาใช้เองจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาต แต่ก็มีบางรายที่แจ้งนำสินค้าเข้ามาใช้เอง แต่กลับนำไปใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และใช้สินค้าที่ไม่มีมาตรฐานจนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ดังนั้น กฎหมายที่ออกมานี้จึงอุดช่องโหว่ด้วยการ กำหนดให้สินค้านำเข้าต้องขออนุญาตก่อน โดยที่ยกเว้นจะมีเพียงสินค้าที่นำมาเพื่อการศึกษา วิจัย และเป็นตัวอย่าง และการนำเข้ามาเป็นส่วนประกอบเพื่อการส่งออก

นอกจากนั้น ยังแก้ไขการออกประกาศมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจากเดิมที่ต้องออกเป็น พ.ร.ฎ. ซึ่งใช้เวลานาน ให้รัฐมนตรีเป็นผู้ประกาศแทน โดยถ้าเป็นมาตรฐานบังคับจะช่วยลดเวลาจากเดิม 542 วัน เหลือเพียง 180 วัน ส่วนมาตรฐานทั่วไปจะลดจากเดิม 390 วัน เหลือ 150 วัน เพื่อให้สินค้าที่มีความจำเป็นและสำคัญ ต่อเศรษฐกิจของไทยได้รับประกาศที่รวดเร็วขึ้น

ส่วน ร่าง พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร มีสาระสำคัญกำหนดให้การนำเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศที่มีมาตรฐานใกล้เคียงกับมาตรฐานบังคับตามมาตรา 29 วรรคหนึ่งของไทย สามารถนำเข้ามาได้โดยไม่ต้องมีใบรับรองมาตรฐานบังคับจากไทยเพิ่มอีก เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับการนำเข้าสินค้า ไม่เกิดความล่าช้า นอกจากนี้ ได้กำหนดเรื่องเครื่องหมายรับรองจากเดิมที่มี 2 แบบคือ เครื่องหมายบังคับที่ต้องมีการแสดง และเครื่องหมายสมัครใจ ซึ่งต่อไปจะมีสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดออกมามาก และไม่ได้มีเครื่องหมายมารองรับอย่างชัดเจน เช่น สินค้าออ– แกนิก และสินค้าฮาลาล ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการแก้ไขข้อกำหนดในกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

วันเดียวกัน นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ครม.ยังเห็นชอบโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 3,250 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2562 ทั้งนี้ รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้กับ ธ.ก.ส.ในอัตรา 3% ต่อปี รวมวงเงินชดเชยจำนวน 228.60 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการอีก 8 ล้านบาท ส่วนกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ จะเสียดอกเบี้ยในอัตรา 0.01% ต่อปี

โดยเกษตรกรที่รวมกลุ่มกันจะนำสินเชื่อไปใช้ในการจัดหาปัจจัยการผลิต เช่น พันธุ์ปุ๋ย สารชีวภัณฑ์ เครื่องจักรกลขนาดเล็ก หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรวบรวมผลผลิต บริหารจัดการน้ำ หรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงเรือน ลานตาก รวมถึงการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายมีจำนวน 650 แปลง ธ.ก.ส.จะเป็นผู้อนุมัติสินเชื่อให้แปลงละไม่เกิน 5 ล้าน บาท คาดว่าจะลดต้นทุนการผลิตได้ 20% และเพิ่มผลผลิตได้ 20%

นอกจากนี้ ครม.ยังได้อนุมัติแนวทางการ บริหารจัดการมันสำปะหลังปี 2559-2560 สินเชื่อรวม 4,800 ล้านบาท รัฐชดเชยดอกเบี้ยรวม 567 ล้านบาท ประกอบด้วย 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง 3% ต่อปี รายละไม่เกิน 80,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน 2.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี วงเงินกู้รายละไม่เกิน 230,000 บาท วงเงิน สินเชื่อรวม 2,300 ล้านบาท 3.โครงการสินเชื่อเพื่อ รวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบัน เกษตรกร คิดดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อปี วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท และ 4.โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับ มาตรฐานการผลิตและแปรรูปมันสำปะหลัง คิดดอกเบี้ย 3% ต่อปี วงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท.

 

Leave a comment