เปิดใจนายกสมาคมนักศึกษามุสลิมไทย’โมร็อกโก’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/edu-health/234481

เปิดใจ, นายก, สมาคม, นักศึกษา, มุสลิม, ไทย, โมร็อกโก, สมาคมนักศึกษาไทยในโมร็อกโก

การศึกษา-สาธารณสุข >บทความ  : 21 ก.ค. 2559

เปิดใจนายกสมาคมนักศึกษามุสลิมไทย’โมร็อกโก’

เปิดโลกการศึกษามุสลิม ตอน: เปิดใจนายกสมาคมนักศึกษามุสลิมไทย’โมร็อกโก’

            แม้เรื่องการส่องนักศึกษามุสลิมไทยที่ไปเรียนในต่างประเทศจะเงียบหายไปตามหน้าสื่อต่างๆ หรือแม้แต่เฟซบุ๊ก แต่ผมมั่นใจว่ายังไงก็ยังคงคาใจของใครๆ หลายๆ คนทั้งในระบบราชการ หรือคนสามัญทั่วไป โดยเฉพาะผู้ปกครองที่ส่งลูกไปเรียนศาสนาในต่างแดน หน้าที่สื่ออย่างผมกับคอลัมน์เปิดโลกการศึกษามุสลิมมีโอกาสนั่งคุยกับนายกสมาคมนักศึกษาไทยใน “โมร็อกโก” ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่พวกเขา 51 ชีวิต รวมตัวกันอยู่ในประเทศแห่งนี้

“โดยส่วนตัวแล้ว ผมเองก็เป็นนักศึกษาที่มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมมีความรู้สึกว่า ไม่มีคำว่ามลายู หรือพวกมลายู ในสมาคมแห่งนี้ตั้งแต่ผมได้รู้จักกับสมาคมนักศึกษาไทยในโมร็อกโก อันเนื่องมาจากความเป็นหนึ่ง ความห่วงใย และมิตรภาพที่ดีของรุ่นพี่ในสมาคมแห่งนี้ ทำให้พี่ๆ น้องๆ เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ กับสมาคม และสังคมนักศึกษาทั้งไทยและในกลุ่มอาเซี่ยนด้วยกัน โดยเฉพาะการเข้าร่วมงานกับราชการอย่างใกล้ชิดด้วยความเต็มใจและมีความสุ” นายอนีส แบดอเลาะ นายกสมาคมนักเรียนไทยโมร็อกโก พูดด้วยความหนักแน่น

“นายอนีส แบดอเลาะ” นายกสมาคมนักเรียนไทยโมร็อกโก เป็นนักศึกษาจาก จ.ปัตตานี จบการศึกษาสถาบันศาสนาจากโรงเรียนบากงวิทยา บินลัดฟ้าไปศึกษาต่อด้านศาสนาได้รับความไว้วางใจให้เป็นนายกสมาคมนักศึกษาในโมร็อกโก ซึ่งอนีสได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษาและการทำงานในตำแหน่งนายกว่า ปัจจุบันนักศึกษาไทยในโมร็อกโกทั้งหญิงและชายมีทั้งหมด 51 คน มาจากหลายจังหวัดของไทย และรวมตัวกันอยู่ภายใต้ “สมาคมนักศึกษาไทยในโมร็อกโก” แบบพี่ดูแลน้องจริงๆ

สำหรับหน้าที่ของนายกสมาคม คือ การจัดประชุม การเข้าถึงปัญหาของนักศึกษา การเป็นนายกสมาคมต้องใจกว้างและเข้าถึงนักศึกษา โดยการถามไถ่ถึงสารทุกข์สุกดิบของนักศึกษาในแต่ละเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การใช้ชีวิตร่วมกัน การเข้าสังคม ความปลอดภัย รวมถึงการประเมินเกณฑ์การเรียนของนักศึกษาใหม่ และสมาชิกทั้งหมด ผลักดันให้ผู้เข้าร่วมประชุมทำงานแบบราชการ ในเรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนการประชุม การเตรียมเอกสาร วาระการประชุมและอื่นๆ ที่สำคัญกระตุ้นให้ทุกคนมีการตื่นตัวในการทำหน้าที่การเป็นนักศึกษา การเป็นผู้นำในแต่ละหน้าที่ของกรรมการ

รวมถึงการเข้าสังคมการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งคอยประสานงานระหว่างนักศึกษากับสถานเอกอัครราชทูตในโครงการต่างๆ และการเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการร่วงงานกับสมาคมนักศึกษามาเลเซีย อินโดนีเซียอีกด้วย

สังคมโดยรวมของนักศึกษาไทยในโมร็อกโก อยู่ในระดับที่ดีมาก ไม่มีการแบ่งแยกระหว่าง ภาคกลาง ภาคใต้ มลายู เราอยู่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำงานร่วมกัน

แต่ละคนมาจากต่างสถานที่ ต่างสถาบัน ซึ่งย่อมมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม ด้านการสื่อสาร การใช้คำพูด หากเปรียบกับสังคมในประเทศไทย ความต่างนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้คนแตกแยกกันได้

ทว่าไม่สามารถใช้คำนี้กับนักศึกษาไทยในโมร็อกโกได้ อันเนื่องมาจากความเป็นเพื่อนและมิตรภาพที่ดีที่มีให้กัน ทำให้พวกเรามองข้ามจุดนี้ไปได้ (ถึงเราจะแตกต่าง แต่เราไม่แตกแยก) แม้แต่เรื่องภาษามลายูก็ไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้นในการทำงานร่วมกัน กลับเป็นผลดีกับนักศึกษา 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้ได้มีการพัฒนาด้านการใช้ภาษาไทย และความกล้าแสดงออกในการพูด ทั้งนี้ก็ยังสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยในการเป็นตัวแทนสมาคมเข้าร่วมประชุมกับสมาคมนักศึกษามาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย

ข่าวแพร่สะบัดออกมาว่า รัฐส่องนักศึกษาศาสนาในต่างประเทศ สิ่งแรกที่เรารู้สึกคือ “เสียใจ” เพราะเราทุกคนต่างต้องการศึกษาด้านศาสนา เพราะนอกจากทำให้ตัวเราอยู่บนแนวทางที่ถูกต้อง ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ทำร้ายหรือทำลายสังคม เพราะเราอิสลามเน้นความสงบสุข ความสันติ และนี่คือสิ่งที่พวกเรานักศึกษาศาสนาต้องการ แต่หากมีกลุ่มที่คิดแบ่งแยกจริงๆ ข่าวนี้ก็จะทำให้พวกเขาชะงักหรือลดละหรืออาจวางมือก็เป็นได้ แต่นักศึกษามุสลิมไทยในโมร็อกโกไม่มีนี้แน่นอน เพราะรุ่นพี่วางรากฐานมาดี

ท้ายสุดก่อนจากกัน นายกสมาคมโมร็อกโกทิ้งท้ายไว้ว่า “อิสลามในแง่คิดของผมเปรียบเสมือนความเค็มของน้ำทะเล ซึ่งน้ำทะเลสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่เน่า หรือส่งกลิ่นเหม็น ทั้ง ๆ ที่คนสวนใหญ่ ทิ้งขยะ สารเคมี และสิ่งสกปรกต่างๆ ลงในนั้น ก็เป็นเพราะความเค็มของมันที่รักษาน้ำนั้นไม่ให้เน่าเสียได้ ซึ่งเปรียบกับโลกใบนี้ เสมือนทะเล ที่มันยังอยู่ได้โดยไม่เน่าเสีย เพราะอิสลามที่เปรียบดั่งความเค็มของมัน ผมตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า ถ้าโลกใบนี้ไม่มีคำว่า อิสลาม โลกจะเป็นอย่างไร?

 

Leave a comment