เลิกลือ! ‘พาณิชย์’ ยันญี่ปุ่นไม่ได้ยื่นจดสิทธิบัตรสารสกัดจากใบกระท่อม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ก.ย. 2559 14:35

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/712958

 

ก.พาณิชย์ เผยนักวิจัยญี่ปุ่นไม่ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรสารสกัดจากใบกระท่อมในไทยอย่างที่เป็นข่าว ยันตาม กม.สิทธิบัตรไทย ไม่รับจดสารสกัดจากพืช และ กม.คุ้มครองพันธุ์พืช กำหนดใครจะเอาพันธุ์พืช สมุนไพรไทยไปใช้ ต้องขออนุญาต และต้องแบ่งปันผลประโยชน์ให้ด้วย

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 59 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีนักวิจัยญี่ปุ่นได้วิจัยใบกระท่อม และนำไปจดสิทธิบัตรในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น รวมทั้งในไทยว่า ยืนยันว่า กรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมของไทย ไม่อนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรพืช หรือสารสกัดจากพืช แต่ พ.ร.บ.สิทธิบัตรไทย จะรับจดเฉพาะกระบวนการ หรือวิธีการที่ใช้ในการสกัด ที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ หรือต่อยอดไปจากวิธีการเดิมทั่วๆ ไปเท่านั้น ไม่รับจดสิทธิบัตรสารสกัดใหม่ที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ พ.ร.บ.สิทธิบัตรของไทยยังไม่อนุญาตให้บุคคลใดถือสิทธิแต่เพียงผู้เดียว กับสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งกระท่อมเป็นพืชพื้นเมืองทั่วไป ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ จึงไม่ต้องกังวลว่าไทยจะรับจดสิทธิบัตรให้นักวิจัย ทั้งไทย และต่างชาติ และจากการตรวจสอบของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ไม่พบนักวิจัยญี่ปุ่นยื่นคำขอจดสิทธิบัตรสารสกัดใบกระท่อมในไทย อีกทั้ง กระท่อมอยู่ในบัญชีสารเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ห้ามผู้ใดผลิต นำเข้า จำหน่าย ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง หากจะดำเนินการต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีก่อน

สำหรับข้อกังวลเรื่องต่างชาติเอาพืชไทยไปพัฒนาต่อยอดโดยไม่ขออนุญาตก่อน และไม่แบ่งปันผลประโยชน์นั้น ไทยมีกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช ภายใต้การกำกับดูแลของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งกำหนดว่าใครจะเอาพันธุ์พืชไทยไปใช้ต้องขออนุญาตก่อน และต้องเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ ซึ่งสอดรับกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biodiversity หรือ CBD) ซึ่งไทยเป็นสมาชิก

“ถ้าบริษัทยาข้ามชาติ ซึ่งเป็นสมาชิก CBD เช่น อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น เป็นต้น จะเอาใบกระท่อม ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของไทยไปพัฒนาต่อยอด ก็ต้องขออนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วต้องแบ่งปันผลประโยชน์ให้ไทย ในฐานะเป็นสมาชิก CBD เช่นกัน แต่บริษัทของประเทศเหล่านี้จะไม่สามารถตั้งฐานการผลิตยาจากใบกระท่อมในไทย หรือส่งออกมาไทยได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจาก รมว.สาธารณสุข เพราะกระท่อม ซึ่งใบมีสารเสพติดให้โทษถือว่าห้ามผลิต จำหน่ายในประเทศ และห้ามนำเข้าด้วย”

อย่างไรก็ตาม เพื่อเตรียมการรองรับการเจรจาจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ด้านการคุ้มครองทรัพยากรพันธุกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการแสดงออกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมนั้น ไทยได้ร่วมกับประเทศกำลังพัฒนา ผลักดันให้มีการกำหนดเงื่อนไขการบอกแหล่งที่มา การขออนุญาตก่อนใช้ และแบ่งปันผลประโยชน์กับประเทศ หรือชุมชนเจ้าของทรัพยากรพันธุกรรม กรณีการนำสมุนไพร ทรัพยากรพันธุกรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นไปใช้ ก่อนยื่นขอรับจดทะเบียนสิทธิบัตร

เมื่อเร็วๆ นี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับไทยแล้ว เพื่อจัดทำฐานข้อมูลพืชสมุนไพร ทรัพยากรพันธุกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย เพื่อให้ภาครัฐ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใช้เป็นแหล่งข้อมูลเพื่อติดตาม ตรวจสอบ และบังคับใช้ตามเงื่อนไขการขออนุญาตก่อนใช้ และแบ่งปันผลประโยชน์ให้ประเทศ/ ชุมชน ภายใต้ระบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ biothai.net ระบุว่า กรณีที่นักวิจัยญี่ปุ่นยื่นจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกระท่อมนั้น เป็นความร่วมมือในการศึกษาวิจัยของนักวิจัยญี่ปุ่น ร่วมกับนักวิจัยไทย โดยได้นำผลงานการวิจัยดังกล่าวไปยื่นขอจดสิทธิบัตรที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบัน ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วใน 2 ประเทศ ล่าสุด นักวิจัยญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการยื่นขอจดสิทธิบัตรผ่านสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (PCT) โดยยื่นขอจดที่ประเทศเดียว แต่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ในทุกประเทศที่เป็นสมาชิก PCT ซึ่งรวมถึงไทยด้วย

 

Leave a comment