ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/politic/244907
การเมือง >ข่าวการเมือง : 4 ต.ค. 2559
“มาร์ค” ชี้หาก ส.ว. ขัดขวางตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ยุ่งแน่
“มาร์ค” ชี้เร็วเกินไปถามหานายกฯคนนอก เชื่อถ้า ส.ว. สกัดชื่อนายกฯในบัญชีเกิดปัญหาการเมืองแน่ ลั่นไม่จับมือเพื่อไทยหากจุดยืนเหมือนเดิม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการมาของนายกรัฐมนตรีคนนอก หลังการเลือกตั้ง ว่าเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะยังไม่ทราบว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร อีกทั้งยังไม่เคยทดลองใช้ระบบการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว และในอดีตก็เคยมีพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากในสภาฯเกินร้อยละ 40 มาแล้ว ดังนั้นการที่บอกว่าไม่มีใครได้เกินร้อยละ 50 นั้น เป็นการพูดเร็วเกินไป หรือถ้าหากไม่มีพรรคใดได้เสียงถึง 250 แล้วส.ว.พยายามสกัดกั้นเชื่อว่าจะเป็นปัญหาทางการเมืองแน่นอน เพราะได้เสียงจากประชาชนเกินครึ่งแต่ถูกสกัดไม่ให้เป็นรัฐบาล หรือเป็นนายกฯ แล้วพรรคนั้นไม่ยอมไปร่วมรัฐบาลด้วย รัฐบาลที่มาแทนจะอยู่ได้ลำบาก
นายอภิสิทธ์ กล่าวอีกว่า หากไม่มีพรรคไหนได้เกินครึ่ง ก็ไม่ได้มีสูตรว่าจะต้อง 2 พรรคใหญ่ คือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ต้องจับมือกันแล้วเสียงจะเกินครึ่ง ซึ่งที่จริงไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ อาจจะมีพรรคใหญ่ร่วมกับพรรคอื่นๆ แล้วได้เสียงเกินครึ่ง หากมีพรรคใหญ่ได้เกิน 250 เสียง ถามว่า ส.ว.จะยังไม่ให้เป็นรัฐบาลจะเป็นไปได้หรือไม่ เราก็ไม่รู้ จึงเป็นการพูดที่เร็วเกินไป เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ชี้ว่ารัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร และเมื่อยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ แล้วไปคิดเอาเองว่า 2 พรรคใหญ่ คือประชาธิปัตย์ กับเพื่อไทย จะต้องจับมือ หรือไม่จับมือกันเท่านั้น แล้วคนนอก ตนรู้สึกมีอยู่คนเดียวที่พูดกันอยู่ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. จึงเป็นการวิเคราะห์ที่เร็วเกินไป
เมื่อถามว่าโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์ จะร่วมกับพรรคเพื่อไทยเป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าต้องถามตอนเลือกตั้ง เพราะขณะนี้ไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีหรือไม่ หรือพรรคประชาธิปัตย์อาจจะถูกเซ็ตซีโร่ก็ได้ รวมทั้งไม่รู้ว่าบุคลากร นโยบายต่างๆ เป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามตนพูดชัดเจนแล้วว่า หากพรรคเพื่อไทยยังคงมีจุดยืนเดิม เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับครอบครัว หรือบุคคล และยังมีปัญหาเรื่องนิรโทษกรรม การคอร์รัปชั่น หรือการดำเนินงานทางการเมืองที่เอาความรุนแรงมาใช้ ผ่านกลไกมวลชน ประชาธิปัตย์ไม่ร่วมด้วยแน่นอน หรือแม้จะแยกไปตั้งพรรคใหม่เพื่อมาขอร่วมด้วยก็ตาม
“แทนที่จะถามประชาธิปัตย์ ต้องกลับไปถามคนอื่น เพราะเรามีจุดยืน นโยบายชัดเจนที่สุดในขณะนี้ และผมพูดตลอดว่า นี่คือนักการเมืองอาชีพ ต้องพูดอย่างนี้ แต่พรรคอื่นขณะนี้ยังไม่ทราบว่า เขาคิดอย่างไร ส่วนพรรคเพื่อไทยจะไปร่วมกับพรรคไหนไม่ทราบ ดีที่สุดวันนี้ เราควรเอาเรื่องของวิสัยทัศน์ ความตั้งใจของแต่ละพรรคมาพูดให้ชัดว่า แต่ละคนต้องการให้ประเทศไทยเดินไปทางไหน ไม่ใช่หมกมุ่นกับว่าใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นนายกฯ โดยไม่ดูว่าทิศทางของประเทศ และกว่าจะถึงวันเลือกตั้งสังคมไทยต้องค้นหา ว่าแต่ละพรรคการเมืองคิดอย่างไร เพื่อไทยจะมีสาขา ไม่มีสาขาพรรคขนาดกลางคิดอย่างไร เมื่อตัวเลขออกมาถึงจะเป็นตัวบ่งบอก ถ้าคิดแต่ว่าจะตกลงอะไรกันอย่างไรก็ได้ ขอให้ตัวเลขถึง การเมืองจะถอยหลังมาก เท่ากับประชาชน ไม่มีส่วนร่วม สรุปแล้วคือนักการเมือง อะไรก็ได้ขอให้เป็นรัฐบาล” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะใช้อำนาจพิเศษยุบสภา หากหลังเลือกตั้งแล้วยังเลือกนายกฯไม่ได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากเลือกนายกฯไม่ได้ รัฐบาลชุดนี้ก็จะทำงานต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ และยังคงมีอำนาจตามมาตรา 44 แต่ก็คงจะขลุกขลัก เพราะอาศัยกลไกสภาฯตามปกติคงยาก เท่ากับเป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสียงในสภาฯเลย ยกเว้นส.ว. ส่วนโอกาสที่รัฐบาลจะใช้มาตรา 44 ยุบสภา เพื่อให้การมีเลือกตั้งกันใหม่นั้นในประเทศอังกฤษก็เคยมี เลือกตั้งมาแล้วจัดรัฐบาลไม่ลงตัว ก็ยุบสภาภายในไม่กี่เดือนเพื่อ เลือกตั้งใหม่ หรือในสเปนก็คล้ายแบบนี้ ถือเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่ตนยังมีความเชื่อว่าต่อให้เขาจะมาจากการแต่งตั้ง แต่ถ้ากระแสสังคมบอกว่าต้องไปทางใดทางหนึ่งอย่างมีความชัดเจนพอสมควร เขาก็ต้องฟัง แต่หากกระแสสังคมไม่ชัดเจน คือแล้วแต่นักการเมืองจะมาตกลงกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง