ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/237807
วันศุกร์ ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
กรมชลประทานยังคงเร่งระบายน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง พร้อมออกประกาศเตือนจังหวัดภาคกลางตอนล่าง โดยเฉพาะจังหวัดท้ายเขื่อนเฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาเมื่อวันที่ 29 กันยายนว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำจากแม่น้ำปิงและน.น่านมารวมที่ จ.นครสวรรค์ยังอยู่คงที่ระดับ 1,790 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที เมื่อรวมน้ำจ.อุทัยธานีมีน้ำไหลด้านข้างลุ่มน้ำสะแกกรังทำให้น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีระดับสูง 2,342 ลบ.ม.ต่อวินาทีหรือเท่ากับ 202 ล้านลบ.ม.ต่อวัน ดังนั้น กรมจึงบริหารจัดการระบายออกสองฝั่งเจ้าพระยาเข้าคลองชัยนาท-อยุธยา 127 ลบ.ม.ต่อวินาที เข้าคลองชัยนาท -ป่าสัก 217 ลบ.ม. และระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้ 7 จังหวัดท้ายเขื่อนระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตร (ซม.)
ที่ลุ่มเจ้าพระยาหนักถึงต.ค.
นายสุเทพกล่าวต่อว่า สาเหตุที่ต้องเร่งพร่องน้ำลงทะเลโดยเร็วช่วงนี้ เพื่อให้น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาลดระดับลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 1 ซม. มีพื้นที่ว่างรับน้ำเหนือและปริมาณฝนตกชุกช่วงปลายสัปดาห์นี้ต่อเนื่องถึงกลางเดือนตุลาคม เพราะตั้งแต่วันที่ 18-19 ตุลาคมเป็นต้นไปจะมีน้ำทะเลหนุนสูงกว่า 1.30 เมตร การระบายน้ำทำได้ช้าลง ฉะนั้น ทุกจังหวัดลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างยังคงเฝ้าระวังระดับน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำต่อไปตลอดเดือนตุลาคม รวมทั้งเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์รับน้ำได้อีกเพียง 150 ล้านก็จะเต็มแล้ววันนี้ปล่อยเต็มที่ 40 ล้านลบ.ม./วัน
เตือนท้ายเขื่อนเจ้าพระยาน้ำล้น
ขณะที่กรมชลประทานออกหนังสือแจ้งเตือน 7 จังหวัดภาคกลาง คือ ชัยนาท นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และลพบุรี เตรียมรับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง จากที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพิ่มอัตราการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเป็น 1,998 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ จ.สิงห์บุรี ริมคลองบางโผงเผง จ.อ่างทอง อ.บางบาล อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา รวมถึงท้ายแม่น้ำน้อยมีระดับน้ำสูงขึ้นอีก 50-70 ซม. ทำให้พื้นที่น้ำท่วมขยายวงเพิ่ม 2 ฝั่ง
“ป่าสัก”น้ำเพียบต้องเร่งพร่อง
ด้านนายเลิศชัย ศรีอนันต์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เปิดเผยสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาว่า ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่น้ำจะเต็มเขื่อนวันที่ 8 ตุลาคม หากไม่เร่งพร่องน้ำออก ขณะนี้มีพื้นที่รับน้ำได้เพียง 180 ล้านลบ.ม.เท่านั้น วันเดียวกันนี้ กรมชลฯปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 20 ล้านลบ.ม.ขึ้นเป็น 31 ล้านลบ.ม.และจะทยอยปล่อยน้ำเต็มที่ โดยจะควบคุมให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหกลงทะเลให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามและแจ้งปัญหาสถานการณ์น้ำได้ที่สายด่วน 1460 ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนอีก 3 เขื่อนได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน กรมชลประทานลดปริมาณระบายน้ำออกจากเขื่อน เพื่อเก็บไว้ใช้ให้ได้มากที่สุดก่อนหมดฤดูฝน
ปภ.เฝ้าระวัง3จว.อาการหนัก
ส่วนนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งสถานการณ์น้ำจากกรมชลประทานเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จาก 20.75 ล้านลบ.ม./วันเป็น 40 ล้านลบ.ม./วัน หรือประมาณ 460 ลบ.ม./วินาที โดยมวลน้ำดังกล่าวจะไหลไปรวมกับน้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสัก และควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตราไม่เกิน 600 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้แม่น้ำป่าสักตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา จนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 1.00-1.50 เมตร
ดังนั้นจึงประสาน 3 จังหวัดภาคกลางคือ ลพบุรี สระบุรีและพระนครศรีอยุธยา รวมถึงศูนย์ ปภ.ในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงหน่วยชลประทานในพื้นที่ให้เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เปิด-ปิดประตูระบายน้ำให้สอดคล้องกับอัตราความเร็วของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก และปริมาณฝนที่ตกหนักไหลมาสมทบ พร้อมแจ้งเตือนประชาชน นอกจากนี้ยังประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
ถ.เลียบคลอง13ปทุมจมแล้ว
สำหรับสถานการณ์น้ำในแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง ที่ถ.เลียบคลอง13 หนองเสือ-ธัญบุรี ต.ศาราครุ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานีฝั่งตะวันออกและตะวันตกขณะนี้ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำไหลท่วมผิวทาง 10 จุด ระดับน้ำสูง 70 ซม. ส่งผลให้ประชาชนสัญจรไปมายากลำบาก ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ เจ้าหน้าที่เร่งนำรถแบคโฮออกตั้งคันดิน พร้อมเร่งนำกระสอบมากั้นน้ำไหลเข้าท่วมและตั้งเครื่องสูบน้ำออก ให้ประชาชนสัญจรไปมาสะดวก
ระดับน้ำที่อ่างทองเพิ่ม70ซม.
สถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระไหลผ่านจ.อ่างทองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน วันเดียวกันนี้ จังหวัดประกาศเตือนว่าจะมีน้ำเพิ่มปริมาณขึ้นอีก 50-70 ซม. โดยที่หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทองน้ำไหลผ่าน 1,947 ลบ.เมตร/วินาที ระดับน้ำอยู่ที่ 7.40 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.44 เมตร จ.อ่างทองมีผู้ประสบภัยน้ำท่วม 3 อำเภอได้แก่ วิเศษชัยชาญ ป่าโมกและเมือง 10 ตำบล 30 หมู่บ้าน 583 ครัวเรือน ส่วนพื้นที่เกษตรที่นาล่มจมน้ำที่อ.สามโก้ อ.แสวงหาและอ.เมือง
โผงเผงเร่งกรอกกระสอบทรายกั้น
ด้านนายไพบูลย์ ศุภบุญ นายอำเภอป่าโมก พร้อมทหารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 11 รักษาพระองค์ จ.ลพบุรี ชาวบ้านในต.โผงเผงเร่งกรอกกระสอบทราบเพื่อวางเสริมคันดินในหมู่บ้านรับปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนที่น้ำท่วมขังในบ้านได้อพยพมาอาศัยอยู่ในเต้นท์ริมถนน
ย้ายไก่ชนหนีน้ำเลี้ยงบนบ้าน
ขณะที่นายเชาว์ อิ่มประยูร อายุ 66 ปี บ้านเลขที่ 23/1 หมู่ 4 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงไก่ชน นำไก่ชนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์และลูกไก่ตัวเล็กๆรวม 50 ตัว ขึ้นไปเลี้ยงบนบ้านและหลังคาบ้าน เพราะถ้านำไปเลี้ยงริมถนนเกรงจะถูกขโมย เพราะไก่ชนแต่ละตัวมีราคาแพง
ชาวมโนรมย์เร่งขนของหนี
ส่วนที่อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท น้ำเอ่อล้นตลิ่งทำให้ประชาชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาเร่งขนสิ่งของขึ้นที่สูง หลังช่วงกลางดึกที่ผ่านมาระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 20 เซนติเมตร โดยนางตะล่อม โพธิ์มูล เปิดเผยว่า น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงต.วัดโคกซึ่งอยู่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตลอดสัปดาห์ ใต้ถุนบ้านตนมีน้ำท่วมสูง 1.20 เมตร ตนจึงขนของใส่เรือนำไปฝากไว้บ้านญาติก่อน แต่ถ้าน้ำสูงกว่านี้ก็คงต้องตัดสินใจทิ้งบ้านไปอยู่กับญาติชั่วคราว เพราะบริเวณนี้เคยถูกน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 น้ำสูงจนมิดหลังคา
พิจิตรน้ำป่าหลากท่วม3อ.รร.จม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.พิจิตรว่า น้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ที่ไหลมาจากอ.ชนแดนยังไหลเข้าท่วม3 ตำบลในอ.ดงเจริญคือ ต.ห้วยพุก ต.วังงิ้วใต้ และต.วังงิ้วชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 700 หลังคาเรือน โดยเฉพาะโรงเรียนห้วยพุกวิทยา ต.ห้วยพุก น้ำไหลเข้าท่วมห้องเรียนระดับชั้นอนุบาล ที่อยู่ด้านล่างของตัวอาคาร รวมถึงบริเวณโรงเรียนถูกน้ำท่วมขังนักเรียนต้องลุยน้ำไปเรียนหนังสือ โดยย้ายขึ้นไปเรียนชั้นสองแทน แต่โรงเรียนยังไม่ปิด เพราะใกล้สอบกลางภาค นอกจากนั้น น้ำยังท่วมบ้านเรือนในต.ห้วยพุกประมาณ 30 หลังระดับน้ำสูง 80 ซม.-1 เมตรรวมถึงนาข้าวซึ่งกำลังตั้งท้อง
อุดรฯพายุงวงช้างถล่ม2อ.อ่วม
ที่จ.อุดรธานี ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาเกิดพายุงวงช้างพัดถล่มหนัก 2 อำเภอคือ อ.หนองหาน อ.กู่แก้ว ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านพังเสียหายหลายพื้นที่ เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นประมาณ 20 ต้น ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเร่งซ่อมไฟให้ใช้ได้เป็นการด่วน ขณะที่นายเฉลิมศักดิ์ อินทร์หา ปลัดอาวุโสอ.กู่แก้ว ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจและให้การช่วยเหลือพบมีครอบครัวผู้ประสบภัยประมาณ 50 หลังคาเรือน เช่นเดียวกับ อ.หนองหานเสียหายหนักหลายจุด เช่น สภ.หนองหาน ต้นไม้ใหญ่รอบตัวอาคารถูกพายุงวงช้างพัดหักโค่นมาทับรถที่จอดอยู่หน้าสภ.เสียหายหลายคัน รวมถึงบ้านของผกก.สภ.หนองหานก็ถูกพายุงวงช้างถล่มจนหลังคาเปิดเสียหายหนักเช่นกัน
กทม.เฝ้าระวังฝนหนักถึง4ตค.
วันเดียวกัน นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯกทม.)ในฐานะรักษาราชการแทนผู้ว่าฯกทม. ประชุมเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฝนตกน้ำท่วมในพื้นที่กทม.ก่อนเปิดเผยว่า
ได้กำชับผอ.เขตและผอ.สำนักที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมป้องกันแก้ปัญหาโดยเฉพาะในจุดอ่อน 300 จุด ทั้ง อุปกรณ์ เวชภัณฑ์ถุงยังชีพและเจ้าหน้าที่ ซึ่งกทม.ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำถึงวันที่ 4 ตุลาคม
เตรียมกระสอบทราย6แสนใบ
ด้านนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า กทม.ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แม้ขีดความสามารถที่แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงผ่านกรุงเทพฯจะรับได้สูงสุดมากถึงระดับ 2,400- 2,500 ลบ.ม./วินาที โดยสำนักการระบายน้ำได้นำกระสอบทรายไปเสริมในจุดที่เขื่อนชำรุดในพื้นที่เอกชน เช่น ย่านสัมพันธวงศ์ นอกจากนี้ยังกำชับเขตในฝั่งตะวันออกที่มีคลองจำนวนมากซึ่งขณะนี้น้ำในคลองเต็ม ได้เร่งนำกระสอบทรายไปป้องกันจุดเสี่ยง แต่ละเขตเตรียมไว้ 2 แสนใบ และสำนักการระบายน้ำสำรองไว้ในส่วนกลางอีก 4 แสนใบ นอกจากนี้ เตรียมพร่องน้ำในคลองต่างๆให้อยู่ต่ำกว่าปกติ เพื่อรองรับนที่จะตกลงมา
เตือนคนกรุงรับมือฝนหนัก30กย.
นายสมพงษ์ เวียงแก้ว ผอ.สำนักการระบายน้ำเปิดเผยว่า ปริมาณฝนสะสมในกทม. ตั้งแต่วันที่ 1-29 กันยายน โดยเฉพาะเขตหลักสี่ สายไหม ดอนเมือง อยู่ที่ 490 มิลลิเมตร(มม.) ส่วนเขตกทม.ตะวันออก อยู่ที่ 460 มม. ทำให้ปริมาณน้ำในพื้นที่มีจำนวนมาก อีกทั้ง ยังพบร่องมรสุมพาดผ่านกทม.ทำให้วันที่ 30 กันยายนมีฝนตกหนัก ขอให้ทุกเขตช่วยเฝ้าระวัง นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์พายุชบาอย่างใกล้ชิด และขอแจ้งเตือนประชาชนพื้นที่คลองเปรมประชากร ช่วงเขตหลักสี่ ดอนเมือง คลองแสนแสบช่วงเขตหนองจอก คลองสามวา มีนบุรี คลองประเวศบุรีรมย์ ช่วงขตลาดกระบัง คลองบางนา ช่วงเขตบางนา ประเวศ และ คลองลาดพร้าว ช่วงเขตสายไหม บางเขนและลาดพร้าว เตรียมความพร้อมไว้ด้วย
พิษณุโลกเร่งดึงน้ำยมเข้า3แก้มลิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.พิษณุโลกยังคงมีน้ำท่วมขังเป็นวงกว้างในอ.บางระกำ ขณะที่แม่น้ำยมที่ไหลผ่านอ.บางระกำอยู่ที่ระดับ 8.14 เมตรเป็นระดับขึ้นสูงสุด โดยชลประทานจังหวัดเร่งขุดลอกคูคลองท่อรอด เพื่อดึงน้ำจากแม่น้ำยมมาเก็บไว้ในแก้มลิง 3 แห่งของอ.บางระกำคือ บึงระมาณ บึงตะเคร็ง บึงขี้แร้ง ที่ขุดลอกแล้วเสร็จมา 2 ปีแล้ว แต่ยังกักเก็บน้ำไม่เต็มที่ โดยนายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผอ.โครงการชลประทานพิษณุโลกเผยว่า บึงทั้งสามแห่งเก็บน้ำได้ตั้งแต่ 1.8-16 ล้านลบ.ม.แต่ปัจจุบันมีน้ำอยู่เพียง 1 แสนลบ.ม.-5 ลบ.ม.เท่านั้น เพราะติดปัญหาทำนบกั้นน้ำและท่อลอดข้ามถนน ซึ่งแก้ปัญหาแล้ว และจะดึงน้ำที่ท่วมขังอ.บางระกำมาเก็บยังแก้มลิงดังกล่าวให้ได้มากที่สุด เพื่อใช้ในฤดูแล้ง
ปักธงแดงหาดเขาหลักเตือนคลื่นแรง
ส่วนสถานการณ์ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามัน เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ทที่อยู่ติดกับชายหาดเขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ให้ติดตั้งแผ่นป้ายที่มีข้อความประชาสัมพันธ์ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ และปักธงแดงเตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำเด็ดขาด เพราะบริเวณตลอดแนวชายหาดเขาหลักมีคลื่นสูง รวมทั้งยังเตรียมอุปกรณ์การช่วยชีวิตไว้ป้องกันเหตุฉุกเฉิน ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจ.ระนอง พังงาและภูเก็ต ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
