ปลากระป๋อง?อาหารสามัญประจำบ้าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05120150559&srcday=2016-05-15&search=no

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 623

ครัวชาวบ้าน

พิชญาดา เจริญจิต phitchayada7@hotmail.com

ปลากระป๋อง?อาหารสามัญประจำบ้าน

ปัจจุบัน คนหันมารับประทานอาหารกระป๋องกันมากขึ้น เพราะสะดวกสบาย เก็บรักษาได้ง่าย พกพาสะดวก มีจำหน่ายอยู่ทั่วไป แต่ทุกครั้งที่เลือกซื้อควรใส่ใจกันสักนิด พิจารณากันให้ละเอียดสักหน่อย เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและคนในครอบครัวค่ะ

การจับปลาออกจากกระป๋อง สำหรับแม่บ้านและพ่อบ้านในยุคสมัยนี้ ต้องยอมรับว่า ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง จนอาจจะพูดได้ว่า ปลากระป๋องนั้น ได้กลายเป็นอาหารสามัญประจำบ้านของหลายๆ ครอบครัวไปแล้วไหม? เพราะด้วยความสะดวกสบาย กินได้ง่าย และกินได้ทันที อีกทั้งผู้ต้องการนำปลามาเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร ก็ไม่ต้องเลอะเทอะเปรอะเปื้อนกลิ่นเหม็นคาวปลาอีกต่อไป เพียงปล่อยหน้าที่ให้ชาวประมงเขาเป็นคนไปจับปลามา แล้วส่งให้โรงงานเอาไปลงกระป๋อง พอมาถึงเราก็เปิดกระป๋องปั๊บ จับปลาออกจากกระป๋อง แล้วเอาไปต้มยำทำแกงซะเลย! มันช่างง่ายดายซะนี่กระไร!

แล้วปลาในกระป๋อง

ทำจากปลาอะไร? รู้บ้างไหม?

ปลาในกระป๋อง มีหลากหลายยี่ห้อ หลายราคา คล้ายคลึงกันจนตาลาย ปลากระป๋องส่วนมากทำมาจากปลาซาดีน กับปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาซาบะ เป็นต้น

ปลาแมคเคอเรล ที่จริงก็คือ ปลาทู และปลาลัง ที่มีขนาดเล็กไม่ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการ เขาก็จะนำมาแปรรูปเป็นอาหารกระป๋องแทน เนื้อของปลาแมคเคอเรลมีสารอาหารโปรตีนสูงมาก และยังเป็นโปรตีนที่ย่อยได้ง่าย จึงทำให้มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เพราะเป็นปลาที่มีไขมันต่ำ และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว อย่าง โอเมก้า-3 สูง

ปลาซาดีน เป็นปลาในกลุ่มปลาหลังเขียวของบ้านเรา เป็นปลาต้นตำรับที่นิยมนำมาทำปลากระป๋อง เพราะมีขนาดกำลังดี และสามารถจับได้ในปริมาณมาก แต่เนื่องจากมีปริมาณที่ลดลงจึงหันมาใช้ปลาแมคเคอเรลแทน

ถึงจะเป็นปลาทะเลเหมือนกัน แต่ปลาสองชนิดนี้แตกต่างอย่างชัดเจน เช่น รสชาติของเนื้อปลา สำหรับปลาแมคเคอเรล จะมีเนื้อแน่นๆ กลิ่นคาวน้อย ส่วนปลาซาดีนจะมีเนื้อละเอียดกว่า และมีกลิ่นคาวมากกว่า

ปลากระป๋องมีกี่ชนิด?

ปลากระป๋องในปัจจุบันมีกันหลายปลาจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นปลาซาดีน ปลาทูน่า ปลาทู หรือปลาหางแข็ง ปลาซาบะ ปลาดุกกระป๋อง รวมไปถึงปลาร้ากระป๋องก็ยังมีอีก ส่วนการปรุงรส หรือการบรรจุกระป๋องก็ทำกันหลายแบบ คือ

แบบที่มีซอสมะเขือเทศ เป็นที่นิยมของผู้คนทั่วไป

แบบไม่มีซอส นำไปเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารได้ทันที

แบบแช่ในน้ำมัน นอกจากมีส่วนช่วยให้อร่อยแล้ว ยังมีวิตามินบางชนิดจะละลายในน้ำมันเท่านั้น

แบบแช่ในน้ำเกลือ เหมาะสำหรับประกอบอาหารประเภทผัด ทอด หรือกินทันทีก็ได้

แบบแช่ในน้ำแร่ อาจจะช่วยเพิ่มแร่ธาตุธรรมชาติที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายได้

แบบผัดเผ็ด ส่วนมากจะนิยม

แบบทำเป็นน้ำยา

แบบทำเป็นเนื้อป่นสำหรับใส่เป็นไส้แซนด์วิช หรือผสมกับน้ำสลัดทำเป็นไส้ขนมปัง

ปลากระป๋องแต่ละแบบก็มีคุณค่าทางอาหารที่แตกต่างกันออกไป เช่น ที่แช่อยู่ในน้ำมัน ก็จะให้พลังงานสูงกว่า หากเป็นปลาซาดีนกระป๋องที่แช่อยู่ในน้ำมัน จะมีพลังงานถึง 274 แคลอรี ต่อ 100 กรัม มีไขมัน 20 กรัม โปรตีน 21.7 กรัม แคลเซียม 450 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 430 มิลลิกรัม เหล็ก 30 มิลลิกรัม วิตามินเอ 17 หน่วย หากเป็นผู้สูงอายุหรือผู้จำกัดไขมันสูงอยู่ ก็คงไม่ค่อยเหมาะนัก แต่ถึงอย่างไรในปลากระป๋องก็มีแคลเซียมสูง ช่วยเสริมกระดูกพรุนที่ไปตามอายุขัยของผู้สูงอายุ รวมทั้งมีฟอสฟอรัส ช่วยเสริมเรื่องกระดูก และบำรุงสมองอีกด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมเรื่องไขมัน ถ้าจะกินปลากระป๋อง ก็ควรจะกินปลาซาดีนที่ปรุงรสแล้ว แต่ไม่จัดจ้านจนเกินไป หรือรินน้ำปรุงรสทิ้งไปเสียบ้าง กินแต่ปลาล้วนๆ และก้างปลานุ่มๆ ก็ได้

การกินปลากระป๋อง มีข้อเสียอยู่ตรงที่มีโซเดียมส่วนเกินผสมอยู่ (การล้างปลาก่อนนำไปปรุงอาจช่วยลดปริมาณโซเดียมได้บ้าง)

ปลาซาดีนปรุงรสดีๆ เวลาจะกินก็เอามาบีบมะนาว หัวหอมแดงซอย มีพริกขี้หนูซอยบางๆ เล็กน้อย คลุกกับข้าวสวยร้อนๆ กินคู่กับแตงกวา ก็อร่อยดีนะ และปลากระป๋องยังเหมาะอย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ เพราะปลาย่อยง่าย และน้ำมันจากปลาช่วยทำให้คอเลสเตอรอลลดลงได้อีกด้วย

“กินปลาแล้วฉลาด” นั้นได้ผลจริงไหม? แล้วใครล่ะ? จะพิสูจน์ให้เราได้

ครอบครัวไหนที่ลูกๆ ยังเล็กอยู่ มักจะหลอกเด็กๆ เวลาป้อนข้าวเสมอๆ ว่า กินปลาเยอะๆ นะลูก โตขึ้นหนูจะได้ฉลาด จริงป่าว! ก็ไม่รู้ซินะ! หากมันขยันๆ ไม่ขี้เกียจ อ่านหนังสือมากๆ หน่อย กินอะไรมันก็ฉลาดทั้งนั้นแหล่ะ! ว่าไหม?

ประโยชน์…จากปลา

ปัจจุบัน อาหารจากปลาเป็นที่นิยมและได้รับการกล่าวขวัญมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้รักและดูแลเอาใจใส่สุขภาพ เพราะยังไงก็ดีกว่าเนื้อสัตว์บกมากมาย

จุดเด่นของเนื้อปลาที่ดีและดีเด่นมากคือ เนื้อปลาเป็นเนื้อเยื่อเล็กๆ เกี่ยวพันกัน มีส่วนเหนียวหรือเอ็นน้อย ไม่เหนียวเหมือนเนื้อสัตว์บก จึงย่อยง่ายมากกว่า จุดเด่นอีกอย่างคือ ไขมันปลาปกติ

ในเนื้อสัตว์ทุกชนิดจะมีไขมันอยู่แล้ว เรียกว่า ไขมันแฝง ส่วนในพืชก็มีไขมันแฝงเช่นกัน บรรดาสาวๆ ที่อยากลดความอ้วน มักจะหลีกเลี่ยงไขมันที่มองเห็นได้ เช่น น้ำมัน เนย นม ไปกินเนื้อสัน เนื้อสีขาว อย่าง เนื้อปลา เนื้อไก่ กินข้าวขาหมูก็ขอแต่เนื้อล้วนๆ หารู้ไม่ว่า นั่นก็มีไขมันอยู่ด้วย ในถั่ว ข้าวโพด เมล็ดฟักทอง ก็ล้วนแต่มีไขมันแทรกอยู่ทั้งนั้น

อาหารชีวจิตที่เกือบจะเป็นอาหารมังสวิรัติ ที่กินข้าวขัดสีแต่น้อย กินงา ถั่ว ผัก แต่ยอมให้กินเนื้อปลาเป็นอาหารโปรตีนได้บ้าง เพราะเขาเล็งเห็นแล้วว่าการกินแต่ผักอย่างเดียวทำให้ขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นบางตัวไป ควรได้รับเสริมจากเนื้อสัตว์ ซึ่งเนื้อสัตว์ที่เหมาะสม มีอันตรายน้อย มีประโยชน์มากคือ เนื้อจากปลานั่นเอง!

(ชีวจิต เป็นการบริโภคพืชผัก เมล็ดธัญพืชไม่ขัดสี ผัก ผลไม้สดตามฤดูกาล ไม่ผ่านการปรุงแต่งด้วยสารเคมีใดๆ เป็นอาหารที่ได้มาจากท้องถิ่น พืชหัวไม่ปอกเปลือก ดื่มน้ำสะอาด และชาสมุนไพร หรือน้ำผลไม้ งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลา และอาหารทะเลบริโภคได้เป็นครั้งคราว งดน้ำตาลฟอกขาว กะทิ นม และไข่ คำว่า ชีวจิต มาจากคำว่า ชีวะ ที่หมายถึง ชีวิต หรือ ร่างกาย และ คำว่า จิต ซึ่งหมายถึง จิตใจ ชีวจิต คือ ร่างกายและจิตใจ นั่นเอง!)

ดังนั้น เราจึงหนีไขมันไม่พ้น และไม่ควรหนี แล้วต้องกินไขมันยังไงให้เป็น? เพราะไขมันก็เป็นสิ่งจำเป็นในร่างกายเราเสียด้วย ขาดไปเลยจะทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุไปไม่ได้ หลายตัว ทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น และไขมันยังให้พลังงานความร้อนทำให้ร่างกายอบอุ่นอีกด้วย

แต่คงไม่ต้องกลัวว่าร่างกายเราจะขาดไขมัน เพราะอย่างที่ว่า ในอาหารทุกชนิดมีไขมัน แต่คนเราก็มีโอกาสขาดไขมันได้ในผู้ที่ชอบกินผักเป็นอาหารหลัก เพราะมีไขมันแทรกอยู่น้อยมาก จึงต้องกินผักที่มีไขมันแทรกอยู่มาก เช่น กินถั่วทดแทนบ้าง

ปลากระป๋อง ก็มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับเนื้อปลาธรรมชาติ ต่างกันตรงที่ปลากระป๋องอาจไม่สด ใหม่ เหมือนปลาที่จับได้ใหม่ๆ แต่ขึ้นชื่อว่าปลา ยังไงก็ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าเป็นปลาน้ำจืด ปลาทะเล หรือแม้แต่ปลาในกระป๋อง (ปลาในกระป๋อง อย่าง ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาดีน มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ในปริมาณที่เท่ากับปลาสดๆ เช่นกัน)

เราอาจไม่เคยคิดว่าปลากระป๋องจะเป็นยาสามัญประจำบ้านได้ แต่หากได้รู้เรื่องจริงของปลาในกระป๋องแล้วล่ะก็! อาจทำให้คุณเปลี่ยนความคิด การกินปลาแค่ 2-3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ช่วยให้หัวใจแข็งแรงและมีสุขภาพดี ทุกครั้งที่คุณเปิดปลาออกจากกระป๋อง เทใส่จาน จะทำให้คุณมีความจำดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้น และอาจจะมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น และแข็งแรงขึ้นอีกด้วย! ถึงจะอยู่ในกระป๋อง ก็ได้คุณค่าสารอาหารครบถ้วนเหมือนเพิ่งโผล่พ้นจากทะเลเช่นกันนะค่ะ

รู้เช่นนี้แล้ว หันมากินปลากันเถอะ หรือหากมีปลากระป๋องในบ้าน ก็รีบๆ รื้อเอาออกมากิน ก่อนที่มันจะหมดอายุซะก่อนนะค่ะ

Leave a comment