ผักคราดหัวแหวน เป็นได้ทั้งอาหารและยาชา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05034010559&srcday=2016-05-01&search=no

วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 622

เก็บมาเล่า

อดุลศักดิ์ ไชยราช

ผักคราดหัวแหวน เป็นได้ทั้งอาหารและยาชา

หลายวันก่อน อาการปวดฟันกำเริบ จะอาศัยยาแก้ปวดก็กลัวว่าเป็นการกินยาเพิ่มเข้าตัวไปอีก เพราะที่กินอยู่ก็หลายขนานแล้ว อาศัยเดินหาพืชสมุนไพรที่เคยรู้สรรพคุณ ให้ผลระงับบรรเทาปวดฟัน ก็ได้ “ผักคราดหัวแหวน” บดผสมเหล้าขาวเล็กน้อย วางอุดบนซี่ฟันที่ปวด และขบย้ำนิดๆ ให้รู้สึกซ่าเสียว ชั่วประเดี๋ยวเดียว อาการปวดหายไป สบายเหงือกสบายฟัน และค่อยไปหาหมอรักษาฟันต่อไป

ผักคราดหัวแหวน มีชื่อเรียกที่คุ้นหูทางภาคเหนือคือ ผักเผ็ด ผักตุ้มหู อีสานเรียก ผักฮาด ภาคกลาง ภาคใต้เรียก ผักคราด หรือผักคราดหัวแหวน เอกลักษณ์เฉพาะตัวของผักคราดหัวแหวน คือดอกที่มีสีเหลือง กลมยอดแหลมคล้ายหัวแหวน ใบยอดมีรสเผ็ดร้อน แต่มีพืชหลายอย่างที่มีลักษณะคล้ายกัน ต้องอาศัยประสบการณ์หรือถามผู้รู้ ก่อนเลือกหามากินมาปลูก

ทฤษฎีร้อน-เย็น (Hot-Cold Theory) เป็นความเชื่อที่เกิดในยุคกรีกโบราณ ถูกแพร่หลายโดยพ่อค้าชาวอาหรับ และชาวสเปน และเป็นความเชื่อพื้นฐานของการแพทย์แบบดั้งเดิม ปัจจุบันแนวคิดและแนวปฏิบัติ ถือปฏิบัติกันทั่วไปในจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย และแถบละตินอเมริกา การแยกแยะว่าอาหารใดเป็นอาหารร้อนหรืออาหารเย็น ไม่ได้จำแนกตามลักษณะอาหาร แต่พิจารณาจากการที่อาหารนั้นส่งผลให้แก่ร่างกาย อาหารร้อนมีฤทธิ์กระตุ้น เมื่อร่างกายรับไปจะรู้สึกร้อน อาหารเย็นมีฤทธิ์ยับยั้ง เมื่อกินเข้าไปร่างกายจะรู้สึกเย็น ผักคราด เป็นอาหารร้อน ถ้าสภาพอากาศเย็น ได้กินอาหารที่ปรุงด้วยผักคราด จะทำให้ร่างกายอบอุ่น เมื่อร่างกายอบอุ่น ธาตุในกายก็จะสมบูรณ์ ต้านทานโรคหรือภัยที่จะเกิดจากความหนาวเย็นได้ คนที่เกิดธาตุน้ำและธาตุลมจะมีภัยมากกว่าธาตุอื่น ควรเลือกอาหารให้ถูกกับฤดูกาล หนาวเย็นจัดเช่นในช่วงปลายมกราคมปีนี้ เย็นยะเยือกผิดปกติ ผักคราดช่วยได้ นำมาปรุงอาหารได้หลายอย่าง ไม่ปรุงเป็นแกง ก็ลวกต้มจิ้มน้ำพริกยังได้

ผักคราดหัวแหวน เป็นพืชในวงศ์ COMPOSITAE เป็นไม้ล้มลุก ลำต้น ยาว 20-50 เซนติเมตร อาจจะตั้งชูลำต้น หรือทอดเลื้อยไปตามดินแล้วชูยอดขึ้น เมื่อแก่มีรากงอกตามข้อ ลำต้นค่อนข้างกลม อวบน้ำ สีเขียว อาจมีสีม่วงแดงปนเขียว ต้นอ่อนมีขนปกคลุมเล็กน้อย ใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน รูปสามเหลี่ยม ขอบใบหยักฟันเลื่อย ก้านใบยาว ผิวใบสากและมีขน ดอกเป็นช่อ ดอกย่อยอัดเรียงเป็นกระจุกกลม สีเหลือง ดอกย่อยมี 2 วง วงนอกเป็นดอกตัวเมีย วงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ผลเป็นผลแห้งรูปไข่ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือเด็ดต้นไปปักชำ ขยายได้ง่ายมาก

ประโยชน์ทางอาหาร ผักคราดเป็นผักที่ใช้ใบอ่อน ยอดอ่อนกิน ชาวเหนือชาวอีสาน ใช้เป็นผักสดแกล้มน้ำพริก ลาบ ก้อย แกง และปรุงอาหารเป็นแกงแค อ่อมปลา อ่อมกบ ชาวใต้นิยมแกงหอย แกงปลา ปรุงอาหารได้อร่อยมาก รสชาติเผ็ดร้อน ช่วยเจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อยอาหาร แต่แนะนำให้ว่าไม่ควรกินสดหรือกินมาก เพราะเป็นผักชนิดหนึ่งที่มีสารออกซาเลตสูง เสี่ยงต่อการเป็นนิ่วได้ ตำราแพทย์ไทยบันทึกไว้ว่า ผักคราดเป็นผักที่มีรสเฝื่อนเล็กน้อย สรรพคุณแก้พิษตามทวาร แก้ริดสีดวง แก้ผอมเหลือง แก้เด็กตัวร้อน ต้นสดตำผสมเหล้าหรือน้ำส้มสายชู ใช้อมแก้ฝีในลำคอ ต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ไข้ แก้ปวดฟัน จากการทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่า ช่อดอกและก้านดอกมีสาร Spilanthol มีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ และสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ เปรียบเทียบกับยาชา Lidocaine จะออกฤทธิ์เร็วกว่า แต่ระยะเวลาออกฤทธิ์สั้นกว่า เป็นพืชสมุนไพรที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นยาชารักษาอาการปวดฟันได้

ผักคราด เป็นไม้ที่ชอบขึ้นที่ลุ่มและมีความชุ่มชื้น พบมากตามป่าธรรมชาติ ป่าละเมาะ ตามสวน ริมคลอง ร่องน้ำ ใต้ร่มไม้ ในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ หรือช่วงฝนตก ผักคราดจะแตกยอดอ่อนมากมาย ศัตรูร้ายที่คอยกัดกินคือ หอยทาก ต้องหมั่นตรวจดูพุ่มต้น ถ้าเจอต้องรีบกำจัดหอยทาก เพราะถ้าหอยทากแพร่ตัวออกหากิน จะกัดกินยอดกินต้นใบผักคราด ไม่เหลือเลย และผักคราดก็จะยุบตาย อายุการเป็นผักให้เก็บกินก็หมดไป ขยายพันธุ์เร็วก็จริงแต่เจอหอยทากทำลายไม่เหลือเลย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ โทร. (055) 411-977 http://www.uttaradit.doae.go.th

Leave a comment