ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05106150559&srcday=2016-05-15&search=no
| วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 623 |
ตลาดสินค้าเกษตรก้าวหน้า
ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา
“ยายใหม่” ปลูกผักสวนครัวขาย ที่ริมโขง หนองคาย
หลังเสร็จภารกิจที่จังหวัดบึงกาฬ โดยระหว่างขาล่องเข้ากรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดหนองคาย เห็นว่าพอมีเวลาเลยตระเวนดูบรรยากาศการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวหนองคายตลอดริมโขง
ขับเข้ามาที่ตำบลหินโงม พบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่มักมีอาชีพประมง บางรายจับปลาและสัตว์น้ำตามธรรมชาติ บางรายมีกระชังปลา หรือแม้แต่จับสัตว์น้ำในแม่น้ำโขง
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับการดูวิถีชีวิตของชาวบ้านในริมโขง เหลือบไปพบกับสตรีวัยสูงอายุท่านหนึ่งกำลังก้ม-เงยอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขง แต่เมื่อเข้าไปใกล้พบว่าเธอกำลังวุ่นอยู่กับการปลูกผักหลายชนิดที่เป็นผักสวนครัว ปลูกไว้เป็นแถวแนวอย่างมีระเบียบ มีลักษณะแปลงเล็กๆ ขนาดไม่ใหญ่ เป็นกลุ่ม แลดูสวยงาม โดยเจ้าของแปลงผักรายนี้มีชื่อว่า คุณจันทร์หอม ศรีจันทร์ มีชื่อเล่นว่า “ยายใหม่”
ยายใหม่พักอยู่บ้านเลขที่ 37 บ้านพร้าว ตำบลหินโงม อำเภอเมืองหนองคาย เกิดเติบโตมาในพื้นที่แห่งนี้เมื่อ 69 ปีแล้ว และครอบครัวมีอาชีพหลักคือ การทำนา ซึ่งเป็นหน้าที่ของลูกชายรับผิดชอบ เป็นนาปีและนาปรัง สำหรับน้ำที่ใช้ทำนาปรังได้มาจากการผันน้ำจากแม่น้ำโขงเข้าพื้นที่ ซึ่งสามารถทำได้เพียงครึ่งเดียวของพื้นที่ เพราะมีการจำกัดการใช้น้ำ
ยายใหม่ใช้เวลาว่างด้วยการปลูกผักสวนครัวริมแม่น้ำโขง เป็นพื้นที่ไม่ใหญ่ ขนาดหน้ากว้างประมาณ 10 เมตร ความลึกมิอาจวัดได้เพราะยาวไปจนถึงริมตลิ่งแม่น้ำโขง เป็นที่ดินซึ่งขอซื้อจากชาวบ้านในราคาหมื่นบาท เพื่อใช้สำหรับไว้ปลูกผักรับประทานกันในครอบครัว เพราะต้องการรับประทานผักปลอดภัย
แต่ถ้ามีใครสนใจต้องการก็ขายให้ ที่ผ่านมามีแม่ค้าในตลาดมาสั่งผักหลายชนิด แล้วยังมีตามร้านอาหารละแวกบ้านที่มีการสั่งด้วย เพราะพวกเขารู้กันว่ายายปลูกผักปลอดสารเคมีจริงๆ
ผักที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นประเภทผักสวนครัวที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นต้นหอม ผักชี พริก กะหล่ำปลี มะเขือเปราะ มะเขือพวง ผักกาดหอม หรือที่จะดูทันสมัยสักหน่อยก็คงเป็นผักสลัด
ยายใหม่ไปซื้อเมล็ดพันธุ์ผักมาจากร้านเกษตรในตลาด หลังจากนั้นจะนำมาเพาะชำเป็นต้นกล้าในถาดหลุม พอต้นกล้าแข็งแรงดีพอจึงย้ายลงปลูกในแปลงจริงที่มีขนาดกว้างสัก 1 คูณ 2 เมตร โดยจะมีการใส่ปุ๋ย พรวนดินเพื่อเตรียมไว้ก่อนนำต้นกล้าลงปลูก
อย่างไรก็ตาม การเลือกปลูกผักแต่ละชนิด ยายใหม่ บอกว่า ต้องดูความเหมาะสมของฤดูกาลประกอบด้วย เพราะจะดูจากสภาพอากาศในแต่ละช่วงเป็นหลัก ยายใหม่ ชี้ว่า พืชแต่ละชนิดชอบอากาศต่างกัน อย่างถ้าอากาศเย็นจะเป็นผักสลัดหรือกะหล่ำปลี พอเข้าช่วงฝนจะปลูกผักน้อยลงเพราะระดับน้ำโขงขึ้นมาถึงบนตลิ่งเป็นประจำทุกปีในช่วงราวเดือน 9-10 จึงต้องหยุดปลูก
พอราวเดือน 11 น้ำค่อยๆ ทยอยลด ขณะเดียวกัน เป็นช่วงที่สามารถปลูกผักได้ไปเรื่อยๆ จนน้ำลดลงหมดไปถึงชายน้ำ ส่วนหน้าร้อนสามารถปลูกผักได้หลายชนิดเพราะได้เปรียบที่อยู่ริมน้ำ
ส่วนปุ๋ยที่ใช้กับผักทุกชนิดที่ปลูก ยายใหม่ บอกว่า จะใช้เฉพาะปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้น แต่ในบางครั้งอาจใส่ฮอร์โมนเสริมด้วย แล้วยังโรยแกลบเพื่อช่วยบำรุงดิน และวิธีการให้ปุ๋ยจะผสมกับน้ำแล้วใส่ฝักบัวเดินรดตามแปลง
ยายใหม่ในวัย 69 ปี มีความต้องการปลูกผักไว้รับประทานกันในครัวเรือน แล้วไม่ได้หวังมีเงินจากรายได้จากการปลูกผักแต่อย่างใด และเป็นความตั้งใจของเธอ ด้วยเหตุนี้ผักที่ปลูกจึงไม่ได้มีจำนวนมาก แล้วยังเผยว่าการได้ปลูกผักถือเป็นโอกาสในการออกกำลังกายไปด้วย เพราะมีการเคลื่อนไหวร่างกายไป-มาตลอดเวลา ไม่ว่าจะรดน้ำต้นไม้ ถางหญ้า พรวนดิน
งานแต่ละอย่างไม่ได้โหมทำให้เสร็จทันที จะทำวันละเล็กน้อย พอเหนื่อยก็หยุดพัก ผลที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่ค่อยเจ็บป่วย ต่างจากคนวัยเดียวกันที่มีสุขภาพย่ำแย่ บางรายเดินแทบไม่ได้
เจ้าของแปลงผักรายนี้บอกว่าเก็บผักขายทุกวัน ผักแต่ละชนิดจะเก็บตามความต้องการของแม่ค้าในตลาดหรือร้านอาหารที่แจ้งมา ทั้งนี้ การกำหนดราคาขายผักแต่ละชนิดไม่ได้หวังเพื่อกำไรจำนวนมาก และราคาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับต้นทุนซึ่งมีค่าน้ำเดือนละ 100 บาท ค่าปุ๋ยเดือนละ 100 บาท รวมถึงความยาก/ง่ายของการปลูกด้วย
“อย่างผักชี กะหล่ำปลี ขายราคากิโลกรัมละ 10 บาท ส่วนพริก มะเขือพวง ต้นหอม ผักชี ขายกิโลกรัมละ 20 บาท ฟักทองกิโลกรัมละ 25 บาท มะเขือเปราะ กิโลกรัมละ 30 บาท”
ยายใหม่ เผยว่า มีรายได้ในแต่ละวันอย่างต่ำร้อยกว่าบาท บางครั้งถ้ามีลูกค้าสั่งผักหลายอย่าง วันนั้นจะมีรายได้มาก โดยเงินที่ได้จากการขายผัก บางส่วนเก็บไว้ทำบุญใส่บาตร หรือซื้อของที่ต้องการ
ความเอื้อประโยชน์ทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่สร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นได้ อย่างกรณียายใหม่ถือเป็นการใช้ความอุดมสมบูรณ์ของตลิ่งริมแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของพืชมาใช้ประโยชน์ด้วยการปลูกผักอินทรีย์แบบมีคุณภาพและปลอดภัยขายในราคาไม่แพง เป็นการสร้างรายได้โดยไม่ต้องลงทุนมากมาย