รับมือโรคสัตว์เลี้ยงในฤดูร้อน ป้องกันดีกว่าแก้ปัญหา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05079010559&srcday=2016-05-01&search=no

วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 622

สัตว์เลี้ยงสวยงาม

สุจิต เมืองสุข

รับมือโรคสัตว์เลี้ยงในฤดูร้อน ป้องกันดีกว่าแก้ปัญหา

อุณหภูมิฤดูร้อน เหยียบๆ เฉียดๆ ไปแตะ 40-42 องศาเซลเซียส เกือบทุกวัน ความระอุของไอแดด ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้รับผลกระทบ หากเป็นมนุษย์ก็ต้องหาวิธีดับร้อน ไม่อย่างนั้นจะตามมาซึ่งอาการของโรคต่างๆ ที่มากับฤดูร้อน เช่น ผด ผื่น คัน เชื้อรา แต่ถ้าเป็นสัตว์เลี้ยง เขาคงหาวิธีดับร้อนเองไม่ได้ เจ้าของสินะที่ต้องจัดการ เพราะปล่อยไว้คงไม่ใช่เรื่องดี

เรื่องของสุขอนามัยทั่วไป เช่น การแปรงฟัน ตัดเล็บ อาบน้ำ แปรงขน ก็เป็นการดูแลสุขอนามัยทั่วไปที่ควรหมั่นทำเป็นประจำ และเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง การพาสัตว์เลี้ยงไปรับวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ตามช่วงอายุที่เหมาะสม ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ เช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หรือการถ่ายพยาธิ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคได้เช่นกัน

แต่สำหรับฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าวเหลือประมาณ การดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ต่างไปจากปกติ แค่หมั่นใส่ใจดูแลให้มากขึ้นในบางเรื่อง เช่น

การให้อาหาร ควรให้ในปริมาณไม่มาก เพื่อให้สัตว์เลี้ยงกินหมดในระยะเวลาไม่นาน และเพิ่มให้ได้หากสัตว์เลี้ยงกินไม่อิ่ม แต่ถ้าให้ในปริมาณมาก อาหารที่เหลืออาจเกิดการเน่าเสีย เป็นที่มาของเชื้อโรค

การให้น้ำ ในฤดูร้อนการระเหยของน้ำมีสูง ควรหมั่นเติมน้ำในภาชนะใส่น้ำของสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงขาดน้ำ เพราะพฤติกรรมการกินน้ำในฤดูร้อนจะมากกว่าปกติ 2-3 เท่า

การตัดแต่งขน หากสัตว์เลี้ยงมีขนยาว ควรตัดแต่งขนให้สั้นลง แต่ไม่ควรตัดเกรียน เพราะจะทำให้แสงแดดเข้าถึงตัวสัตว์เลี้ยงได้ง่าย การตัดแต่งขนเป็นการช่วยลดความร้อนในร่างกาย ที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงควรตั้งอยู่ในที่ที่ระบายอากาศได้ดี มีลมพัดผ่าน หากอุณหภูมิทั่วไปสูงเกิน 37 องศาเซลเซียส ควรเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายให้กับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้านหรือรถยนต์ที่ไม่มีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ

การทำกิจกรรม ควรลดระยะเวลาในการทำกิจกรรมของสัตว์ลง โดยเฉพาะกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง มีแสงแดด ควรทำกิจกรรมในที่ร่ม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ควรให้สัตว์เลี้ยงพักระหว่างทำกิจกรรมบ่อยๆ

สำหรับโรคที่พบบ่อยที่สุดในสัตว์เลี้ยง 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก โรคพิษสุนัขบ้า และโรคท้องเสีย

1. โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก พบได้มากที่สุดเมื่อสภาพอากาศร้อนในฤดูร้อน สาเหตุเกิดจากการที่สัตว์เลี้ยงระบายความร้อนออกจากร่างกายไม่ทัน อาการเริ่มแรก ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นฉับพลัน ไม่มีแรง อาจหมดสติกะทันหัน การช่วยเหลือทำโดยใช้ผ้าชุบน้ำห่อตัวสัตว์เลี้ยงไว้ หรือใช้น้ำอุณหภูมิปกติราด ใช้พัดลมเป่า ไม่ควรใช้น้ำแข็ง เพราะเส้นเลือดตามผิวหนังจะหดตัว ทำให้การพาความร้อนออกจากร่างกายสัตว์ทำได้ไม่ดี จากนั้นนำสัตว์เลี้ยงส่งสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันระบบภายในล้มเหลวหากอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่แน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงเป็นโรคลมแดดหรือฮีทสโตรกหรือไม่ ให้วัดอุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยง หากเกิน 102 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 38 องศาเซลเซียส หน้าแดง หายใจติดขัด ตัวร้อนอย่างรุนแรง ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม หรืออาจมีเลือดปน ต้องนำตัวสัตว์เลี้ยงส่งสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

การป้องกันโรคลมแดด ทำได้โดยการไม่ให้สุนัขอยู่ในสถานที่ไม่มีอากาศถ่ายเท ระบายความร้อนไม่ได้ เช่น ภายในรถ ภายในห้องที่ไม่ได้เปิดหน้าต่าง ไม่มีพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ นอกจากสภาวะแวดล้อมที่ควรระวังแล้ว ควรหมั่นให้สัตว์เลี้ยงออกกำลังกาย ป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงอ้วนเกินไป เพราะน้ำหนักที่มากขึ้นจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคลมแดดหรือฮีทสโตรกมากขึ้น เนื่องจากการระบายความร้อนจากหลอดลมจะทำได้ไม่ดี เมื่อการระบายความร้อนทำได้ไม่ดี จะส่งผลให้เกิดอาการหอบและเป็นโรคลมแดด หรือฮีทสโตรกได้ง่าย

2. โรคพิษสุนัขบ้า หรือ โรคกลัวน้ำ โรคนี้เกิดขึ้นได้บ่อย ไม่เฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น เพราะโรคดังกล่าวเป็นโรคที่ติดเชื้อจากไวรัสเรบีส์ (Rabies) แต่ที่พบว่าสัตว์เลี้ยงป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามากในฤดูร้อน เพราะอุณหภูมิในฤดูร้อนเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของไวรัสดังกล่าว และติดต่อผ่านกันทางสารคัดหลั่งได้ง่าย เช่น เลือด น้ำลาย และพบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น กระต่าย แมว หนู ค้างคาว เป็นต้น

การป้องกัน ทำโดยนำไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงมีอายุ 3 เดือน และรับวัคซีนเป็นประจำทุกปี เนื่องจากปัจจุบันโรคพิษสุนัขบ้ายังไม่มียารักษา

3. โรคท้องเสีย มักเกิดขึ้นบ่อยในฤดูร้อน สาเหตุหลักจากการกินอาหารที่ไม่สะอาด เมื่ออาหารเหลือจากการกิน แบคทีเรียในอาหารเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อน อาหารจะบูดเน่าได้ง่าย เมื่อสัตว์เลี้ยงกินเข้าไปอาจทำให้ท้องเสีย ถ่ายเหลวตลอดเวลา ในบางตัวมีอาการอาเจียนร่วมด้วย และอาจถึงขั้นช็อกเสียชีวิตจากการเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกายในปริมาณมาก

เมื่อโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก เป็นโรคที่พบได้มากเป็นอันดับหนึ่ง และถูกพูดถึงมากที่สุดในสุนัข ซึ่งสุนัขก็ยังมีสุนัขอีกหลายสายพันธุ์ และสายพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่มปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการป่วยเป็นโรคลมแดด คือ กลุ่มที่มีขนหน้าและหน้าสั้น ได้แก่ ปั๊ก บูลด๊อก พิทบูล รวมถึงแมวขนยาว เช่น แมวเปอร์เซีย เนื่องจากสุนัขและแมวกลุ่มนี้จะมีโพรงจมูกสั้น เพดานอ่อนยาว ทำให้การหายใจลำบาก เมื่อเจอสภาพอากาศร้อนจะมีโอกาสเป็นโรคลมแดด หรือฮีทสโตรกมากกว่าสายพันธุ์อื่น

การดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ให้เกิดโรคที่มากับฤดูร้อน ควรทำอย่างใส่ใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับสัตว์เลี้ยงที่รัก เพราะหากปล่อยให้เกิดขึ้น ความสูญเสียที่คนรักสัตว์ทำใจไม่ได้ต้องตามมาอย่างแน่นอน ฉะนั้น ควรป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นจะดีที่สุด

รวมพลังคนรักสัตว์ ช่วยสุนัขและแมวด้อยโอกาส

Help for life 2016 ปี 9 หวังสร้างจิตสำนึกและรับผิดชอบสัตว์เลี้ยง

ชิสุเลิฟเวอร์ (ShihTzu Lover) จับมือคนรักชิวาวา และกลุ่มแม่บ้านบูลด๊อก จัดกิจกรรมรวมพลังคนรักสัตว์ ช่วยสุนัขและแมวด้อยโอกาส ?ShihTzu Lover & Friends Help for life 2016? ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 นำสมาชิกกว่า 40 คน พร้อมทั้งทีมสัตวแพทย์จิตอาสา ไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าและวัคซีนรวมให้กับสุนัขด้อยโอกาส 300 กว่าตัว ของบ้านรับเลี้ยงสุนัขและแมวป้าเล็กและป้าแต๋ว จังหวัดชลบุรี หวังสร้างจิตสำนึกให้เจ้าของสุนัขและแมวมีความรับผิดชอบคุมกำเนิดสัตว์เลี้ยง ดูแลรักษาและไม่ทอดทิ้งพวกเขา เมื่อคิดจะนำเขามาเลี้ยงต้องมีความรับผิดชอบและใส่ใจดูแล

คุณปรัชญา สายาจักร หัวหน้ากลุ่มชิสุเลิฟเวอร์ (ShihTzu Lover) กล่าวว่า การเกิดขึ้นของกลุ่มคนรักชิสุ มีจุดเริ่มต้นจากเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยได้สุนัขพันธุ์ชิสุมาเลี้ยงและค้นคว้าข้อมูลการเลี้ยงเพื่อจะได้ดูแลเขาให้ดีที่สุด เมื่อได้ข้อมูลมาก็อยากจะแบ่งปันให้กับคนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ด้วย ก็เลยจัดทำเว็บบอร์ดที่ให้สาระความรู้เกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ชิสุ ซึ่งก็มีคนให้ความสนใจและเข้ามาเป็นสมาชิกมากขึ้นเรื่อยๆ จากแค่การสื่อสารกันผ่านคอมพิวเตอร์ก็เริ่มมีการนัดพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จนนำมาซึ่งความคิดที่จะบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมโดยการช่วยสุนัข และการช่วยสุนัขด้อยโอกาสนี้ได้เกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ในปีแรกได้ไปช่วยสุนัขที่สถานสงเคราะห์เกาะสุนัข จังหวัดนครปฐม ปีที่ 2 ไปที่ภูตาหลวง จังหวัดชลบุรี ปีที่ 3 ไปที่ศูนย์รักษ์สุนัข หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปีที่ 4 ไปที่บ้านตวงรัตน์ จังหวัดปราจีนบุรี ปีที่ 5 เว้นไป 1 ปี เนื่องจากน้ำท่วมหลายพื้นที่ของประเทศไทย ปีที่ 6 ไปที่บ้านป้าน้อย จังหวัดนครราชสีมา ปีที่ 7 นี้ ไปบ้านตวงรัตน์ จังหวัดปราจีนบุรี อีกครั้ง ปีที่ 8 ไปบ้านป้ารัตนา จังหวัดนครราชสีมา และในปีที่ 9 นี้ ไปบ้านป้าเล็กและป้าแต๋ว จังหวัดชลบุรี

กิจกรรมเพื่อช่วยสุนัขที่จัดขึ้นทุกปี ประกอบด้วย การเข้าไปช่วยดูแลเรื่องความสะอาด อาบน้ำสุนัข ฉีดวัคซีนรวม วัคซีนพิษสุนัขบ้า และวัคซีนป้องกันเห็บหมัด รวมถึงนำอาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่ได้จากการบริจาคของผู้มีอุปการคุณต่างๆ อาทิ Hill”s Jerhigh Zoetis Merial GreenPet Thonglor Pet Hospital Pet Select John Paul Ginger Bread House OMG Slamm FIX ULTIMATE และ O-Phol House ไปมอบให้กับสถานสงเคราะห์บ้านรับเลี้ยงสัตว์

บ้านรับเลี้ยงสุนัขและแมวของ คุณสุณีย์ สุขขาวโต (ป้าเล็ก) และ คุณวานิชย์ สุดโต (ป้าแต๋ว) รับเลี้ยงสุนัขและแมวจรจัด บนที่ดินของน้าสาวจำนวน 7 ไร่ แบ่งออกเป็นพื้นที่เลี้ยงสุนัข 300 กว่าตัว และแมว 200 กว่าตัว ซึ่งในครั้งนี้กลุ่ม ShihTzu Lover และเพื่อน นำอาหารสุนัขและแมวไปบริจาคจำนวน 4,000 กิโลกรัม เวชภัณฑ์ เงินสด รวมทั้งโครงการประมาณ 150,000 บาท

คุณวธิดา ชนะชัยโสภณ เจ้าของธุรกิจ ตัวแทนกลุ่มชิสุเลิฟเวอร์ กล่าวว่า กิจกรรมจิตอาสาเพื่อช่วยสุนัขด้อยโอกาสที่กลุ่มเราทำต่อเนื่องสม่ำเสมอทุกปี จนปีนี้เป็นปีที่ 9 แล้ว เกิดจากความรักสุนัขของสมาชิก ทำให้เกิดจิตศรัทธาในการชวนครอบครัวและเพื่อนๆ มาร่วมกันบริจาคทั้งทุนทรัพย์และพลังกายในการมาช่วยทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ ทำความสะอาด อาบน้ำ ให้อาหาร และทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์ในการจับสุนัขหลายร้อยตัวมาฉีดวัคซีน ซึ่งกิจกรรมสุดท้ายนี้เป็นงานที่ต้องเสี่ยงต่อการโดนสุนัขกัด และต้องสมบุกสมบันอุ้มสุนัขมาให้สัตวแพทยฉีดวัคซีน และอีกหนึ่งกำลังสำคัญของกิจกรรมในครั้งนี้ก็คือ สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ที่ร่วมเป็นจิตอาสาฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าและวัคซีนรวมให้กับสุนัขด้อยโอกาส ถึงแม้จะฉีดไม่ได้ครบทั้ง 300 ตัว แต่ก็บรรลุภารกิจในการฉีดวัคซีนให้กับสุนัขกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 2-7 ปี

Leave a comment