ศรแดง แนะเปลี่ยนนาข้าว เป็นแปลงผัก โกยรายได้ทั้งปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05038010559&srcday=2016-05-01&search=no

วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 622

เทคโนโลยี การเกษตร

สาวบางแค 22

ศรแดง แนะเปลี่ยนนาข้าว เป็นแปลงผัก โกยรายได้ทั้งปี

ในช่วง 1-2 ปีนี้ ปรากฏการณ์เอลนิโญ่ (El NiNo) สร้างผลกระทบต่อเมืองไทยอย่างรุนแรงมาก ถึงขั้น “ซูเปอร์เอลนิโญ่” เพราะร้อนจัด แล้งจัด ในรอบ 30 ปีกันเลยทีเดียว นักวิชาการเชื่อว่าคนไทยต้องผจญวิกฤตภัยแล้ง จากอิทธิฤทธิ์ของเอลนิโญ่ยาวนานถึงกลางปี 2559 กันเลยทีเดียว

“ศรแดงพืชน้ำน้อย จากร้อยสู่ล้าน”

“ศรแดง” ผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์พืชคุณภาพอันดับต้นๆ ของไทยจึงริเริ่มโครงการ “ศรแดงพืชน้ำน้อย จากร้อยสู่ล้าน” โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง จากเดิมที่เคยทำนาที่ต้องใช้น้ำมาก มาปลูกพืชผัก ที่ใช้น้ำน้อยแทน เช่น แตงกวา-แตงร้าน ฟักทอง แตงโม ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดข้าวเหนียว แฟง และถั่วฝักยาว พืชผักทั้ง 7 ชนิด ปลูกง่าย ขายได้ราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาดตลอดทั้งปี

ภารกิจครั้งนี้ ศรแดงตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ โดยจัดทีมนักวิชาการลงพื้นที่ไปให้ความรู้แก่เกษตรกรตั้งแต่เรื่องการเตรียมแปลงปลูก วิธีการทำค้าง วิธีการปลูก วิธีการให้ปุ๋ย พร้อมตารางคำนวณต้นทุนและราคาขาย เพื่อประหยัดการใช้น้ำในช่วงหน้าแล้ง แนะนำให้เกษตรกรลงทุนทำ “ระบบน้ำหยด” เพื่อให้น้ำถูกส่งผ่านทางท่อ และปล่อยน้ำออกทางหัวหยดน้ำ ซึ่งติดตั้งไว้บริเวณโคนต้นพืช น้ำจะหยดซึมลงมาที่บริเวณรากของต้นพืชอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอ ช่วยให้ดินมีความชื้นคงที่ พืชได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสมและสม่ำเสมอทั้งแปลง ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน บำรุงรักษาระบบง่าย แถมควบคุมวัชพืชได้ง่ายอีกต่างหาก

เกษตรกรปลื้มปลูกพืชน้ำน้อย โกยกำไรงาม

ในช่วงวิกฤตภัยแล้งปีนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกพืชใช้น้ำน้อยทั้ง 7 ชนิด ของศรแดง ต่างได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพราะการปลูกพืชผักอายุสั้น ใช้เงินลงทุนต่ำเพียง 4,000-5,000 บาท ต่อรุ่น แต่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้ 2-3 รอบ ยกตัวอย่าง เช่น การปลูกแตงกวา-แตงร้าน มีระยะเวลาการปลูก รอบละ 36-40 วัน สามารถสร้างรายได้กว่า 40,000 บาท ส่วนถั่วฝักยาว มีระยะเวลาการปลูก รอบละ 50-60 วัน โกยรายได้มากกว่า 50,000 บาททีเดียว

คุณกิจติศักดิ์ จีนเท่ห์ (นายก อบต. บ้านจ่า) อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการกับศรแดง เดิมทีคุณกิจติศักดิ์มีอาชีพปลูกอ้อยมาหลายสิบปีแล้ว จนกระทั่งเจอปัญหาภัยแล้งคุกคาม ทำให้เขาตัดสินใจหันมาปลูกข้าวโพด เสริมรายได้ในไร่อ้อย เมื่อต้นปี 2559 ผลการทดลองปลูกข้าวโพดรุ่นแรก บนเนื้อที่ 3 ไร่เศษ ใช้เวลาปลูกแค่ 60-65 วัน สร้างรายได้งาม 9,200-9,600 บาท ต่อไร่ เนื่องจากการปลูกข้าวโพดให้ผลตอบแทนที่ดี คุ้มค่ากับการลงทุน คุณกิจติศักดิ์ จึงได้ชักชวนเพื่อนเกษตรกรในตำบลบ้านจ่าหันมาปลูกข้าวโพดในพื้นที่ของตน เพื่อให้มีรายได้เสริมแก่เกษตรกร ในระหว่างการรอเก็บเกี่ยวอ้อยที่ต้องใช้เวลานาน 8-9 เดือน

ด้านพื้นที่การเกษตรในจังหวัดอ่างทอง ก็ประสบปัญหาภัยแล้งในวงกว้าง ทำให้เกษตรกรหลายรายต้องปรับวิถีชีวิตในการทำการเกษตรเพื่อสู้ภัยแล้ง ยกตัวอย่าง เช่น ลุงบำรุง พงษ์พุฒ เกษตรกรวัย 63 ปี ในพื้นที่อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ยึดอาชีพทำนาปลูกข้าว 30 ไร่ เลี้ยงดูครอบครัวมานานกว่า 10 ปี เจอภัยแล้งกับปัญหาราคาข้าวตกต่ำ จึงตัดสินใจหันมาปลูกพืชน้ำน้อย โดยเริ่มจากปลูกมะระก่อน หลังจากนั้นหันมาปลูกบวบเหลี่ยม และแตงกวา บนเนื้อที่ 1 ไร่ ถึงวันนี้ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 2 รอบแล้ว โกยรายได้ถึง 35,000 บาท ต่อไร่

ลุงบำรุง พอใจกับรายได้ที่ได้รับในวันนี้ เพราะหักค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเหลือผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ ทำงานเหนื่อยน้อยกว่าการปลูกข้าว ใช้เวลาแค่ 2 เดือน ก็เก็บผลผลิตออกขายได้แล้ว ขณะที่การทำนาต้องใช้เวลาปลูกดูแลนานถึง 4 เดือน ที่สำคัญการปลูกผักได้ผลกำไรต่อไร่มากกว่าการทำนา และการปลูกบวบ ใช้น้ำน้อยกว่าการทำนาถึง 75% จึงอยากชักชวนให้เพื่อนเกษตรกรที่ทำนาปลูกข้าวเป็นประจำ ให้ลองเปิดใจหันมาเพาะปลูกพืชน้ำน้อย เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะปลูกผักใช้ระยะเวลาสั้นๆ แต่ทำเงินได้ทุกวัน และให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับความเหนื่อย

ลุงสวง งามนนท์ เกษตรกรชาวนาวัย 69 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 ตำบลไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ได้ปรับตัวสู้ภัยแล้งโดยการปลูกพืชไร่นาสวนผสม โดยแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งปลูกข้าวเพื่อบริโภคในครัวเรือน และแบ่งพื้นที่ที่เหลือนำมาปลูกพืชหมุนเวียนที่ใช้น้ำน้อย เช่น ข้าวโพด ถั่วฝักยาว กะเพรา มะละกอ แตงกวา ฯลฯ ทำให้มีรายได้ตลอดปี

ลุงสวง บอกว่า ผมมีอาชีพทำนามาหลายสิบปี ต่อมาเจอปัญหาภัยแล้ง ไม่มีน้ำเพียงพอต่อการทำนา จึงหันมาปลูกข้าวโพด 6 ไร่ ถั่วฝักยาว 1 ไร่ และแตงกวา 1 ไร่ ซึ่งการปลูกพืชผักอายุสั้นเหล่านี้ ปลูกดูแลง่าย สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปีละ 3 รุ่น ลดการใช้น้ำไปได้ประมาณ 75% ของน้ำที่ใช้ในการทำนา แถมมีรายได้เพิ่มมากกว่าการทำนากว่าไร่ละ 10,000 บาท

“สานพลังประชารัฐ เพิ่มรายได้ชาวเมืองเพชร”

ภายหลังจากรัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารและคณะทำงานร่วมรัฐ-เอกชน-ประชาชน (ประชารัฐ) 12 คณะ โดย มอบหมายให้ รมว. มหาดไทย เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชน ในโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ เพื่อยกระดับรายได้ประชาชนทั่วประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น คณะทำงานประสบความสำเร็จก้าวแรก ในการจัดตั้ง บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีภูเก็ต จำกัด ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนตามพื้นที่แห่งแรกของประเทศเป็นที่เรียบร้อย

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบัน เศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ จังหวัดเพชรบุรี ประกอบไปด้วย 8 กลุ่มหลัก คือศูนย์ปราชญ์ชาวบ้าน บ้านดอนผิงแดด ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม กลุ่มท่องเที่ยวดูนกและสถาบันการเงินชุมชน ตำบลปากทะเล อำเภอบ้านแหลม กลุ่มข้าวอินทรีย์ศูนย์ข้าวชุมชน ตำบลไร่มะขาม อำเภอบ้านลาด กลุ่มผักผลไม้แปรรูปไวน์ ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านถ้ำเสือ ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน กลุ่มแปรรูปอาหารทะเลและท่องเที่ยว ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม และกลุ่มขนมหวานพื้นเมือง ตำบลบ้านหม้อ อำเภอเมืองเพชรบุรี

ทั้งนี้ คณะทำงานภาคเอกชนและภาครัฐบาลเร่งกำหนดเป้าหมายการสร้างรายได้ให้ชุมชน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ใน 3 ประเด็นหลัก คือ ด้านการเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน และการท่องเที่ยวชุมชน หลังจากนั้น คณะทั้งหมดได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน บ้านถ้ำรงค์ ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด ก่อนที่จะไปเยี่ยมชมแพปลา ธนาคารปูม้า บ้านดอนใน ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม ปิดท้ายด้วยเข้าเยี่ยมศูนย์ปราชญ์ชาวบ้าน บ้านดอนผิงแดด ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี

Leave a comment