ศูนย์เรียนรู้ฯ อนุรักษ์ตาลโตนด ไม้ดีที่ใกล้สูญหาย อำเภอสรรคบุรี ชัยนาท

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05044010559&srcday=2016-05-01&search=no

วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 622

ภูมิปัญญาไทย

ชัด ขำเอี่ยม chinchainat@hotmail.com

ศูนย์เรียนรู้ฯ อนุรักษ์ตาลโตนด ไม้ดีที่ใกล้สูญหาย อำเภอสรรคบุรี ชัยนาท

ตาตี๋ตกต้นตาล ตอตาลตำตู ตาตี๋ตายใต้ต้นตาล เป็นบทกลอนคำซ้ำที่กล่าวกันมาอย่างเนิ่นนาน ผู้เขียนจะนึกได้อยู่เสมอเมื่อผ่านต้นตาลที่ขึ้นกระจัดกระจายยืนต้นพร้อมพะองที่มัดอย่างแน่นหนาติดต้นตาล บ่งบอกถึงว่าตาลโตนดที่เห็นนั้นถูกใช้งานหรืออยู่ระหว่างการให้น้ำตาลที่หวานหอม บางครั้งจะพบชายผู้หิ้วหรือหาบกระบอกน้ำตาลขับรถจักรยานยนต์ผ่านไปอย่างคล่องแคล่ว นับเป็นบรรยากาศวิถีไทยที่จะพบได้เป็นประจำช่วงฤดูแล้งในพื้นที่ตำบลห้วยกรด ซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมที่สมควรได้รับการอนุรักษ์ให้ดำรงคงอยู่ในพื้นแผ่นดินตำบลห้วยกรด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท

คุณวิชาญ จุ้ยแจ้ง สมาชิกสภาเทศบาลตำบลห้วยกรด อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ตำบลห้วยกรด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ตาลโตนดตำบลห้วยกรด เล่าว่า ตำบลห้วยกรดเดิมทีมีต้นตาลอย่างหนาแน่น แต่ถูกโค่นล้มจากการจัดรูปที่ดิน ส่งผลให้เหลือเพียงบางส่วน เหลือไว้ให้ลูกหลานได้จัดทำน้ำตาลเพื่อสืบทอดทำกันมานาน เป็นวัฒนธรรมตกทอดถึงลูกหลานจนถึงปัจจุบัน จากประสบการณ์อันยาวนานจึงตระหนักถึงคุณค่าจากตาลว่า ตาลโตนดสามารถนำส่วนต่างๆ มาใช้ประโยชน์ เช่น ไม้ต้นตาล นำมาสร้างบ้าน ทำเฟอร์นิเจอร์ เนื้อไม้แข็งมาก ช่อดอกและงวง ผลิตน้ำตาลสดพร้อมดื่ม และน้ำตาลปึก ผล อายุ 45 วัน นำหัวตาลมาทำอาหารได้ อายุ 65 วัน เฉาะลอนตาล (ตาลสด) ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายนของทุกปี ผลตาลแก่ เนื้อทำขนมตาล ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายนของทุกปี เมล็ดแก่ตาลสุกทำจาวตาล กะลา (เปลือกนอกเมล็ดตาล) นำไปเผาทำถ่านคุณภาพดี อีกทั้งเศษขี้เถ้านำไปล้างห้องน้ำลดรายจ่ายในครัวเรือน

การทำน้ำตาลจากตาลโตนด แต่เดิมชุมชนตำบลห้วยกรดจะทำเพื่อการบริโภคและเป็นอาชีพเพื่อหารายได้เสริมภายในครัวเรือน และเพื่อการแลกเปลี่ยนกับสิ่งของหรือแจกจ่ายเป็นของฝากให้กับญาติพี่น้อง โดยพ่อบ้านจะเป็นผู้ปีนตาลและเก็บน้ำตาลยามย่ำรุ่งของฤดูปาดตาล (เก็บน้ำตาล) แต่ปัจจุบันต้นตาลโตนดถูกทอดทิ้ง ประชาชนไม่เห็นความสำคัญ ขาดผู้สืบสานการทำตาล หากขาดการอนุรักษ์ทั้งต้นตาลและผู้ประกอบอาชีพ หรือผู้หารายได้จากตาลจะหายไปอย่างน่าเสียดาย ต่อมา คุณวิชาญ อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ได้เล็งเห็นความสำคัญของการทำน้ำตาลโตนด เนื่องจากเกรงว่าวัฒนธรรมทำตาลจะสูญหายไป จึงได้มีการรวมกลุ่มทำน้ำตาลโตนดขึ้นอย่างจริงจัง โดยมีคณะกรรมการบริหารงาน อีกทั้งจังหวัดชัยนาทมอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดชัยนาทจัดทำโครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้การเกษตรชุมชน (ตาลโตนด) เพื่อถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปลูกและการจัดการผลผลิตตาลโตนด

การทำน้ำตาลโตนด อยู่ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม หรือประมาณ 5 เดือน ทำได้ทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย ปกติต้นตาลจะสามารถทำน้ำตาลได้ต้องอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ อายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป อยู่ในระยะแทงช่อดอกใหม่ๆ ซึ่งมีวิธีทำคล้ายๆ กันทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย แต่แตกต่างกันเฉพาะไม้ที่ใช้นวดดอกตาล ที่เรียกว่า ?ตะเกียบ? คือตะเกียบที่ใช้นวดช่อดอกตัวผู้จะมีลักษณะแบน ส่วนตะเกียบที่ใช้นวดช่อดอกตัวเมียจะมีลักษณะกลมและยาวกว่าตะเกียบที่ใช้กับต้นตัวผู้

ในส่วนของการปลูกตาลโตนด จะขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด โดยนำเมล็ดตาลแช่น้ำ ประมาณ 3-5 วัน นำมาปลูกโดยวางเมล็ดลงในภาชนะ ปลูกเฉียงประมาณ 45 องศา เพื่อไม่ให้ต้นที่งอกใหม่ชนกับเปลือกหุ้มเมล็ดหรือแทงเข้าไปในเมล็ด ทำให้ต้นอ่อนตายได้ หรือนำผลตาลทั้งผลไปแช่น้ำ (หมัก) ประมาณ 30 วัน และไม่ควรแช่นานเกิน 60 วัน จะทำให้เมล็ดภายในเน่าได้ นำขึ้นมากองบนพื้น ใช้ฟางคลุมประมาณ 15 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก นำไปปลูกโดยขุดหลุมลึกประมาณ 25×25 เซนติเมตร ระยะปลูกที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 6×6 เมตร ถึง 8×8 เมตร แล้วแต่ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ใช้ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมเล็กน้อย วางเมล็ดที่เริ่มงอกลงไป ระวังอย่าให้ปลายรากหัก เพราะถ้าปลายรากหัก จะไม่สามารถพัฒนาเป็นต้นอ่อนได้ โดยวางทำมุมเฉียงลง 45 องศา กับพื้นดิน รดน้ำบ้างถ้าฝนไม่ตก ประมาณ 30 วัน ต้นอ่อนจะงอกพ้นดิน และเจริญเติบโตอย่างช้าๆ ในส่วนของราก เมล็ดตาลซึ่งจะงอกรากยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร และจะหยุดการเจริญเติบโตพร้อมกับการพัฒนาต้นอ่อน หลังจากพัฒนาเป็นต้นอ่อนสมบูรณ์แล้ว ก็จะแทงต้นอ่อนโผล่พ้นดิน ซึ่งจะเป็นเวลาประมาณ 30 วัน

วิธีทำจาวตาล นำลูกตาลสุกแช่น้ำ หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 วัน เพื่อให้เนื้อตาลสุกหลุดจากเมล็ดตาล เหลือแต่เส้นใย เตรียมพื้นที่กำจัดปลวก นำตาลที่หมักแล้วขึ้นมาผึ่งไว้กลางแจ้ง ประมาณ 20 วัน เลือกผลที่งอกรากแล้วออกมา คัดเลือกขนาดรากที่เท่ากัน ทิ้งไว้ให้รากงอกออกมาพัฒนาเนื้อจาวตาลให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จากนั้นจึงตัดราก เรียกว่าการตอน ทิ้งไว้อีก 30 วัน จาวจะเต็มกะลา นำมาเฉาะเปิดกะลา จะได้จาวตาลสีขาว นำมารับประทานได้เลย หรือแปรรูปได้หลายชนิด เช่น จาวตาลเชื่อม เม็ดขนุนจาวตาล

คุณไพฑูรย์ รื่นสุข เกษตรจังหวัดชัยนาท กล่าวถึงต้นตาลในจังหวัดชัยนาทว่า ถึงแม้ต้นตาลจะมากด้วยคุณค่า แต่ด้วยการมองข้ามคุณค่า แต่มองเห็นโทษของต้นตาลที่มีเพียงเล็กน้อยอันเกิดจากการกีดขวางการทำนา และใบที่ร่วงหล่นทับต้นข้าวเสียหาย เป็นเหตุให้เกษตรกรโค่นต้นตาลทิ้งและไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทำให้นับวันจะมีต้นตาลเหลือน้อยลงทุกที ปัจจุบันเหลือเพียงไม่ถึง 20,000 ต้น ที่ยังคงอยู่จำนวนมากและมีผู้ใช้ประโยชน์คือทำผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลและจาวตาล คืออำเภอสรรพยาและอำเภอสรรคบุรี ซึ่งนับเป็น หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่ขึ้นชื่อและสร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดชัยนาท อีกทั้งสามารถนำมาผลิตเป็นฮอร์โมนตาลสุก ป้องกันโรคจำพวกเชื้อรา และปรับปรุงคุณภาพผลผลิตในนาข้าว ดังนั้น จึงควรจะปลูกและอนุรักษ์ตาลโตนดให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ พร้อมรูปแบบของศูนย์เรียนรู้เพื่อจัดทำสถานที่เรียนรู้และท่องเที่ยวให้คงอยู่ในจังหวัดอย่างยั่งยืนนานตลอดไป

ต้องการดูงาน หรือซื้อผลิตภัณฑ์ สอบถามได้ที่ โทร. (081) 703-1916

Leave a comment