ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05053150559&srcday=2016-05-15&search=no
| วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 623 |
เทคโนโลยีการเกษตร
ธนบดินทร์ วงษ์เมืองแก่น
เกษตรกรแม่สอด สู้วิกฤตภัยแล้ง รวมกลุ่มเพาะเห็ดฟาง สร้างรายได้เสริม
ในฤดูแล้ง ปี 2558/59 นี้ เป็นปีหนึ่งที่ประเทศไทยประสบกับปัญหาวิกฤตภัยแล้งอย่างหนัก จากปริมาณน้ำฝนที่มีน้อยกว่าค่าปกติในเกือบทุกภาคของประเทศ ส่งผลต่อปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและเขื่อนขนาดใหญ่ของไทยลดลง เมื่อคาดการณ์จากการวัดปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ ภาวะภัยแล้ง ใน พ.ศ. 2558 นับว่าหนักที่สุดในรอบ 15 ปี โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีการใช้น้ำไปเพื่อการเพาะปลูกพืชเกษตรเป็นสำคัญโดยเฉพาะข้าว ปริมาณน้ำต้นทุนที่ใช้การได้ในอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งโดยตรงคือ ชาวนาและเกษตรกรที่เคยเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ของกลุ่มวางแผนการจัดการที่ดินในพื้นที่เสี่ยงภัยทางการเกษตร กองนโยบายและแผนการใช้ที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน คาดการณ์ว่าพื้นที่เกษตรที่จะประสบความแห้งแล้งในช่วงปี 2559 จะประสบความแห้งแล้งรวม 63 จังหวัด คิดเป็นเนื้อที่ 101.75 ล้านไร่
รัฐบาลได้ตระหนักและมีความเป็นห่วงเกษตรกรและประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จึงมีนโยบายให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนให้สามารถประกอบอาชีพและสร้างรายได้ ผ่านโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภัยแล้ง และโครงการจัดทำแผนชุมชนเพื่อแก้ไขวิกฤตภัยแล้ง ปี 2558/59 ใน 8 มาตรการ กล่าวคือ
1. มาตรการส่งเสริมความรู้และการสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน
2. มาตรการชะลอ หรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน
3. มาตรการจ้างงาน เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร
4. มาตรการเสนอโครงการตามความต้องการของชุมชน เพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง
5. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ
6. มาตรการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน
7. มาตรการเสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
8. มาตรการสนับสนุนอื่นๆ
โดยการดำเนินงานตาม มาตรการ 4 โครงการ ตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมตามความต้องการของชุมชน เพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี 2558/59 โดยมี กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน โดยผ่านศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล (ศบกต.) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารงานด้านการเกษตรระดับตําบลที่จัดตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2543 ทําหน้าที่เป็นองค์กรตัวแทนของชุมชนในพื้นที่ พิจารณาโครงการและจัดทำแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง (พชภ.) ปี 2558/59 เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการ
ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลแม่ปะ (ศบกต. แม่ปะ) อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้จัดทำแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง (พชภ.) ปี 2558/59 จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมอาชีพเพาะเห็ดฟางเพื่อสร้างรายได้ โดยมีกลุ่มผู้ใช้น้ำตำบลแม่ปะ เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ได้รับการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากคณะรัฐมนตรี จำนวน 960,000 บาท มีระยะเวลาดำเนินงานโครงการตั้งแต่ธันวาคม 2558-เดือนกุมภาพันธ์ 2559
การดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาชีพเพาะเห็ดฟางเพื่อสร้างรายได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวในช่วงฤดูแล้ง เพื่อให้เกษตรกรได้ฝึกและเรียนรู้วิธีการเพาะเห็ดฟาง ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงฤดูแล้ง และสร้างอาชีพใหม่ให้เกิดขึ้นในชุมชน โดยมีพื้นที่การดำเนินงาน ได้แก่ 11 หมู่บ้าน ในพื้นที่ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยผลิตเห็ดฟางแบบกองเตี้ย ขนาด สูง 30 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 120 เซนติเมตร จำนวนหมู่บ้านละ 400 กอง รวม 4,400 กอง ดำเนินงานโดยกลุ่มผู้ใช้น้ำของทั้ง 11 หมู่บ้าน
องค์ความรู้เรื่องการเพาะเห็ดฟางกองเตี้ยนั้น เกษตรกรกลุ่มผู้ใช้น้ำตำบลแม่ปะ ได้รับความช่วยเหลือทางด้านวิชาการจากสำนักงานเกษตรจังหวัดตาก และสำนักงานเกษตรอำเภอแม่สอด ที่เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำต่างๆ ตลอดจนการติดตามให้ความช่วยเหลือตลอดระยะเวลาของการดำเนินโครงการ การผลิตกองเห็ดฟางนั้นได้กำหนดให้มีการทำ หมู่บ้านละ 40 กอง ต่อวัน เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 จนถึงกลางเดือน เพื่อป้องกันผลผลิตที่จะออกมามากจนเกินไป โดยวิธีการการเพาะเห็ดฟางกองเตี้ย และดูแลรักษา มีดังต่อไปนี้
1. วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ได้แก่
1.1 ไม้แบบ ไม้แบบเพาะเห็ดใช้ไม้กระดานมาทำเป็นแบบแม่พิมพ์ โดยมีความกว้าง 120 เซนติเมตร สูง 30 เซนติเมตร ด้านล่างกว้าง 30 เซนติเมตร
1.2 วัตถุดิบในการเพาะเห็ด จะนิยมฟางข้าว เพราะหาง่ายและมีจำนวนมาก จะใช้ฟางทั้งต้น หรือฟางข้าวนวดก็ได้ ยังมีวัตถุดิบอีกหลายชนิดที่ใช้เพาะเห็ดฟางได้ เช่น เปลือกของฝักถั่วเขียว ถั่วเหลือง ต้นถั่ว เปลือกผิวมันสำปะหลัง ผักตบชวา เศษต้นพืช วัตถุดิบที่ใช้ในการเพาะเห็ด ต้องนำไปแช่น้ำให้เปียก ใช้เวลาในการแช่ประมาณ 30 นาที ก็นำไปเพาะเห็ดได้
1.3 อาหารเสริม การเพิ่มอาหารเสริมจะเป็นการเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น ที่นิยมคือ ไส้นุ่น เปลือกฝักถั่ว ผักตบชวา จอกหูหนู มูลสัตว์ที่แห้ง เช่น ขี้ควาย ก่อนใช้ต้องแช่ให้ชุ่มน้ำเสียก่อน
1.4 เชื้อเห็ด เชื้อเห็ดฟางที่นำมาใช้ ควรมีอายุ 5-10 วัน จะเห็นเส้นใยเจริญเติบโตเต็มถุงสีขาว ถ้าเส้นใยแก่จะมีสีเหลืองเข้ม หรือมีดอกเห็ดเจริญในถุงเชื้อ ไม่ควรนำไปใช้ และต้องไม่มีศัตรูเห็ด เช่น ตัวไร ไม่มีเชื้อราชนิดอื่นปนอยู่ เช่น ราเขียว ราเหลือง ราดำ หรือเชื้อราชนิดอื่นที่ไม่ใช่เชื้อเห็ด และมีกลิ่นหอมของเห็ด
1.5 วัสดุคลุมแปลงเพาะเห็ด โดยทั่วไปจะใช้ผ้าพลาสติกคลุม เป็นการควบคุมความชื้นและรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อการเจริญของเห็ด
2. ขั้นตอนการทำเห็ดฟางกองเตี้ย
2.1 เตรียมดินบริเวณเพาะเห็ด โดยพรวนดินและย่อยให้ละเอียด รดน้ำให้ดินเปียกชุ่ม
2.2 นำไม้แบบ หรือแม่พิมพ์เพาะเห็ดวางบนพื้นที่เตรียมไว้ นำฟางที่แช่น้ำใส่ลงในไม้แบบ ขึ้นย่ำพร้อมรดน้ำจนแน่นพอดี และให้มีความหนาประมาณ 10 เซนติเมตร
2.3 นำอาหารเสริมที่ชุ่มน้ำ โรยรอบขอบไม้แบบบนฟางบางๆ ทั้ง 4 ด้าน
2.4 ใส่เชื้อเห็ดฟาง ที่ขยี้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้ว หนักประมาณ 100 กรัม โรยลงบนอาหารเสริมให้ทั่วทั้ง 4 ด้าน
2.5 การเพาะ ชั้น 2-4 ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับ ชั้นที่ 1 จนครบ 4 ชั้น ชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด ให้โรยอาหารเสริมและเชื้อเห็ดให้ทั่วผิวหน้าของแปลง แล้วนำฟางแช่น้ำมาคลุม หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร ใช้มือกดให้แน่นพอสมควร
2.6 ยกแบบไม้ออก ควรยกด้านหัวและท้ายพร้อมๆ กัน นำไปเพาะแปลงต่อๆ ไป โดยแต่ละกอง แปลงเพาะเห็ดให้ห่างกันประมาณ 10-15 เซนติเมตร ช่องว่างระหว่างแปลงเพาะเห็ดให้โรยอาหารเสริมและเชื้อเห็ด บนดินคลุมด้วยฟางบางๆ
2.7 คลุมแปลงเพาะเห็ดด้วยผ้าพลาสติก ถ้าทำหลายๆ กอง ให้คลุมผ้าพลาสติกยาวตลอดทุกแปลงเป็นผืนเดียวกัน
3. การดูแลรักษา
3.1 คลุมผ้าพลาสติกแปลงเพาะเห็ด เป็นการรักษาอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสมต่อการเจริญของเชื้อเห็ด โดย ในวันที่ 1-3 ไม่ต้องเปิดผ้าพลาสติกเลย เมื่อถึง วันที่ 3-6 ให้เปิดผ้าพลาสติก เพื่อเป็นการระบายอากาศปล่อยไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ในระยะนี้จะสังเกตเห็นเส้นใยของเห็ดเจริญบนอาหารเสริมและฟาง ยังไม่เกิดตุ่มดอก นี้ถ้ากองเห็ดแห้งให้รดน้ำเบาๆ เป็นฝอยละเอียดบนฟางคลุมกอง และรอบกองห้ามรดน้ำแปลงเพาะเห็ดเด็ดขาด จะทำให้ดอกเห็ดฝ่อและเน่า
3.2 ดอกเห็ดจะพัฒนาเจริญเติบโต และเก็บผลผลิตได้ราว วันที่ 7-9 ของการเพาะเห็ด แล้วเก็บดอกเห็ดได้ ราว 2-3 วัน โดยไม่ต้องรดน้ำ หลังจากนั้น ให้รดน้ำพอชุ่มทุกวัน จะสามารถเก็บเห็ดได้ต่อไปอีก 10-15 วัน
ผลผลิตเฉลี่ยที่ได้ต่อ 1 กอง คือ ประมาณวันละ 0.5-0.8 กิโลกรัม ต่อวัน โดยเห็ด 1 กอง สามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 10-15 วัน โดยเฉลี่ยแล้ว เห็ด 1 กอง เก็บได้ประมาณ 5-12 กิโลกรัม ต่อรุ่น
ผลผลิตเห็ดฟางที่ได้ กลุ่มผู้ใช้น้ำตำบลแม่ปะ จะนำไปจำหน่ายในหมู่บ้านก่อน ซึ่งบางครั้งก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่ในบางวันที่ผลผลิตออกมากเหลือจากการขายในหมู่บ้าน ก็จะนำไปขายให้กับแม่ค้าที่ตลาดสดเทศบาลนครแม่สอด หรือร้านอาหารต่างๆ ราคาที่ขาย อยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท พอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็มีการสั่งจองล่วงหน้า และมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงกลุ่ม
เงินที่ได้จากการขาย กลุ่มจะจ่ายให้เป็นค่าแรงสำหรับผู้ที่มาเก็บเห็ดฟางในตอนเช้า ทำความสะอาด และรดน้ำเห็ดฟาง อีกส่วนหนึ่งจะเก็บไว้เป็นกองทุนเพื่อพัฒนากลุ่มและนำไปต่อยอดการผลิตเห็ดฟางในรุ่นต่อๆ ไป
หลังจากเห็ดฟางในรุ่นแรกเริ่มเก็บผลผลิตได้น้อยลง กลุ่มผู้ใช้น้ำตำบลแม่ปะเริ่มมีแนวคิดที่จะทำกองเห็ดฟางเพิ่ม โดย หมู่ที่ 7 ตำบลแม่ปะ เป็นหมู่บ้านแรกที่เริ่มขยายผลโดยการทดลองนำกากมันสำปะหลังซึ่งเป็นของเหลือใช้จากโรงงานแปรรูปมันสำปะหลัง นำมาเป็นวัสดุเพาะเห็ดแทนฟางข้าว ซึ่งหายากและมีราคาสูง เนื่องจากไม่ใช่ฤดูกาลทำนา และในพื้นที่จังหวัดตากมีผู้เลี้ยงวัวเป็นจำนวนมาก ฟางข้าวจึงหายากในท้องตลาดและมีราคาสูง ส่วนกากมันสำปะหลังโรงงานแปรรูปมันสำปะหลังให้ฟรี จะมีค่าใช้จ่ายคือ ค่าขนส่ง ในอัตรา ตันละ 200 บาทเท่านั้น โดยกากมันสำปะหลัง 1 ตัน สามารถทำกองเห็ดได้ ประมาณ 50 กอง เมื่อเปรียบเทียบค่าวัสดุการผลิตต่อกองเพาะเชื้อเห็ดฟาง 1 กอง กองเห็ดฟางที่ทำด้วยฟางข้าว จะอยู่ที่ประมาณ 80 บาท ต่อกอง ส่วนกองเห็ดฟางที่ทำจากกากมันสำปะหลัง จะอยู่ที่ ประมาณ 30 บาท ต่อกอง ซึ่งถือว่าช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก
คุณประเสริฐ แก้วทันคำ เกษตรกร หมู่ที่ 7 บ้านหนองบัว ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำตำบลแม่ปะ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลผลิตที่ได้จากเห็ดฟางที่เพาะโดยกากมันสำปะหลังนั้น พบว่ามีผลผลิตที่สูงกว่ากองเห็ดฟางที่ใช้ฟางเป็นวัสดุเพาะ คือ ประมาณวันละ 1-1.2 กิโลกรัม ต่อวัน และจะสามารถเก็บเห็ดได้ต่อไปอีก 15-20 วัน โดยเฉลี่ยแล้ว เห็ด 1 กอง เก็บได้ประมาณ 15-24 กิโลกรัม ต่อรุ่น ซึ่งถือว่าสามารถสร้างรายได้ให้คนในกลุ่มเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ผลผลิตเห็ดฟางที่ได้จะออกมามาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
คุณประเสริฐ เล่าว่า มีการประชุมคณะกรรมการกลุ่มเพื่อหาแนวทางในการพัฒนากิจกรรมการเพาะเห็ดฟาง ซึ่งถือว่าช่วยสร้างรายได้ยามว่างในฤดูแล้งได้เป็นอย่างดี และเป็นกิจกรรมที่ทำให้คนในกลุ่มได้มีกิจกรรมร่วมกัน ถือว่าเป็นการสร้างความสามัคคีในชุมชน กลุ่มผู้ใช้น้ำจึงมีแนวคิดที่จะเพาะเห็ดฟางในรูปแบบของโรงเรือน ซึ่งจะทำให้ดูแลง่ายกว่าแบบกองกับพื้นดิน ซึ่งแบบกองกับพื้นดินต้องใช้พื้นที่มาก และต้องเปลี่ยนพื้นที่ใหม่เมื่อมีการทำรุ่นต่อไป โดยขณะนี้กำลังศึกษาหาความรู้ถึงรูปแบบที่เหมาะสม โดยมีสำนักงานเกษตรอำเภอแม่สอด และสำนักงานเกษตรจังหวัดตากเป็นที่ปรึกษา
หากเกษตรกรท่านใดสนใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สามารถสอบถามได้ที่ คุณประเสริฐ แก้วทันคำ กลุ่มผู้ใช้น้ำตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โทร. (087) 844-1664 หรือ สำนักงานเกษตรอำเภอแม่สอด โทร. (055) 531-900