เลี้ยงสุกรหน้าแล้ง ต้องระวังอะไรบ้าง?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05082010559&srcday=2016-05-01&search=no

วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 622

เทคโนโลยีปศุสัตว์

เลี้ยงสุกรหน้าแล้ง ต้องระวังอะไรบ้าง?

จากที่ในขณะนี้สภาพภูมิอากาศของประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูร้อนและพบว่าหลายจังหวัดเริ่มประสบปัญหาภัยแล้ง และมีแนวโน้มจะรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งปัญหานี้จะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและอาหารที่จะใช้เลี้ยงสุกร อันจะส่งผลต่อสุขภาพสุกรโดยตรง

ทั้งนี้ นายสัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้สุกรมีสุขภาพอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันลดต่ำลง มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคและเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย ซึ่งโรคที่สำคัญ เช่น โรค PRRS โรคอหิวาต์สุกร โรคปากและเท้าเปื่อยในสุกร

ทั้งนี้ โรค PRRS สุกรจะแสดงอาการ เช่น เบื่ออาหาร หายใจลำบาก มีผื่นแดงตามผิวหนังโดยเฉพาะใบหู พบการแท้งในแม่สุกร ส่วนโรคอหิวาต์สุกรจะพบว่าสุกรจะแสดงอาการไข้ พบจุดเลือดออก อาการเขียวคล้ำกระจายทั่วตัว และแสดงอาการทางระบบประสาท เช่น ขาไม่มีแรง

แต่หากเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยสุกรจะแสดงอาการไข้ ตุ่มพองบริเวณลิ้น ริมฝีปาก จมูก กีบเท้า เต้านม ส่งผลให้กีบหน้าหลุด และสุกรกินอาหารไม่ได้

อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้มีข้อแนะนำว่า การป้องกันโรคที่ดีที่สุด คือการเลี้ยงสุกรโดยใช้หลักระบบความปลอดภัยทางชีวภาพซึ่งเป็นระบบป้องกันหรือลดโอกาสการนำเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์มหรือสถานที่เลี้ยงสุกร โดยเน้นเรื่องการจัดการ การเลี้ยงสุกร และสถานที่เลี้ยงสุกร

ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้จัดทำโครงการปรับระบบการเลี้ยงสุกรเพื่อป้องกันโรคและประเมินสถานภาพโรค PRRS ของกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย โดยได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา

พบว่าฟาร์มสุกรที่มีการเลี้ยงสุกรไม่ผ่านเกณฑ์ตามระบบความปลอดภัยทางชีวภาพจะพบปัญหาจากโรค PRRS มากกว่าฟาร์มสุกรที่ผ่านเกณฑ์ 2.98 เท่า และฟาร์มสุกรที่มีสถานที่เลี้ยงสุกรไม่ผ่านเกณฑ์มีแนวโน้มเกิดโรค PRRS มากกว่าฟาร์มสุกรที่ผ่านเกณฑ์

ท้ายที่สุดนี้ อธิบดีกรมปศุสัตว์ขอแจ้งเตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรให้เตรียมสำรองแหล่งน้ำ-อาหารสำหรับสุกรตลอดฤดูแล้งนี้ และขอความร่วมมือสังเกตอาการสุกรของตน หากพบสุกรแสดงอาการป่วยให้แจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ทราบ เพื่อจะได้เร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

มีข้อสงสัยเรื่องโรคหรือต้องการข้อมูลโครงการปรับระบบการเลี้ยงสุกร สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศ หรือโทร. (02) 653-4412 ในวันและเวลาราชการ

พร้อมกันนี้ กรมปศุสัตว์ยังมีข้อแนะนำเกี่ยวกับการลดต้นทุนการผลิตในการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะสุกรและสัตว์ปีก เช่น ไก่เนื้อ ไก่ไข่ ฯลฯ ที่ต้องประสบกับปัญหาราคาอาหารสัตว์ หรือวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพง ในขณะเดียวกัน ผลผลิตที่ได้จากการเลี้ยงสัตว์กลับมีราคาไม่สมดุลกับต้นทุนค่าอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น

นายสัตวแพทย์อยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกษตรกรจะสามารถลดต้นทุนได้มากก็คือค่าอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่ในการเลี้ยงสัตว์จะเป็นค่าอาหาร ดังนั้น หากเกษตรกรผสมอาหารสัตว์ใช้เองจะช่วยให้สามารถลดต้นทุนค่าอาหารได้มาก

การลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์โดยหลักการก็คือ การลดราคาของสูตรอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ให้ต่ำลง ในขณะที่คุณค่าทางโภชนะของสูตรอาหารยังคงเดิม

สำหรับแนวทางในการลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์อาจกระทำได้ดังนี้ เกษตรกรจะต้องคำนวณสูตรอาหารให้มีโภชนะหรือสารอาหารต่างๆ พอดีกับความต้องการของสัตว์เลี้ยง หรือให้มีส่วนเกินของโภชนะหรือสารอาหารให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะโปรตีนในสูตรอาหารซึ่งเป็นสารอาหารที่มีราคาแพง

โดยวิธีการนี้เกษตรกรก็จะสามารถลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ได้ในระดับหนึ่ง

การเลือกใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีราคาถูกทดแทนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีราคาแพงในสูตรอาหารในกรณีที่เกษตรกรผสมอาหารสัตว์ใช้เอง จะช่วยให้ราคาอาหารสัตว์ต่ำลงในขณะที่คุณภาพหรือปริมาณสารอาหารที่มีในสูตรอาหารยังคงเดิม ในสภาพปัจจุบันวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของสูตรอาหารสัตว์ที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไป เช่น ปลาป่น กากถั่วเหลือง ปลายข้าว และข้าวโพด มีราคาแพงขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนค่าอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

หากเกษตรกรรู้จักเลือกใช้วัตถุดิบชนิดอื่นๆ ที่มีราคาถูก โดยเฉพาะวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เป็นผลพลอยได้ทางการเกษตรและอุตสาหกรรมมาทดแทนวัตถุดิบที่ใช้กันอยู่ เกษตรกรอาจลดต้นทุนค่าอาหารโดยการปรับลดปริมาณอาหารที่ให้สัตว์กิน โดยเฉพาะในการเลี้ยงสุกรสามารถลดปริมาณอาหารที่ให้ลง 10% จากปริมาณที่สุกรกินเต็มที่ หรือจะใช้หญ้าขนสดหั่นผสมร่วมกับสูตรอาหารในปริมาณ 10% โดยน้ำหนักในการเลี้ยงสุกรขุน จะทำให้สามารถลดค่าอาหารลงได้ 10% โดยสุกรยังคงมีอัตราการเจริญเติบโตเป็นปกติ

อีกประการหนึ่งที่สำคัญจะต้องหมั่นดูแลการให้อาหารสัตว์เพื่อไม่ให้เกิดการตกหล่นสูญเสีย เช่น ปรับปรุงลักษณะของรางอาหารความตื้นลึกของราง ตลอดจนขนาดความกว้างของรางอาหารให้เหมาะสม ก็จะช่วยลดการสูญเสียของอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นหนทางหนึ่งในการลดต้นทุนค่าอาหารและการผลิตสัตว์

Leave a comment