ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05059150559&srcday=2016-05-15&search=no
| วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 623 |
เทคโนโลยีการเกษตร
กระแต รายงาน
เศรษฐกิจพอเพียง ที่ศูนย์เรียนรู้กลุ่มเกษตรกรทำสวนผสมผสาน โคกสูง
“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย พระองค์ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไข เพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ มาจวบจนทุกวันนี้
หน่วยงานราชการที่ให้การส่งเสริมสนับสนุนการประกอบอาชีพของราษฎร โดยเฉพาะเกษตรกรต่างได้น้อมนำมาปฏิบัติโดยการส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรในโครงการต่างๆ ได้นำไปปฏิบัติใช้ อย่างเช่น กรมส่งเสริมสหกรณ์ หน่วยงานภาครัฐ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปส่งเสริมสนับสนุนให้สหกรณ์ต่างๆ นำไปปฏิบัติ จนประสบความสำเร็จอย่างเป็นที่น่าพอใจยิ่ง
ดร. วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า การน้อมนำแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวกเราได้น้อมนำมาถือปฏิบัติในการส่งเสริมและรณรงค์เกษตรกรทุกคนได้นำแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มาถือปฏิบัติเพื่อสร้างความเข้มแข็งในอาชีพ และสร้างความผาสุกให้กับครัวเรือน เรื่องของการกระจายแนวคิดแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การดำเนินการในเรื่องของทฤษฎีใหม่
โดยทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รณรงค์ให้เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรได้น้อมนำไปถือปฏิบัติในฟาร์มหรือไร่นาของตัวเอง เพื่อทำให้เกษตรกรมีความมั่นคงทางด้านอาหารและมีรายได้เสริมจากอาชีพ มีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตเพื่อนำไปสู่ความพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของคนไทย สังคมไทย เพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าไปพร้อมกับความสมดุลและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในระดับบุคคลนั้น การน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติใช้จักก่อให้เกิดความมั่นคงในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิต ดังเช่น กลุ่มเกษตรกรทำสวนผสมผสาน ตำบลโคกสูง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น
กลุ่มเกษตรกรทำสวนผสมผสาน ตำบลโคกสูง เป็นเกษตรกรที่รวมกลุ่มกันทำการเกษตรแบบผสมผสาน ที่ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าไปให้การสนับสนุนเรื่องการเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการตามรูปแบบของสหกรณ์ ในลักษณะของการรวมการผลิตและรวมกันขาย จนก่อเกิดรายได้อย่างมั่นคงให้กับกลุ่มเกษตรกรเป็นอย่างดี
ทางด้าน นางสาวบัวลี บุดดีคำพา ประธานศูนย์เรียนรู้กลุ่มเกษตรกรทำสวนผสมผสาน ตำบลโคกสูง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ได้เล่าให้ฟังว่า ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2555 โดยใช้ชื่อกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตำบลโคกสูง และขยายผลเป็นศูนย์เรียนรู้แห่งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2557 กลุ่มได้จดทะเบียนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2557 ในชื่อกลุ่ม ศูนย์เรียนรู้กลุ่มเกษตรกรทำสวนผสมผสาน ตำบลโคกสูง มีสมาชิกกลุ่มทั้งหมด 200 คน
“แต่ที่เป็นแกนนำและร่วมปฏิบัติในศูนย์นี้ จำนวน 10 คน แล้วก็อีกส่วนหนึ่งเขาจะไปประกอบอาชีพเอง คือทุกคนจะมีหลากหลายอาชีพ จะมี 10 กลุ่มย่อย ของเราคือกลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ และมีกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหม กลุ่มทอผ้าฝ้าย กลุ่มขนมไทย กลุ่มนวดแผนไทย กลุ่มจักสานแบบไม้ไผ่ กิจกรรมทุกอย่างเราจะต้องมารวมกันที่ศูนย์เรียนรู้ ภาคการเกษตรก็มีอยู่ประมาณ 3 กลุ่ม ที่ทำด้วยกัน และมีภาคีเครือข่ายด้วย” นางสาวบัวลี กล่าว
ทั้งนี้ ทางกลุ่มได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ จังหวัดขอนแก่น โดยได้มาให้ความรู้เรื่องการทำบัญชี ตอนแรกเราก็ไม่เคยทำเลย ท่านก็มาฝึกสอนเรื่องบัญชี รายรับ-รายจ่าย และการออม และก็มีการต่อยอดโครงการด้วย เมื่อก่อนนี้เราก็ทำโครงการไม่เป็น แต่ตอนนี้คณะกรรมการทุกคนก็ทำโครงการมาส่ง ก็คือให้ทุกคน ทุกฝ่าย ได้รู้เรื่องโครงการหมดทุกคน มีโครงการในใจทุกคน
ในส่วนแปลงเกษตรศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก นางอาลัย เพริกภูเขียว โดยให้พื้นที่ จำนวน 8 ไร่ แบ่งเป็นโซนข้างบนจะเป็นการทำการเกษตร ปลูกมะนาวระบบท่อและไม่ท่อ ปลูกกล้วยน้ำว้า กุยช่าย มีพืชผักสวนครัวอื่นๆ มีการเลี้ยงปลาดุก มีโรงเพาะเห็ด จำนวน 4 โรงเรือน บรรจุได้ที่ 20,000 ก้อน เลี้ยงไก่พันธุ์พื้นบ้านและพันธุ์ไข่ ไว้บริโภคและจำหน่าย ส่วนพื้นที่ต่ำข้างล่างเราก็ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ เราจะจำหน่ายในช่วงที่มีการศึกษาดูงานในศูนย์แห่งนี้
โดยมีการบริหารจัดการกลุ่มและมีการต่อยอด โดยทางศูนย์จะมีการประชุมทุกวันที่ 5 ของเดือน ทุกคนจะต้องมีโครงการประจำของตัวเองว่าจะทำอะไรมานำเสนอในการประชุมด้วย และเมื่อได้ผลกำไรจากกิจกรรมภายในศูนย์ มีการแบ่งสันดังนี้
ส่วนที่หนึ่ง โดยจะแบ่งปันให้สมาชิกคนที่มาทำงาน
ส่วนที่สอง จะเป็นเงินออม เงินฝาก เข้าหุ้น โดยจะมีการปันผลทุกวันที่ 5 ของเดือน
ส่วนที่สาม กันไว้เพื่อต่อยอดกิจการ
ส่วนสุดท้าย เอาไว้สำหรับร่วมงานบวช งานบุญ งานกุศล เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังให้ทุกกลุ่มย่อยเข้ามามีส่วนร่วมและมีการแบ่งปัน อย่างเช่น เรื่องต้นมะนาว มีการแบ่งให้กลุ่มอื่นๆ โดยแต่ละกลุ่มจะให้ 100 ต้น ซึ่งของทุกอย่างทุกกลุ่มจะเอาไปได้เลย เพื่อไปต่อยอดในกลุ่มของตนเอง ไม่ใช่จะอยู่ที่ศูนย์นี้ศูนย์เดียว คือเราจะให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ถ้าเขาตอนกิ่งมะนาวด้วยตัวเอง เขาต้องมาเรียนรู้เอง เราจะไม่ให้สำเร็จรูปเลย
ที่ผ่านมาสมาชิกกลุ่มได้ไปเรียนรู้งานที่โครงการหลวง ในโครงการพระดาบส รุ่นที่ 107 และได้ไปศึกษาดูงานอยู่ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร และศูนย์ภูมิรักษ์ จังหวัดนครนายก ได้นำความรู้ที่ได้มาผสมผสานกัน
“ถ้าจะทำแบบอย่างของท่านเลย ก็ไม่มีทุน ก็เลยดึงเอาของเราที่มีอยู่ แล้วก็มาปรับใช้เอง เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้ กลุ่มของเราได้น้อมนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในศูนย์ ก็คือให้ทุกคนมีความสามัคคี เป็นเรื่องแรก แล้วก็มีการรวมกลุ่มกัน โดยที่เรานำความรู้สึกของเรามาคุยกัน ถ้าเราต่างคนต่างอยู่ เราไม่รู้ว่าใครคิดอย่างไร ใครมีปัญหาอะไร เราใช้ระบบครอบครัวเหมือนที่ในหลวงว่า เราก็มาคุยกัน มาสะท้อนปัญหากัน พอเรารู้ว่าอีกคนหนึ่งมีปัญหา อีกคนหนึ่งไม่มีปัญหา เราก็เลยเอามารวมกันเลย เอามาปรับใช้ได้ผล บางคนมีข้าว อีกคนหนึ่งมีปลา เราก็เลยมารวมกัน”
“บางทีของทุกอย่างในนี้ เราไม่ได้จำหน่าย เราแลกเปลี่ยนกันเลย เป็นการแลกเปลี่ยนของทุกอย่างในสถานที่นี้ เราถือว่าเป็นของกลางหมดเลย ทุกคนใช้ได้ ทำได้ แต่ต้องมาทำงาน เอาความขยัน ขนาดในหลวงอยู่ตั้งไกล ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ทำงาน ท่านยังทรงงานอยู่ตลอดเวลา เราแค่นี้เอง ทำไมเราจะทำไม่ได้ เราอยากทำและอยากให้ท่านรู้ว่าเราก็ทำกันทุกคน เราจะน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงมาดำเนินชีวิตเพื่อความยั่งยืนและผาสุกของชุมชน ท้ายนี้ก็ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน” นางสาวบัวลี กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
จะเห็นว่า การพัฒนาชุมชนภายใต้การน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้นั้น จะเป็นการใช้คนเป็นเป้าหมายสำคัญ และเน้นการพัฒนาแบบองค์รวม หรือการพัฒนาอย่างบูรณาการ ทั้งด้านเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม การเมือง โดยใช้พลังทางสังคมเป็นกลไกในการขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาในรูปของกลุ่ม เครือข่ายหรือประชาสังคม เป็นการผนึกกำลังของทุกฝ่ายในลักษณะพหุภาคี ประกอบด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งก็คือระบบสหกรณ์
แลกเปลี่ยนข้อมูล
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้การต้อนรับ Mr. Mohamed Saeed รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจมัลดีฟส์ และคณะ รวม 12 คน ประกอบด้วย ผู้แทนระดับสูงจากภาครัฐ และผู้แทนจากภาคเอกชนในสาขาต่างๆ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อมูลในการส่งเสริมสหกรณ์ในประเทศไทย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการสหกรณ์ของ 2 ประเทศ เพื่อศึกษาแนวทางความร่วมมือเพื่อการพัฒนาสหกรณ์และ SME และความร่วมมือที่สามารถดำเนินการได้ ณ ห้องประชุม กรม 226 เมื่อเร็วๆ นี้