ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05118150559&srcday=2016-05-15&search=no
| วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 623 |
เดินห่าง…จากความจน
สมยศ ศรีสุโร
ไปเยี่ยมชม…การประกวด “สุดยอดนวัตกรรมอาชีวศึกษา ระดับชาติ” (1)
มีข้อหนึ่งที่พึงจดจำไว้เสมอในหนึ่งชีวิตนี้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาแบบง่ายๆ หรือเกิดขึ้นจากการทำนายหรือโชควาสนานำพา แต่หากมีความเชื่อเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยจะทำให้เรามีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าโชควาสนาต่างๆ เหล่านั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้แน่นอนตลอดเวลา เมื่อเรามีความขยันและอดทน พร้อมมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเราต้องทำได้ ทุกอย่างย่อมต้องทำได้ เพียงแค่อย่าท้อกับชีวิตเท่านั้น เนื่องจากเราคือผู้ทำนายและนำพาโชคชะตาชีวิตของเรานั่นเอง
ก่อนอื่น ขอต้อนรับด้วยคำว่า สวัสดี และขอบพระคุณอย่างมากจากเทคโนโลยีชาวบ้าน และผู้เขียนเป็นเบื้องแรก คอลัมน์นี้ถือว่าได้รับความสนใจจากแฟนๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องราว ชะอมไม้เค็ด 2009 ทุกเรื่องราวจากทางเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อ นายสมยศ ศรีสุโร หรือจากที่แฟนๆ ส่งเสียงไปหา โทร. (081) 846-0652 ชนิดไม่รู้เบื่อ ผมขอสัญญาว่าจะนำทุกเรื่องราวที่แฟนๆ ต้องการทราบในเรื่องชะอมไม้เค็ด 2009 เรียนเชิญได้ทุกข้อข้องใจครับแฟนๆ ติดตามให้กำลังใจกันด้วยนะครับ
แต่สำหรับปักษ์นี้ ผมขอนำเสนอเรื่องอื่นมาสลับบ้างนะครับ เผื่อว่าแฟนๆ ที่รักจะได้มีหลากหลายเรื่องราวเพิ่มขึ้น เนื่องจากผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมในงานประกวด “สุดยอดนวัตกรรมอาชีวศึกษา ระดับชาติ” ซึ่งเป็นผลงานในการประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ ระดับเยาวชน นักศึกษาจากสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ หลังจากผลงานทั้งหลายล้วนได้ผ่านการคัดเลือกระดับภาคมาก่อนหน้านี้ระดับหนึ่ง จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ มีขึ้นปีละ 1 ครั้ง
สิ่งประดิษฐ์หลายๆ ชิ้นที่เกิดขึ้นจากฝีมือเยาวชนอาชีวะเหล่านี้ พวกเขาจะสามารถเลือกสร้างสรรค์ผลงานได้ในหลายประเภทตามที่มีกรรมการได้มีกฎเกณฑ์กำหนดไว้ และเนื่องจากสถาบันการศึกษาระดับอาชีวศึกษานั้นมีอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้น ผลงานสิ่งประดิษฐ์จึงมีเกิดขึ้นจำนวนมากเช่นกัน และได้มีจัดประกวดในระดับภาคมาก่อนดังที่ได้เขียนไว้ สุดท้ายจะเหลือสิ่งประดิษฐ์ชิ้นงานที่ได้ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่าสุดยอดแต่ละภาค ในที่สุดจึงมีมาถึงระดับชาติ
คอลัมน์นี้ยินดีอย่างมากที่ขอสนับสนุน พร้อมต้องการอย่างมากเช่นกันสำหรับให้กำลังใจกับเยาวชนเหล่านั้นได้ให้เขาทุกคนได้รับทราบว่า มีผู้ใหญ่อีกจำนวนหนึ่งที่สนใจต่อพวกเขา เพื่อต้องการให้เยาวชนที่เป็นผลิตจากสถาบันอาชีวะได้เติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพต่อไป สำหรับการมาก้าวแทนที่จะนำพาประเทศในด้านที่พวกเขาได้เรียนรู้มาจากสถาบัน ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ที่สำคัญอย่างมากคือการที่ได้ทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ ที่จะสำเร็จได้นั้นย่อมต้องการความสามัคคีอย่างมาก ประเทศนี้กำลังต้องการคนเช่นนี้มากเหลือเกิน ดังนั้น ผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลายสมควรอย่างยิ่งที่ต้องให้การสนับสนุนพวกเขาเหล่านั้นกันนะครับ
หากว่าแฟนๆ ได้เห็นชิ้นงานที่เป็นผลงานสิ่งประดิษฐ์ในหลายๆ ประเภทที่สำเร็จออกมา จะสามารถเห็นได้ว่าสถาบันของอาชีวะทั่วประเทศ ต่างมีความพยายามอย่างมากที่ต้องการให้เยาวชนเหล่านั้นได้สร้างสรรค์ผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่สำเร็จออกมา แบบว่าสามารถชนิดตอบรับกับความต้องการของชุมชน หรือผู้ที่สนใจในชิ้นงานนั้นๆ สามารถนำไปใช้ได้ชนิดไม่แพ้มืออาชีพเชียวนะครับ เนื่องจากมีอาจารย์เป็นที่ปรึกษาทุกขั้นตอน พร้อมได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาอย่างเต็มที่เช่นกัน
ผมเลือกผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่มีมากมายในหลากหลายประเภทเหล่านั้น โดยมีความคิดว่าเป็นชิ้นงานที่น่าสนใจ หรือพร้อมที่จะสามารถตอบรับกับผู้ที่สนใจต้องการนำไปใช้ได้จริงๆ กับความต้องการ ปักษ์นี้ขอนำเสนอสิ่งประดิษฐ์ที่เลือก 2 ชิ้น นะครับ
ชิ้นแรก เป็นผลงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ด้านการอนุรักษ์พลังงาน เป็นผลงานจากวิทยาลัยการอาชีพเวียงสระ สุราษฎร์ธานี ชื่อว่า ชุดควบคุมมอเตอร์ปั๊มน้ำแบบประหยัดพลังงานสำหรับแปลงเพาะชำ ก่อนที่สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้จะเกิดขึ้น มีที่มาคือ หลังจากที่ทีมงานได้พบเห็นว่าแปลงที่ใช้สำหรับเพาะชำกล้าไม้ ส่วนมากมักจะใช้เนื้อที่จำนวนครึ่งไร่ ไปจนถึง 1 ไร่ ส่วนมากทุกแปลงเพาะชำมักจะใช้มอเตอร์ ขนาด 2HP ท่อที่ใช้ดูดและส่งน้ำ มีขนาด 2 นิ้ว เพื่อนำมาสูบน้ำจากแหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นลำคลอง บ่อบาดาล คลองชลประทาน เป็นต้น การให้น้ำจะเป็นระบบสปริงเกลอร์ โดยมีท่อเมน ขนาด 2 นิ้ว และใช้ประตูน้ำเป็นตัวควบคุมการเปิด-ปิด ในแต่ละแถว
ในแต่ละแถวก็จะใช้เป็น 3 ทางแยก โดยใช้ท่อขนาดครึ่งนิ้ว จะมีหัวสปริงเกลอร์อยู่ประมาณ 4-6 ตัว ระยะห่างกันประมาณ 3×3 เมตร สรุป จะมีหัวของสปริงเกลอร์ ประมาณ 40-120 ตัว สำหรับไว้จ่ายน้ำโดยใช้มอเตอร์ 1 เฟส 2HP จะสามารถมีแรงดันจ่ายน้ำสำหรับสปริงเกลอร์ได้ประมาณ 30 ตัว ในแต่ละครั้ง เปิดครั้งละ 30 นาที เช้า-เย็น รวมวันละ 1 ชั่วโมง ประเด็นปัญหาที่พบคือ ไม่สามารถเปิดน้ำเพื่อตอบรับสำหรับสปริงเกลอร์ได้ทั้งหมด ในแต่ละครั้ง จึงต้องใช้ระยะเวลาเปิดเพิ่มขึ้น ทำให้สูญเสียพลังงานไฟฟ้าและสิ้นเปลืองน้ำเป็นอย่างมาก
จากปัญหาทั้งหมด ทีมงานพบว่า ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือจำเป็นต้องมีระบบการควบคุมการทำงานของมอเตอร์ปั๊มน้ำ ต่อมาคือการที่ทำให้สามารถประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายสำหรับไฟฟ้าได้อีกด้วย เบื้องต้นจึงคิดถึงเครื่องควบคุมมอเตอร์เพื่อที่จะให้สามารถประหยัดพลังงานขึ้นมา โดยนำหลักการของอินเวอร์เตอร์มาใช้ ด้วยการสร้างชุดควบคุมชิ้นนี้ไปควบคุมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส ให้สามารถใช้กับระบบไฟฟ้า 1 เฟส แบบทั่วๆ ไป โดยใช้มอเตอร์มีกำลังไฟฟ้า ขนาด 2HP เป็นขนาดเดียวกับที่นิยมใช้ในแปลงเพาะชำทั่วๆ ไป แต่สามารถควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์ปั๊มน้ำให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามที่ต้องการ
ประเด็นต่อมาให้ประหยัดพลังงาน โดยสามารถควบคุมพลังงานไฟฟ้าในระบบปลีกย่อยได้พร้อมสามารถควบคุมการเปิด-ปิด ในการทำงานแต่ละแถวแบบอัตโนมัติโดยการตั้งเวลา และขณะทำงานความเร็วของรอบปรับเปลี่ยนเองได้ด้วยความดันของน้ำภายในท่อ โดยใช้เพรสเซอร์ทรานสมิตเตอร์เป็นตัวตรวจจับ และมีชุดตรวจจับความชื้นของดินเมื่อได้ระดับต้องการมอเตอร์จะหยุดทำงานทันที
ขอบันทึกสำหรับชื่อเยาวชนคนเก่งที่ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ จนได้รับรางวัลยอดเยี่ยม จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์ธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน คุณอนาวัช ทองเงิน คุณเกรียงไกร กลิ่นน้อย คุณอิศราวุธ แสงทอง คุณอัษฏาวุธ บริสุทธิ์ คุณเอกชัย บัวจันทร์ คุณพีระพงษ์ บุญพิทักษ์ คุณณัฐพล สิทธิฤทธิ์ คุณชัยยุทธ หุ้ยหลี คุณศักดิ์ชัย ต้นสูง และ คุณอภิเดช นามเมือง จากความควบคุมของอาจารย์ที่ปรึกษา คุณมานิตย์ อำนวย พร้อมกับการสนับสนุนเต็มที่ จาก คุณณรงค์ หวังอีน รองผู้อำนวยการ
แฟนๆ ครับ สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้เหมาะมากหากว่ามีท่านใดที่มีอาชีพเพาะกล้าไม้ หรือต้องการเพาะกล้าไม้จำนวนมาก หรือนำไปประยุกต์ใช้สำหรับการประกอบกิจการในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากสามารถประหยัดน้ำและพลังงานได้อย่างดียิ่ง สนใจทุกรายละเอียดที่ต้องการ ติดต่อ คุณมานิตย์ อำนวย โทร. (084) 625-3909
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นต่อมาที่ผมเลือกมานำเสนอ เนื่องจากเรื่องราวของไข่เค็ม เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการถนอมอาหารในเรื่องของไข่นั้น จะเห็นได้ว่ามีการผลิตกันมากในทุกภูมิภาค ด้วยสูตรที่แตกต่างกันไปตามที่แหล่งผลิตนั้นๆ และมีอีกมากเช่นกันที่นิยมใช้ดินมาพอกหุ้มไข่ สำหรับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้จึงสามารถนำมาตอบโจทย์เหล่านั้นได้อย่างสุดยอด “เครื่องล้างไข่เค็มระบบรีไซเคิลน้ำ” เป็นสิ่งประดิษฐ์ประเภทเพื่อการประกอบอาชีพที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ผมเห็นว่าสามารถนำสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ไปประยุกต์สำหรับไปใช้กับผลิตภัณฑ์อย่างอื่นได้อีกด้วยเช่นกัน
เป็นผลงานจาก วิทยาลัยการอาชีพไชยา สุราษฎร์ธานี เบื้องต้นก่อนที่สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้จะมีเกิดขึ้นมาได้นั้น ย่อมต้องมีที่มาเป็นเบื้องแรก เนื่องจากทีมงานทุกคนต่างมีคำตอบ สุดท้าย หลังจากที่ได้ลงไปสัมผัสพร้อมสอบถามกับผู้ผลิตไข่เค็มที่มีมากมายหลายชุมชนในอำเภอไชยา ล้วนมีชื่อเสียงในเรื่องของการแปรรูปไข่เค็มเป็นอย่างมาก เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวของไข่เค็ม ทุกคนล้วนต้องนึกถึงไข่เค็มไชยาเป็นอันดับต้นๆ ทันที
การผลิตไข่เค็มแบบไชยานั้น ใช้การผลิตแบบใช้ดิน นำมาสำหรับพอกไข่กันทุกชุมชน เมื่อถึงเวลาที่จะนำมารับประทานแล้วจำเป็นต้องให้ดินที่พอกอยู่นั้นออกไปก่อน โดยทั่วไปจะใช้แรงงานของคนนำไข่ลงไปล้างในน้ำเพื่อให้สะอาดหมดดินที่พอกอยู่ แต่ละฟองจะใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที พร้อมกับใช้น้ำสะอาดล้างอย่างน้อย 2-3 ครั้ง เช่นกัน แถมต้องระมัดระวังไม่ให้เปลือกไข่แตกร้าวอีกด้วย หากคิดดูเมื่อต้องใช้แรงงานคนล้างดินที่พอกไข่เค็มเป็นจำนวนมากจะยิ่งทำให้เสียเวลามากแค่ไหน และกับมือที่จุ่มอยู่ในน้ำตลอดเวลาขณะที่ล้างไข่เค็มนั้นจะเป็นเช่นไร
ทีมงานจึงใช้ประเด็นปัญหาเหล่านี้มาร่วมกันคิดเพื่อที่จะออกแบบสิ่งประดิษฐ์ชิ้นดังกล่าว โดยเบื้องแรกต้องคำนึงว่า ไข่ที่ล้างด้วยเครื่องนั้นต้องสะอาดแบบว่าไม่ต่างจากล้างด้วยมือสำหรับเพื่อเป็นการทดแทนแรงงานคน ประเด็นต่อมาคือ ต้องใช้เวลาที่น้อยกว่า สุดท้ายจำนวนการใช้น้ำก็ต้องน้อยกว่าอีกด้วย สรุปคือเครื่องล้างไข่เค็มระบบรีไซเคิลน้ำต้องมีคุณภาพ คือสามารถล้างดินที่พอกไข่ออกได้รวดเร็ว สะอาด ถูกสุขลักษณะ ประหยัดน้ำและเวลา ไข่ต้องไม่แตกร้าว เสียหาย เพราะทั้งหมดคือการนำมาตอบรับกับประเด็นปัญหาที่ชุมชนที่ผลิตไข่เค็มต้องการทั้งสิ้น
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้จึงจำเป็นต้องมีส่วนประกอบที่สำคัญทั้งสิ้น 3 ส่วน ส่วนแรก คืออุปกรณ์ล้างดินพอกไข่เค็ม ส่วนที่ 2 คืออุปกรณ์บำบัดน้ำเสีย และสุดท้าย อุปกรณ์สำหรับล้างไข่เค็ม อุปกรณ์แรกนั้นมีรายละเอียดคือ สามารถล้างดินที่พอกไข่เค็มได้ครั้งละ 40 ฟอง ใช้ระยะเวลา 30 วินาที ทำงานโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 12 โวลต์ เป็นตัวขับเคลื่อน มีอุปกรณ์ควบคุมระบบเปิด-ปิด มอเตอร์แบบกดปุ่ม มีสวิตช์ไฟฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่วลงดิน หรือหากต้องการไม่ใช้แบบไฟฟ้า สามารถใช้มือหมุนได้อีกด้วย
ส่วนที่ 2 คืออุปกรณ์บำบัดน้ำเสีย บรรจุน้ำสำหรับล้างไข่เค็ม จำนวน 40 ลิตร สามารถนำน้ำที่ใช้ล้างดินที่พอกไข่เค็มกลับมาใช้ได้อีก ประกอบด้วย อุปกรณ์คัดแยกตะกอนหยาบด้วยวิธีตกตะกอน ซึ่งสามารถระบายตะกอนออกนำทิ้งได้และมีใยโพลีเอสเตอร์สำหรับกรองน้ำ ระบบไหลเวียนของน้ำโดยใช้ปั้มไฟฟ้า 220 โวลต์ สามารถล้างไข่เค็มได้ จำนวน 2,000 ฟอง ต่อการเปลี่ยนครั้ง สำหรับส่วนสุดท้าย จะเป็นอุปกรณ์ถาดบรรจุน้ำสำหรับล้างไข่เค็มครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะนำไข่เค็มมาวางบรรจุใส่ถาดหลุมที่เก็บไข่
เช่นกัน ขอบันทึกไว้สำหรับเยาวชนคนเก่งจากสาขาเครื่องกล วิทยาลัยการอาชีพไชยา คุณจิรายุ นาคทองคง คุณเชาวณัฐ กัณหา คุณณัฐภัทร ธิปัตย์ คุณประมวล เกตชู คุณธนภัทร โยธา คุณวีระพงษ์ คงเทพ คุณนราภรณ์ ปลอดชูแก้ว คุณเริงชัย คล้ายทอง คุณเสกสรร ช่วยมาก และ คุณนพกร คำหอมชื่น จากการควบคุมของ คุณศุภชัย จันทร์ประดิษฐ์ อาจารย์ที่ปรึกษา และการสนับสนุนอย่างเต็มที่ คุณวิชิต วิเชียร ผู้อำนวยการ
แฟนๆ ท่านใดที่สนใจ ต้องการรายละเอียด กรุณาติดต่อ คุณศุภชัย จันทร์ประดิษฐ์ โทร. (089) 873-1725
แฟนๆ ครับ ผมยังคงมีเรื่องราวของสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นฝีมือของเยาวชนนักศึกษาจากสถาบันอาชีวศึกษาอีกหลายชิ้นที่พยายามเลือกแล้ว และเห็นว่าน่าสนใจอย่างยิ่งที่จะมาให้แฟนๆ ได้รับทราบ จะค่อยๆ นำมาเสนออีกในบางปักษ์ เพราะมีความต้องการอย่างมากดังที่ได้เขียนไว้ว่า เราต้องให้กำลังใจและสนับสนุนเยาวชนเหล่านั้น อย่าเพิ่งเบื่อคอลัมน์นี้ไปเสียก่อน ยังไงก็อย่าลืมให้กำลังใจกันนะครับ
สำหรับแฟนๆ มีคำถามที่เกี่ยวข้องกับ ชะอมไม้เค็ด 2009 ผมจะนำมาเสนอสลับกันไปจะได้หลากหลายเรื่องราว เหมือนได้กินอาหารที่แปลกรสชาติไปบ้าง จะสามารถทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจมีความสมบูรณ์และมีความสุขเพิ่มมากขึ้น ติดตามกันนะครับแฟนๆ
สุดท้าย มีคนบางคนชอบคิดกันว่า หากชาตินี้ไม่พบกับความสมหวังในชีวิตก็ไม่เป็นไร ถือว่าโชคชะตาเรามันไม่ดีเอง ชาติหน้าน่าจะมีโอกาสดีๆ บ้าง คิดได้ไงเช่นนั้น มั่นใจมากหรือว่าชาติหน้านั้นมีจริง รู้อีกหรือว่าชาติหน้าจะได้เกิดมาเป็นคนอีก ชาตินี้ไม่พออีกหรือ แค่ว่าวันพรุ่งนี้กับชาติหน้า คิดไหมว่าวันไหนจะมาถึงก่อนกัน วันนี้เท่านั้น ขอให้มั่นใจได้เลยว่าคือวันแห่งชีวิตเราที่มีอยู่ทุกวัน
จงทำวันนี้ให้เต็มที่และดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นจากตัวเราเองทั้งนั้น ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงดาวหรือฟ้าลิขิต หากว่าจะเชื่อก็คงไม่เป็นไร แต่ขอเพียงเชื่อว่าโชคชะตาจะดีได้นั้นย่อมเกิดจากการกระทำดีของเราด้วยเช่นกัน
แฟนๆ ครับ วันนี้เราย่อมจะมีชีวิตอยู่บนโลกและสามารถดูแลใครก็ได้ในโลกนี้ได้ดีเช่นกัน ด้วยการมองโลกในแง่ดีทุกการก้าวเดิน เพราะเราจะไม่มีวันหน้าหรือวันต่อไป ตลอดจนถึงชาติหน้าอีกแล้ว เชื่อผมเหอะ ขอบคุณ สวัสดี