16 ต.ค. 59 –  พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์บัญชาการการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) โดยมี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธณะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมในวันนี้ว่า การประชุมวันนี้มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทุกกลุ่มงาน ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง ต่างประเทศ ได้รายงานข้อมูลการดำเนินงานของแต่ละภาคส่วนที่จะบริการประชาชนในการเดินทางมาถวายความอาลัยพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมทั้งการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย รวมทั้งการบริหารราชการแผ่นดิน

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ในวันที่ 18 ต.ค. นี้ ยังคงมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอยู่ตามปกติ การบริหารราชการ การค้าการลงทุน ยังคงดำเนินต่อไปไม่ช่วงสูญญากาศ แม้ประเทศไทยจะอยู่ในช่วงของความโศกเศร้า วิปโยค ในการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ทุกคนต้องไม่ลืมคำสอนของพระองค์ ที่ทรงสอนให้ทุกคนไม่ลืมหน้าที่ และจะต้องปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่าง อย่างสมบูรณ์เต็มกำลัง เพื่อพัฒนาประเทศต่อไป การบริหารราชการแผ่นดินยังคงต้องเดินหน้าควบคู่ไปกับการเตรียมการพิธีพระบรมศพ อย่างสมพระเกียรติ และความอาลัยที่คนไทยทุกคนมีความรักเทิดทูน ต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

“นายกรัฐมนตรี ฝากประธานในที่ประชุมมาเน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการ ว่า เราทุกคนเสียใจได้แต่ต้องไม่ลืมหน้าที่ เราทุกคนเสียใจได้ แต่ต้องมีความหวัง เราทุกคนเสียใจได้ แต่อย่าเสียพลังความรักความศรัทธาที่มีต่อประเทศชาติ” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการ และระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินตามโรดแมป รวมถึงการเลือกตั้งนั้น ทุกอย่างยังเป็นไปตามเดิมทุกขั้นตอน ซึ่งจากการสอบถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด รวมทั้งการดำเนินการพิจารณากฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็เป็นไปตามขั้นตอนและกรอบเวลาทุกอย่าง

โฆษกฯ กล่าวว่า มีข่าวลือในโซเชียลมีเดียมากว่ามีการสั่งให้ปลด หรือห้ามประดับพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอชี้แจงว่าไม่มีการสั่งการใด ๆ ในลักษณะดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการติดพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่หน้าหน่วยงานราชการ หน้าสถานที่ต่าง ๆ องค์กรเอกชน รัฐวิสาหกิจ สี่แยกไฟแดง หรือแม้แต่บ้านพักของประชาชน

“ช่วงที่พระองค์เสด็จสวรรคต และทุกคนร่วมกันถวายความอาลัย ถือเป็นเวลาอันควรอย่างยิ่งที่จะประดับพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ ที่เหมาะสม คือทรงฉลองพระองค์เต็มยศ และอยากให้แต่ละหน่วยงานให้ความสำคัญกับการประดับผ้าแพรสีดำขาวให้ถูกต้อง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงแล้ว มีบางหน่วยงานอาจนำพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ ลงมาเพื่อประดับให้ถูกต้อง ขอชี้แจงทำความเข้าใจว่าไม่ได้นำลงมาเฉย ๆ แต่เป็นการนำลงมาเพื่อประดับให้ถูกต้อง ดังนั้นหน่วยงานใดที่เข้าใจผิดขอให้รีบนำขึ้นไปประดับให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยนายกรัฐมนตรี ได้กำชับ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจคนทั้งชาติ”

ส่วนการประดับธงตราสัญลักษณ์นั้น เป็นธงที่ใช้ในการเฉลิมฉลองที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่เมื่อเสด็จสวรรคตแล้ว จึงขอให้นำธงลงเพื่อเป็นการถวายความอาลัยแด่พระองค์ท่าน หลายคนอาจแปรเจตนารมณ์ผิด

“อยากขอร้องผู้ที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงอย่าคิดไปเองแล้วสร้างกระแสความเข้าใจผิด รวมถึงพี่น้องประชาชนที่รับข้อมูลที่ปราศจากแหล่งอ้างอิงมา ก็ไม่สมควรส่งต่อให้เกิดความสับสนยิ่งขึ้น หากมีข้อสงสัยใดๆ ขอให้สอบถามจาก สายด่วน 1111 ทำเนียบรัฐบาล ที่ยินดีตอบทุกคำถามและข้อสงสัยของประชาชน” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ในการสวมใส่เสื้อผ้าชุดไว้ทุก แสดงความอาลัยต่อพระองค์ท่าน ซึ่งมีปัจจัยหลายประการอาจทำให้บางคนไม่สามารถหาชุดเสื้อผ้าสีดำล้วน หรือสีขาวล้วนได้ อาจจะมาจากจำนวนที่มีอยู่ในตลาดที่หาซื้อยาก หรือปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ขอให้มองที่เจตนาของแต่ละคนที่ร่วมกันถวายความอาลัย แต่ละคนสามารถเลือกเสื้อสีพื้นที่ไม่ฉูดฉาด ไม่มีลายดอกดวง และหากไม่สามารถจะหาเสื้อสีดำขาวได้ ก็สามารถประดับริบบิ้น หรือโบว์สีขาวดำ ที่แขน หรือหน้าอก ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม สามารถทำได้ ทั้งนี้ขอสังคมอย่าไปจ้องจับผิดเหมือนกับว่าเขาไม่ได้แสดงความอาลัย แต่อาจเป็นเพราะปัจจัยต่างๆ