ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
21 ตุลาคม 2559 เวลา 07:19 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/world/461256

โดย…ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันเริ่มต้นการดีเบต ครั้งสุดท้ายระหว่างตัวแทนพรรคกับ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากเดโมแครตได้อย่างดี และเป็นการดีเบตที่ดีที่สุดในบรรดาการโต้วาทีทั้งหมด 3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กลับพลาดในตอนจบด้วยการกล่าวหาการเลือกตั้งมีการล็อกผลเอาไว้ และไม่ระบุว่าจะยอมรับผลการเลือกตั้งหรือไม่
“ผมจะบอกกับคุณตอนนั้น ผมจะปล่อยให้คุณลุ้นไปก่อน” ทรัมป์ตอบคำถามของ คริส วอลเลซ ผู้ดำเนินรายการ ซึ่งถามว่าจะยอมรับผลการเลือกตั้งหรือไม่ หากพ่ายแพ้ลง
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีการโกงเกิดขึ้น และผู้สนับสนุน ทรัมป์ทุกคนควรตรวจสอบที่คูหา เลือกตั้งนั้นดำเนินการไปอย่างยุติธรรมหรือไม่ สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งให้ออกมาแสดงความเห็นระบุว่า การกล่าวหาดังกล่าวขาดหลักฐานและเต็มไปด้วยการข่มขู่ ซึ่งจะทำให้ผู้คนไม่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า แม้การกล่าวหาของทรัมป์จะทำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคเดโมเครตไม่ออกไปใช้สิทธิในวันที่ 8 พ.ย.นี้ แต่ฐานเสียงของทรัมป์ไม่เพียงพอที่จะชนะการเลือกตั้ง โดยจากการศึกษาพบว่า หากชายชาวอเมริกันผิวขาว ซึ่งเป็นฐานเสียงของรีพับลิกันออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และชนกลุ่มน้อย ซึ่งเป็นฐานเสียงของเดโมเครตออกไปใช้สิทธิน้อยกว่าคาด ความน่าจะเป็นที่ฮิลลารีจะชนะการเลือกตั้งยังคงมากอยู่ที่ 82%
ผลสำรวจของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น/โออาร์ซี พบว่า ฮิลลารีมีชัยในการดีเบตครั้งนี้ด้วยคะแนนความนิยม 52% ต่อ 39% ขณะที่ตลาดตอบรับชัยชนะของ ฮิลลารี โดยค่าเงินเปโซเม็กซิกันแข็งค่าขึ้นแตะสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิ 225 ของญี่ปุ่นพุ่งแตะเกือบจุดสูงสุดรอบ 6 เดือน เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา
ศึกโต้วาทีนัดสุดท้ายดุเดือด
การดีเบตเริ่มด้วยประเด็นการ แต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฎีกาคนใหม่ แทน แอนโทนิน สกาเลีย ซึ่งเสียชีวิตเมื่อ วันที่ 13 ก.พ. โดยด้าน ฮิลลารี ระบุว่า ต้องการให้ผู้พิพากษาคนใหม่เป็นผู้ที่สนับสนุนประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งสตรี และผู้มีความหลากหลายทางเพศ และควรสนับสนุน มอร์ริก การ์แลนด์ ซึ่งประธานาธิบดี บารัก โอบามา เป็นผู้เสนอชื่อ
ขณะที่ ทรัมป์ ระบุว่า ต้องการ ผู้พิพากษาซึ่งตีความรัฐธรรมนูญอย่างที่บรรพบุรุษเคยตั้งเอาไว้ และสนับสนุนสิทธิการครอบครองอาวุธปืนของ ชาวอเมริกัน ซึ่งฮิลลารีระบุว่า แม้จะสนับสนุนสิทธิดังกล่าวแต่ก็ควรมีการควบคุมด้วย เช่น การตรวจสอบภูมิหลังของผู้ซื้อ
ในประเด็นด้านการอพยพเข้าเมือง ทรัมป์ยังคงย้ำจุดยืนการคุมเข้มชายแดนเพื่อป้องกันอาชญากรรมและกลุ่มลัทธิแนวคิดสุดโต่งเข้ามาในประเทศ ขณะที่ฮิลลารีชูประเด็นการปฏิรูปกระบวนการรับคนเข้าเมือง และทำให้ผู้ที่หลบเข้าเมืองผิดกฎหมายกลายเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทรัมป์โจมตีว่าเป็นการละเมิดสิทธิผู้ที่ทำถูกต้องตาม กระบวนการตั้งแต่แรก
ในด้านการค้า ทรัมป์ ระบุว่า การค้าเสรีส่งผลให้สินค้าจากประเทศอื่น ไหลเข้ามาในสหรัฐจนทำให้มีผู้ต้อง สูญเสียงานและธุรกิจล้มไป จึงจำเป็นต้องมีการเจรจาการค้าเสรีเสียใหม่ โดยแผนการลดภาษีของทรัมป์จะทำให้ภาคธุรกิจนำเงินที่มากขึ้นไปจ้างงานประชาชนมากขึ้น
ขณะที่ ฮิลลารี ระบุว่า จะขึ้นภาษีผู้มีรายได้มากกว่า 2.5 แสนเหรียญสหรัฐ (ราว 8.7 ล้านบาท) เพื่อนำภาษี เหล่านั้นไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษาโดยไม่ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น และยังคงย้ำจุดยืนต่อต้านหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) รวมถึงต่อต้านการทุ่มตลาดเหล็กจากจีนอีกด้วย
โกงเลือกตั้งระดับชาติทำได้ยาก
เอ็ดเวิร์ด บี. โฟเลย์ เปิดเผยในหนังสือ Ballot Battles : The History of Disputed Elections in the United States พบการโกงการเลือกตั้ง เช่น
-ปี 1792 แอนโธนี เวย์น ได้รับเลือกตั้งตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎร รัฐจอร์เจีย เขต 1 ก่อนตรวจสอบพบการโกงการเลือกตั้ง จนต้องจัดการเลือกตั้งใหม่
– ปี 1960 พบ จอห์น เอฟ. เคนเนดี อาจโกงการเลือกตั้งในอิลลินอยส์และเทกซัสจนได้รับชัยชนะ แต่ ริชาร์ด นิกสัน คู่แข่งรู้ดีว่ายากจะชนะรัฐดังกล่าว จึงไม่มีการนับคะแนนใหม่
– ปี 1948 ผลคะแนนของ ลินดอน จอห์นสัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งวุฒิสภา รัฐเทกซัส ชนะการเลือกตั้งขั้นต้นไปเพียง 87 คะแนน หลังมีการเพิ่มคะแนนเสียงอย่างปริศนาไป 200 คะแนน
ทว่า โฟเลย์ ระบุว่า การโกงการเลือกตั้งระดับประเทศเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากสหรัฐปกครองในรูปแบบกระจายอำนาจ และการจัดการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐ ดังนั้นยิ่งการเลือกตั้งระดับชาติมากเท่าไร ผู้มีอำนาจก็ยากที่จะควบคุมผลการเลือกตั้งที่มาจากแต่ละท้องถิ่นยากมากขึ้นเท่านั้น
ในการเลือกตั้งระดับประธานาธิบดียังไม่มีการโกงเกิดขึ้น แต่เคยมีปัญหาบางประการเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น ในปี 2000 อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และอัล กอร์ คู่แข่งมีคะแนนสูสีกันมาก โดยรัฐฟลอริดากลายเป็นรัฐที่จะชี้ชะตาผู้ชนะ ทว่าคะแนนหลังนับมีความใกล้เคียงมากจนฟลอริดาตัดสินใจนับใหม่ แต่ศาลสูงสุดสหรัฐสั่งระงับการนับใหม่ดังกล่าวทันที
นอกจากนี้ กอร์ยังมีคะแนน เสียงประชาชนมากกว่าบุช ซึ่งมีคะแนนเสียงคณะเลือกตั้งมากกว่า อย่างไรก็ตามบุชได้ตำแหน่งประธานาธิบดีไป