ปรับองค์กรรับพ.ร.บ.ใหม่ “ฐากร” ขอนั่งเก้าอี้เลขากสทช.ครบวาระ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 27 ต.ค. 2559 06:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/765516

 

“ฐากร” เปลี่ยนใจขอทำหน้าที่เลขาธิการ กสทช.จนครบวาระ 5 ปี ถึง 4 ม.ค.60 เดิมจะลาออกก่อน เหตุต้องปรับโครงสร้างองค์กรให้รองรับ พ.ร.บ.กสทช.ฉบับแก้ไขใหม่ พร้อมฝากงานเลขาฯคนต่อไปสานต่อประมูลคลื่นความถี่อีก 7 ใบอนุญาต คาดสร้างมูลค่าขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหาศาล

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เหลือเวลาทำงานในตำแหน่งเลขาธิการ กสทช.อีกเพียง 2 เดือนเศษ เนื่องจากจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ซึ่งตนได้เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 ม.ค.2555-4 ม.ค.2560 โดยภารกิจที่จะขอฝากให้เลขาธิการ กสทช.คนใหม่ รวมถึงฝากให้คณะกรรมการ กสทช.ชุดใหม่ด้วย เพราะชุดเก่าจะครบวาระ 6 ปี ในวันที่ 7 ต.ค.2560 ด้วยการนำทรัพยากรคลื่นความถี่ที่มีอยู่มาใช้ให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชน

ทั้งนี้ คลื่นความถี่ที่รอการนำมาใช้ประโยชน์ ได้แก่ คลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 45 เมกะเฮิรตซ์ คลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 10 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งสัญญาสัมปทานมือถือระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับดีแทค จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย.2561 ซึ่งคลื่นความถี่ต้องคืนมาให้ กสทช.นำไปเปิดประมูลต่อไป รวมถึงคลื่นความถี่ย่าน 700 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 45 เมกะเฮิรตซ์ สัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี 2563 นี้ และยังไม่นับรวมกับคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ ที่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีความประสงค์จะคืนให้ กสทช.หากมีการแก้ไข พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ด้วยการจ่ายเงินชดเชยให้กับหน่วยงานรัฐที่คืนคลื่นให้ กสทช.ก่อนครบกำหนด

ทั้งนี้จากจำนวนคลื่นดังกล่าวได้คำนวณเบื้องต้นว่าจะแบ่งการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมได้ราว 7 ใบอนุญาต ซึ่งแต่ละใบอนุญาตจะมีคลื่นความถี่ครอบครองจำนวน 10- 15 เมกะเฮิรตซ์ หากเดินหน้าตามแผน เชื่อว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาท จะช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายฐากรกล่าวต่อว่า สำหรับวิธีการประมูลคลื่นความถี่นับจากนี้ไป ไม่จำเป็นต้องเลือกวิธีการเคาะราคาประมูลเหมือนที่ผ่านมา แต่อาจเป็นลักษณะบิวตี้คอนเทนต์ หรือผู้ประกอบการแข่งขันกันด้วยการเสนอผลประโยชน์มากที่สุด โดยตั้งราคากลางของคลื่นความถี่ที่จะจัดสรร และให้ผู้ประกอบการที่สนใจยื่นเสนอเปรียบเทียบได้ อาทิ ความครอบคลุมของพื้นที่ให้บริการ ราคาค่าบริการ การให้บริการ บริการเสริม และสิทธิประโยชน์อื่นๆ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญมากในเวลานี้ ทั้งกรรมการ กสทช. และสำนักงาน กสทช.จะต้องตระหนักมาก คือ เทคโนโลยีทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการหลอมรวม หรือคอนเวอร์เจนซ์ ระหว่างบริการโทรคมนาคมกับบริการวิทยุและโทรทัศน์ ดังนั้นจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้านในการกำกับดูแลให้ดีมีประสิทธิ-ภาพ ซึ่งการกำกับดูแลนั้น จะต้องไม่ทำให้ธุรกิจสะดุด เพราะธุรกิจก็ต้องเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งขณะนี้ กสทช.อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดรับเทคโนโลยี และการแก้ไข พ.ร.บ.กสทช.ที่ให้เหลือ กสทช.เพียง 7 คน จากเดิม 11 คน โดยให้รวบอำนาจในการบริหารเป็นบอร์ดชุดเดียวคือ กสทช. จากเดิม 2 ชุดคือ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.)

“ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าผมจะอยู่ในตำแหน่งไปจนครบวาระ 5 ปี จากก่อนหน้านี้เคยประกาศว่าจะลาออกก่อนครบวาระ เนื่องจากต้องการปรับโครงสร้างองค์กร กสทช. ให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และการแก้ไข พ.ร.บ.กสทช. การปรับอัตราเงินเดือนให้กับพนักงานระดับล่าง ซึ่งคาดว่าจะเสร็จอย่างสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนผมจะไปรับตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ และตอบไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง เมื่อครบวาระจะต้องไปก็ต้องไป ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน”

เลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานเกือบ 5 ปีนั้น ได้มุ่งมั่นและทุ่มเทการทำงานอย่างหนักให้กับ กสทช. เพื่อให้องค์กร กสทช.ได้รับความเชื่อถือ มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการงาน และสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ ดังนั้นจะเห็นผลงานในช่วงที่ผ่านมา และถือเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจของ กสทช. ได้แก่ การเปิดประมูลมือถือหลายคลื่นจนทำให้คนไทยได้ใช้บริการ 3 จี และ 4 จีกันอย่างทั่วถึง ค่าบริการถูกลงอย่างเห็นได้ชัด การประมูลทีวีดิจิทัล อันมีผลทำให้ กสทช.นำเงินส่งกระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้แผ่นดินมากกว่า 325,217 ล้านบาท.

Leave a comment