กลุ่มจำปีเหล็ก จับมือ “กศน. อมก๋อย” สนับสนุนการศึกษาเด็กดอย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05090010659&srcday=2016-06-01&search=no

วันที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 624

กศน. ทั่วไทย

ธงชัย พุ่มพวง

กลุ่มจำปีเหล็ก จับมือ “กศน. อมก๋อย” สนับสนุนการศึกษาเด็กดอย

กลุ่มทีมช่าง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่นิยมชมชอบการเดินทางท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติทั่วประเทศไทย มักอาศัยช่วงเวลาที่ว่างจากภารกิจงานประจำ นัดหมายกันเดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ ปี 2549 พวกเขาเกิดแนวคิดว่า ควรทำกิจกรรมให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนสังคมที่เดินทางไปพักค้างแรมทุกแห่ง โดยใช้ชื่อทีมว่า “กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย” ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนายช่างการบินไทย และผู้มีจิตอาสาเพื่อสาธารณประโยชน์ ภายใต้การนำของ คุณมานิตย์ อ่อนมี ประธานกลุ่ม

“กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย” มีจิตอาสาทำงานเพื่อสังคม ภายใต้คำขวัญว่า “ต่อเติมฝัน แบ่งปันโอกาส เพื่อเด็กน้อยบนดอยสูง” การลงพื้นที่ทำงานแต่ละครั้ง พวกเขาทำงานด้วยใจ ไม่มีหัวหน้า ไม่มีลูกน้อง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และเรียบง่ายต่อการเดินทาง การกิน การนอน สมาชิกต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ใครมีความรู้ความสามารถด้านไหนก็ช่วยกันทำงานด้านนั้นตามถนัด

รูปแบบของสิ่งปลูกสร้างที่กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย ในแต่ละชุมชน คือการก่อสร้างอาคารเรียนไม้อย่างเต็มรูปแบบ ขนาด 7×19 เมตร ตามแบบของโรงเรียนในโครงการแม่ฟ้าหลวง ในถิ่นทุรกันดารที่เหมาะสม อยู่ในพื้นที่ของ กศน. ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการไม่น้อยกว่า 3 ปี ต้องมีเด็กนักเรียนไม่ต่ำกว่า 30 คน มีครูสอนประจำอย่างน้อย 1 คน ในชุมชนมีประชากรไม่น้อยกว่า 30 หลังคาเรือน ผู้นำชุมชนและประชาชนมีส่วนร่วมและให้ความร่วมมือในการก่อสร้าง โดยไม่มีค่าแรงงานก่อสร้าง เส้นทางคมนาคมไม่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

การดำเนินกิจกรรมทั้งหมดของกลุ่มจำปีเหล็ก มาจากเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาทั้งสิ้น หลังจากก่อสร้างอาคารเรียนเสร็จเรียบร้อย ทางกลุ่มมักจัดทำพิธีมอบอาคารเรียนอย่างเป็นทางการ ระหว่าง วันที่ 5-10 ธันวาคม ของทุกปี และขนวัสดุอุปกรณ์ ของเด็กเล่น ไปจัดกิจกรรมวันเด็ก

“กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย” ก่อสร้างอาคารเรียนครั้งแรก ในปี 2549 ที่โรงเรียนบ้านห้วยมะน้ำ โรงเรียนบ้านแม่แฮด ตำบลแม่สวด อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในปี 2550 ก่อสร้างอาคารเรียนที่โรงเรียนไตรธาร ตำบลแม่ขนิง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ปี 2551 ก่อสร้างอาคารเรียนที่โรงเรียนบ้านโข๊ะทะ ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก

ในปี 2552 พวกเขาเข้าสำรวจในพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อก่อสร้างอาคารเรียนดังความตั้งใจจิตอาสาเพื่อเด็กน้อยบนดอยสูง โดยเน้นพื้นที่ ศูนย์การศึกษาเพื่อชุมชนในเขตภูเขา (ศศช.) ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ที่จัดส่งครูอาสา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ครูดอย 1-2 คน เข้าไปพักอาศัยอยู่กับประชาชนในชุมชน และมีการสร้างอาคารขนาดเล็ก เรียกว่า อาศรม ด้วยวัสดุท้องถิ่นเพื่อให้บริการการศึกษาและพัฒนาชุมชนแก่ผู้ใหญ่ในเวลากลางคืน และสอนเด็กตั้งแต่อนุบาลถึง ป.6 ในตอนกลางวัน โดยมุ่งให้สามารถช่วยเหลือตนเองและเป็นพลเมืองดีของชาติ ต่อมาในปี 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามใหม่ว่า ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” แล้วตามด้วยชื่อของหมู่บ้านที่ตั้งศูนย์เรียนรู้

ต่อมา “กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย” ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่ ศศช. บ้านโอโลคีบน ที่อยู่ในเขตความรับผิดชอบของ อำเภออมก๋อย (กศน. อมก๋อย) พบว่า ศูนย์แห่งนี้อยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลจากความเจริญ การเดินทางจากอำเภออมก๋อยไปถึงบ้านโอโลคีบน ต้องใช้รถจักรยานยนต์เพียงอย่างเดียว อีกทั้งต้องมีโซ่พันล้อ สูบลม อุปกรณ์ซ่อมทุกชนิดติดตัวไปด้วย การเดินทางต้องใช้เส้นทางอ้อมไปเข้าทางอุทยานแห่งชาติแม่เงา อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ปี 2553 ทีมงานมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทีมงานลุ่มน้ำสาละวิน เช่น นายธงชัย พุ่มพวง นายเดชธพล กล่อมจอหอ ทีมงานจิตอาสาโครงการขยายผลโครงการหลวง ฯลฯ ทีมงานได้ศึกษาข้อมูลจาก กศน. อมก๋อย พบว่า บ้านห้วยยาว เป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลมาก การเดินทางลำบาก ไม่มีทางรถยนต์เข้าไปถึงหมู่บ้านได้ จึงตัดสินใจก่อสร้างอาคารเรียนที่ ศศช. บ้านห้วยยาว ตำบลสบโขง โดยขอความร่วมมือให้ชาวบ้านมาช่วยตัดต้นไม้ขนาดเล็กตามทางเท้าที่ชาวบ้านใช้เดินทางให้กว้างขึ้น โดยใช้จอบขุดตามไหล่เขา เพื่อให้รถจักรยานยนต์เข้าถึง ต่อมาจึงขยายเส้นทางให้กว้างพอสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อขนวัสดุอุปกรณ์สำหรับก่อสร้างอาคารเรียน พร้อมส่งมอบอาคารเรียนในเดือนธันวาคม 2553

ผลงานจิตอาสาของกลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย ตั้งแต่ ปี 2549-2553 เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ทำให้กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย ได้รับพระราชทานโล่กลุ่มที่มีผลงานดีเด่น จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2554

ปี 2554 กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย เดินหน้าออกสำรวจพื้นที่เป้าหมายใหม่ ในถิ่นทุรกันดาร คือบ้านซอแอะ ตำบลแม่ตื่น สร้างอาคารเรียน โรงอาหาร ห้องน้ำ ที่ ศศช. บ้านซอแอะ และสร้างเสาธงชาติแจกจ่ายแก่ ศศช. ที่อยู่ใกล้เคียง ในปีนี้เอง บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้แทนคือ นายณัฐวุฒิ ตราชู ฝ่ายมวลชนสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย ด้วยการบริจาคปูนซีเมนต์ จำนวน 200 ถุง เพื่อนำไปสร้างลานกีฬาให้กับ ศศช. บ้านซอแอะ ด้วย

ก้าวสู่ปีที่ 7 กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย สร้างอาคารเรียนแห่งใหม่ ที่ ศศช. สงินใต้ ตำบลนาเกียน อยู่ห่างจากอำเภออมก๋อย ประมาณ 50 กิโลเมตร และส่งมอบในเดือนธันวาคม 2555 ปีถัดมา กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอยได้ออกสำรวจพื้นที่ที่บ้านห้วยน้ำผึ้ง หมู่ที่ 12 ตำบลสบโขง อยู่ห่างจากตัวอำเภออมก๋อย 54 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง ติดชายแดนเขตอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สมาชิกกลุ่มตัดสินใจสร้างอาคารเรียน ที่ ศศช. บ้านห้วยน้ำผึ้ง ช่วงกลางปีเดียวกัน คุณณัฐวุฒิ ผู้จัดการฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด ได้ประสานงานกับ คุณบุษบา วิชัยสุทธิกุล คุณธีรยุทธ วีระกิตติสิน ฝ่ายธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ เพื่อขอรับบริจาคคอมพิวเตอร์ จำนวน 100 ชุด

กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย จึงเริ่มมีกิจกรรมเพื่อเด็กน้อยบนดอยสูงอีกกิจกรรมหนึ่ง คือนำคอมพิวเตอร์ที่พร้อมใช้งานไปบริจาคให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร โดยอาศัยกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ลุ่มน้ำสาละวิน และที่ทำการ กศน. อมก๋อย จุดละ 20-50 ชุด เพื่อใช้ฝึกการเรียนรู้ด้านคอมพิวเตอร์แก่นักเรียนและประชาชนทั่วไป

บ้านมอคี หมู่ที่ 11 ตำบลสบโขง อำเภออมก๋อย ประชาชนเป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงสกอร์ ก่อตั้งเป็นหมู่บ้านมานานมากกว่า 100 ปี มีประชากร 40 ครอบครัว จำนวน 175 คน ปี 2536 มีการก่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราวหลังคามุงด้วยสังกะสี ต่อมาปี 2544 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับมูลนิธิคาร์ฟูร์ ประเทศไทย พระราชทานงบประมาณก่อสร้างอาคารหลังใหม่ 1 หลัง ในพื้นที่แห่งนี้

ปี 2557 กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย เข้าไปสำรวจ ศศช. บ้านมอคี พบว่า อาคารเรียนได้ทรุดโทรมลงไปมาก จึงตัดสินใจก่อสร้างอาคารเรียนแห่งใหม่ในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่สุดท้ายของตำบลสบโขง ทางกลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย จึงตั้งชื่อพื้นที่แห่งนี้ว่า หมู่บ้านสุดปลายฟ้า ในปีนี้เองบรรดาจิตอาสาที่เห็นผลงานของกลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอยมาอย่างต่อเนื่องก็สนใจสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก เช่น นายธวัชชัย โครตพจน์ ช่างภาพมืออาชีพระดับประเทศ ฯลฯ ทางกลุ่มได้จัดทำเสื้อยืดที่เขียนด้วยลายมือของ วสันต์-อัสนี โชติกุล นักร้องชื่อดัง ออกจำหน่าย พร้อมรับบริจาคเงินจากภาคเอกชนเพื่อช่วยเป็นค่าการก่อสร้างต่างๆ และขอบริจาครถจักรยานให้แก่เด็กนักเรียนที่บ้านอยู่ไกลจาก ศศช. จำนวน 100 คัน

ศศช. ราชา ตำบลสบโขง ก่อตั้งเมื่อ ปี 2532 โดยก่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราว หลังคามุงด้วยสังกะสี มีอาคารสิ่งปลูกสร้างที่มีภาคเอกชนได้สร้างไว้แต่ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งานของเด็กนักเรียน บางอาคารทรุดโทรม จึงวางแผนก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ในพื้นที่แห่งนี้ เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี ของกลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย การเดินทางไปยัง ศศช. ราชาในช่วงฤดูฝนจะยากลำบากสักเพียงใด แต่ทีมงานก็มิได้ย่อท้อต่ออุปสรรค พวกเขาขนปูนซีเมนต์ที่ได้รับบริจาคจาก บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) จำนวน 200 ถุง ขึ้นไปก่อสร้างลานกีฬา อาคารเรียน จนเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบได้ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2558 โดยมีผู้อำนวยการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้รับมอบ

ในปีนี้ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่ ได้จัดให้มีงาน 36 ปี โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นทุรกันดาร ในโครงการพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีเป้าหมายให้เด็กและเยาวชนมีโภชนาการดี สุขภาพแข็งแรง ใฝ่เรียนรู้ ซื่อสัตย์ ประหยัดและอดทน มีความรู้และทักษะทางวิชาการและการอาชีพเพื่อเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิต รักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ ภาคภูมิใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นและความเป็นไทย และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติ

ที่ผ่านมา กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย มีบทบาทช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มจำปีเหล็กเพื่อเด็กดอย ได้รับพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ในปีนี้ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่ ได้จัดให้มีงาน 36 ปี โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นทุรกันดาร ในโครงการพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีเป้าหมายให้เด็กและเยาวชนมีโภชนาการดี สุขภาพแข็งแรง ใฝ่เรียนรู้ ซื่อสัตย์ ประหยัดและอดทน มีความรู้และทักษะทางวิชาการและการอาชีพเพื่อเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิต รักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ ภาคภูมิใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นและความเป็นไทย และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติ

Leave a comment