ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05026010659&srcday=2016-06-01&search=no
| วันที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 624 |
พฤกษากับเสียงเพลง
มานพ อำรุง
พฤกษาสาระ ที่มาของต้นสาละ-รัง กับพุทธประวัติ
“เอาธูปเทียนบุปผาสุมาลัย
ชวนกันไหว้พระแท่นแผ่นศิลา
ในระหว่างนางรังทั้งคู่ค้อม
คำนับน้อมกิ่งก้านก็สาขา
แต่ไม้รังยังรักพระศาสดา
อนิจจาเราเกิดไม่ทันองค์”
ตอนหนึ่ง จาก นิราศพระแท่นดงรัง โดย นายมี เขียนถึงพระแท่นดงรัง ซึ่งแต่ก่อนเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ตามความเข้าใจแบบไทยๆ เรา ก็เชื่อว่าพระพุทธเจ้าประสูติ และปรินิพพานใต้ต้นรัง
สาละ robusta Shorea
ต้นรังในอินเดีย พุทธเจ้า
ชาวพุทธอย่าลืมเสีย ยกย่อง
กราบต้นปืนใหญ่เศร้า เน่าแท้พุทธไทย
โดย ศ.ดร. ธวัชชัย สันติสุข ราชบัณฑิต สาขาพฤกษศาสตร์ ได้กล่าวถึงต้นสาละลังกา หรือต้นลูกปืนใหญ่ ซึ่งมีพระสงฆ์ไทยบางรูปไปจาริกแสวงบุญ ณ ประเทศศรีลังกา แล้วนำพรรณไม้นี้มาปลูกในประเทศไทย เรียกกันว่าสาละลังกา แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติแต่อย่างใด
ต้นไม้ในพระพุทธศาสนา มีหลายพรรณพฤกษ์ที่เกี่ยวข้องเป็นพุทธประวัติ ตั้งแต่ ประสูติ ตรัสรู้ และ ปรินิพพาน รวมทั้งตลอดเวลาที่พระพุทธองค์ทรงประกาศพระพุทธศาสนา ก็ส่วนใหญ่อยู่ท่ามกลางป่าภายใต้ต้นไม้ ในประเทศไทย ทางราชการเห็นความสำคัญ จึงประกาศให้ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือวันเพ็ญกลางเดือน 6 เป็นวันต้นไม้ประจำปีแห่งชาติ และเชิญชวนให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ากระทำการบูชาพระพุทธเจ้า ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ด้วยการปลูกต้นไม้เป็นพุทธบูชา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกๆ คน และเพื่อเป็นการปลูกป่าทดแทน และในวันนี้โดยพุทธศาสนิกชน ก็ปฏิบัติบูชาเนื่องในวัน “วิสาขบูชา”
ตามพระประวัติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์ประสูติภายใต้ต้นสาละใหญ่ ในอุทยานลุมพินี แล้วกลับมาประทับในพระราชวัง ดำรงตำแหน่งเป็นถึงองค์รัชทายาท คือผู้สืบทอดศากยวงศ์ ของกรุงกบิลพัสดุ์ต่อจากพระพุทธบิดา ต่อมาได้เสด็จออกผนวช และประทับพักแรมตามป่าเขาลำเนาไพรต่างๆ ทรงดำรงพระชนม์ชีพ โดยทรงอาศัยป่าเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรทั้งทางกาย และทางจิต อยู่เป็นเวลาถึง 6 ปี ในท่ามกลางป่า จึงได้ตรัสรู้พระโพธิญาณเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า และตลอดระยะเวลากว่า 45 พรรษา ก็ทรงอธิษฐานการอยู่จำพรรษา ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ และในที่สุดพระชนม์ชีพพระองค์ก็เสด็จภายในสาลวโนทยาน ภายใต้ร่มต้นสาละคู่ และเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
ความเข้าใจเรื่องต้นสาละและต้นรังของศาสนิกชนทั่วไป ยังมีความสับสนอยู่ บ้างก็ว่าเป็นต้นเดียวกันที่เรียกต่างกัน บ้างก็ว่าเป็นต้นไม้คนละชนิด สำหรับในด้านวิชาการ และจากเรื่องราวที่มีความเชื่อตามชาดก หรือศัพท์เรียกชื่อต้นไม้ต่างๆ ในภาษาบาลี และสันสกฤตก็มีการเทียบชื่อต้นไม้กับภาษาไทยจากท่านผู้ทรงความรู้ ที่ได้เขียนถึงต้นสาละและต้นรังไว้อย่างน่าสนใจ และทำให้เกิดความเข้าใจถึงที่มาของต้นไม้นี้ในพุทธประวัติ ซึ่งจะได้นำเสนอข้อเขียนดังกล่าวจากสองท่าน คือ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ธวัชชัย สันติสุข ราชบัณฑิต สาขาพฤกษศาสตร์ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ท่านได้รับเกียรติตั้งชื่อพรรณไม้หลายชนิด เช่น แคสันติสุข และมีผลงานเขียนเกี่ยวกับต้นไม้ เช่น ป่าของประเทศไทย และป่าสาละ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ 24 ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2542
อีกท่านคือ สมบัติ พลายน้อย หรือรู้จักในงานเขียน นาม ส.พลายน้อย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2553 และได้รับรางวัล “นราธิป” จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย รวมทั้งได้รับการประกาศยกย่องเป็นปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย พุทธศักราช 2552 รวมทั้งงานเขียน “พฤกษนิยาย”
จึงขออนุญาตนำเสนอเรื่องราวของต้นสาละ-รัง ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสองท่านได้อรรถาธิบายไว้ เป็นที่มาของต้นไม้ในพุทธประวัติ เป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ธวัชชัย สันติสุข ได้เขียนไว้ในข่าว สอ.มก. ฉบับที่ 5 เดือนมิถุนายน 2556 เรื่อง สาละพระพุทธเจ้า (Shorea robusta) กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง สาละ กับ รัง ไว้ว่า สาละพระพุทธเจ้า (S. robusta) ในภูมิภาคเอเชียใต้ (อินเดีย และเนปาล) มีลักษณะรูปพรรณโดยทั่วไปคล้ายคลึงกับรัง (S. Siamensis) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประเทศไทย) ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของลำต้นที่มีทั้งลำต้นสูงเปลาตรง หรือลำต้นที่คดงอ แคระแกร็น เปลือกหนา สีเทาปนน้ำตาล แตกเป็นร่องลึก ใบรูปไข่กว้าง โคนใบหยักเว้ารูปหัวใจ ผลมีปีกยาว 3 ปีก สั้น 2 ปีก ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบที่ชอบแสงสว่าง โตช้า ทนไฟป่า และชอบขึ้นเป็นกลุ่มในป่าผลัดใบ ที่มีลักษณะโครงสร้างคล้ายคลึงกัน สาละ และ รัง จึงเป็นพรรณไม้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในสกุล Shorea
การนำต้นสาละเข้ามาปลูกในประเทศไทย ยังอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับเป็นไม้โตช้า และระบบรากต้องอาศัยเชื้อมายคอร์ไรซาในดิน เท่าที่มีการบันทึกการปลูกต้นสาละในประเทศไทย ก็มี หลวงบุเรศ บำรุงการ นำมาถวายสมเด็จพระมหาวีรวงษ์ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยปลูกไว้ที่หน้าอุโบสถ 2 ต้น กับได้น้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ วันที่ 2 ธันวาคม 2510 อีก 2 ต้น ในจำนวนนี้ทรงปลูกไว้ในบริเวณพระตำหนักเรือนต้น สวนจิตรลดา 1 ต้น และพระราชทานให้วิทยาลัยเผยแพร่พระพุทธศาสนาบางละมุง อีก 1 ต้น อาจารย์เคี้ยน เอียดแก้ว และ อาจารย์เฉลิม มหิทธิกุล ก็ได้นำต้นสาละมาปลูกไว้ในบริเวณคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และบริเวณค่ายฝึกนิสิตวนศาสตร์ สวนสักแม่หวด อำเภองาว จังหวัดลำปาง พระพุทธทาสภิกขุ ก็ได้ปลูกไว้ที่สวนโมกข์ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสวัสดิ์ นิชรัตน์ ผู้อำนวยการกองบำรุง กรมป่าไม้ได้นำมาปลูกไว้ในสวนพฤกษศาสตร์ พุแค จังหวัดสระบุรี และมีผู้นำมาปลูกในบริเวณวัดบวรนิเวศอีกหลายครั้ง สาละที่นำมาปลูกดังกล่าว บางต้นยังคงอยู่ แต่มีการเจริญเติบโตช้ามาก
สาละ กับพุทธประวัติ เป็นเรื่องราวของต้นไม้ที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ประสูติ จนถึงปรินิพพาน โดยที่พระนางสิริมหามายา พระราชมารดาของพระพุทธเจ้า เมื่อใกล้จะถึงกำหนดพระสูติกาล ก็เสด็จจากกรุงกบิลพัสดุ์ไปยังกรุงเทวทหะ อันเป็นเมืองต้นตระกูลของพระนาง (ตามธรรมเนียมพราหมณ์ ที่ฝ่ายหญิงจะต้องกลับไปคลอดที่บ้านบิดา มารดา) เมื่อขบวนผ่านมาถึงอุทยานลุมพินี อันตั้งอยู่ระหว่างนครทั้งสอง (ปัจจุบัน อยู่ในเขตประเทศเนปาล ใกล้ชายแดนภาคเหนือของประเทศอินเดีย พระนางทรงปวดพระครรภ์ บรรดาข้าราชบริพารก็รีบจัดที่ประสูติถวายใต้ต้นสาละใหญ่ เวลานั้นแดดอ่อน ดวงตะวันยังขึ้นไม่ตรงศีรษะ เป็นวันเพ็ญเดือน 6 (วันวิสาขปุรณมี) พระจันทร์จักโคจรเต็มดวงในยามเที่ยงคืน ชมพูทวีปเริ่มมีฝน อากาศโปร่ง ต้นไม้ในอุทยานป่าสาละ กำลังผลิดอกออกใบอ่อน ดอกสาละ ดอกจำปาป่า ดอกอโศก และดอกไม้นานาพรรณกำลังเบ่งบาน ส่งกลิ่นเป็นที่จำเริญใจ พระนางสิริมหามายาประทับยืน พระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งไม้รัง พระหัตถ์ซ้ายปล่อยตกประสูติพระโอรส (สิทธัตถกุมาร) ได้โดยสะดวก
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ขณะที่มีพระชนมายุได้ 35 พรรษา ได้ทรงบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญ เดือน 6 ใต้ต้นมหาโพธิ์ ภายในป่าสาละ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ตำบลพุทธคยา แขวงเมืองอุรุเวลาเสนานิคม ของรัฐพิหาร เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้สัจธรรมแล้ว จึงเสด็จมาแสดงธรรมเทศนากัณฑ์แรก คือ ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ ตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 (วันอาสาฬหปุรณมี) บริเวณป่าสาละ อันร่มรื่น ณ อุทยานมฤคทายวัน หรือ อิสิปตนมฤคทายวัน เขตสารนาถ ทางทิศเหนือของกรุงพาราณสี
ในช่วงสุดท้ายที่ต้นสาละเกี่ยวข้องกับพุทธประวัตินั้น เมื่อพระพุทธองค์มีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ได้เสด็จถึงสาลวโณทยานของมัลละกษัตริย์ (ตอนเหนือของตำบลกาเซีย จังหวัดโครักขปุระ) เป็นเวลาใกล้ค่ำของวันเพ็ญเดือน 6 (วันวิสาขปุรณมี) รับสั่งให้พระอานนท์ปูลาดที่บรรทมระหว่างต้นสาละใหญ่ 2 ต้น ทรงเอนพระวรกายลง โดยหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ ประทับไสยาสน์แบบสีหไสยา เป็นอนุฏฐานไสยา คือการนอนครั้งสุดท้าย จนกระทั่งสังขารดับ
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ธวัชชัย สันติสุข ได้สรุปเรื่องราวของต้นสาละที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติไว้ว่า เดิมที ความเข้าใจเกี่ยวกับต้นสาละของชาวพุทธในประเทศไทย ยังค่อนข้างสับสน โดยเข้าใจว่า ต้นสาละ (Shorea robusta) เป็นชนิดเดียวกับ ต้นรัง (S. siamensis) เพราะรูปร่าง ขนาดของใบ และผล คล้ายคลึงกันมาก ประกอบกับต่างก็ชอบขึ้นเป็นกลุ่มด้วยเช่นกัน จากการสำรวจ ค้นคว้าพรรณไม้ทั้งสองชนิด ทำให้สามารถจำแนกชนิดของต้นสาละออกจากต้นรังได้อย่างชัดเจน โดยอาศัยลักษณะภายนอกที่เด่นชัด เช่น จำนวนเกสรเพศผู้ จำนวนเส้นแขนงใบ และเส้นปีกของผล ความแตกต่างของสีใบในช่วงผลัดใบ ประเภทของป่าสาละ และป่าเต็งรัง มีองค์ประกอบพรรณไม้เด่นที่แตกต่างกัน ตลอดจนเขตการกระจายพันธุ์ของสาละในเขตภูมิภาคเอเชียใต้ ที่แยกชัดเจนจากเขตการกระจายพันธุ์ของรังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น สาละ (S. robusta) จึงเป็นต้นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติโดยแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ยังมีความสับสนจากการเรียกชื่อต้นสาละอีกประเภทหนึ่ง คือ “สาละลังกา” หรือ “ลูกปืนใหญ่” (Couroupita surinamensis Mart. Ex Berg วงศ์ Lecythidaceae) เป็นพรรณไม้อีกชนิดหนึ่งที่บรรดาพุทธศาสนิกชนในประเทศไทยสับสน เข้าใจว่าเป็นต้นสาละในพุทธประวัติ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ธวัชชัย สันติสุข ได้อธิบายว่า สาละลังกาเป็นพันธุ์ไม้พื้นเมือง ไม่ผลัดใบ ของประเทศเขตร้อน ทวีปอเมริกาใต้ เมื่อชาวโปรตุเกสยึดครองประเทศศรีลังกาอยู่นั้น ได้ทำลายวัดวาอาราม พุทธศาสนา และนำต้นลูกปืนใหญ่ (cannon ball tree) จากอเมริกาใต้มาปลูกในสถานที่ต่างๆ ของศรีลังกาทั่วไป รวมทั้งบริเวณวัดพุทธที่ถูกทำลาย ชาวศรีลังกาเรียกต้นไม้นี้เป็นภาษาท้องถิ่นว่า “สาละ (sal)” เช่นกัน เมื่อพระสงฆ์ไทยบางรูปไปจาริกแสวงบุญ ณ ประเทศศรีลังกา นำพรรณไม้ชนิดนี้มาปลูกในประเทศไทย จึงเรียกว่า สาละลังกา แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติแต่อย่างใด ตามโคลงสี่สุภาพที่ขึ้นต้นไว้ และในบาทสุดท้าย ที่กล่าวว่า…กราบต้นปืนใหญ่เศร้า เน่าแท้พุทธไทย
สำหรับเรื่องของ ต้นรัง-สาละ ในทรรศนะของ อาจารย์สมบัติ พลายน้อย หรือ ส.พลายน้อย ซึ่งได้เขียนไว้ใน “พฤกษนิยาย” ตีพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2513 และถึงครั้งที่ 4 พ.ศ. 2543 นั้น ท่านได้กล่าวถึงเรื่องเล่ากันในหมู่นักแปลชาดก และได้หยิบยกเรื่องที่ถกเถียงกันเกี่ยวกับต้นรัง และสาละ ที่มีกล่าวถึงในหนังสือที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาของไทย ตั้งแต่ข้อความที่ปรากฏในปฐมสมโพธิกถา จนถึงคำพรรณนาเกี่ยวข้องกับต้นรังที่พระพุทธองค์ได้เสด็จมาประทับเมื่อปรินิพพาน ซึ่งจะขอนำเสนอรายละเอียดในฉบับต่อไป
เพลง วิสาขบูชา
คำร้อง ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง สมาน กาญจนผลิน
ขับร้อง ชรินทร์ นันทนาคร
วิสาขบูชานี้เป็นวันสำคัญ ชาวพุทธทราบเป็นวันพระพุทธเจ้าประสูติสาล วันเริ่มตรัสรู้ และเสด็จสู่นิพพาน เกียรติแผ่ไพศาลช้านานตลอดเวลา
วิสาขบูชา น้อมวันทาพุทธองค์ โดยพร้อมจิตจำนง หนุนนำส่งศาสนา เดือนหกวันเพ็ญพ้อง แสงเดือนผ่องส่องนภา ดุจศาสดาใช้พระธรรม ประจำทุกกาล
เหล่าชาวพุทธ มิควรหยุดอยู่เฉย ช่วยกันเผยแผ่พระธรรมทั่วสถาน สร้างผลบุญเกื้อกูลแต่สุนทรทาน เป็นศรีพุทธกาล ผ่านยุคเข็ญ เป็นหลักชัย
วิสาขบูชา น้อมวันทา พุทธคุณ โดยพร้อมจิตเจือจุน พุทธศาสน์ตลอดสมัย ประกอบกิจกุศล ผลจะเพิ่มสุขเสริมใจ แผ่เมตตาไป พร้อมใจทำ ประจำนิรันดร์
มีบทเพลงมากมายที่ได้กล่าวถึง “วันวิสาขบูชา” และแต่ละเพลงก็มีเนื้อหาและท่วงทำนองแตกต่างออกไป ตามแต่หน่วยงาน องค์กร หรือแต่ละบุคคล ที่มีจิตน้อมนำเจริญธรรมในพระพุทธศาสนา อย่างไรก็ตาม เจริญสติของแต่ละบทเพลงก็มีทิศทางเดียวกันคือ ความศรัทธาบูชาในธรรมะแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แม้ว่า แต่ละบทเพลงมิได้กล่าวถึงต้นไม้ต้นสาละ หรือต้นรังโดยตรง แต่พุทธประวัติในพุทธองค์ที่เราได้ปฏิบัติบูชาเจริญรอยตามหลักธรรมแห่งพุทธศาสนานั้น เป็นเหมือนดั่งว่า เราเองก็ได้อานิสงส์แห่งร่มเงาจากต้นไม้ประจำพระพุทธองค์ไปด้วย ก็จะได้ประสบโอกาสแห่งการนำเสนอบทเพลงนั้นๆ เช่น เพลงวิสาขบูชา ทำนองและคำร้อง โดย ธำรง สมบูรณ์ศิลป์ ขับร้องโดย นักร้องวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ นำหมู่โดย โฉมฉาย อรุณฉาน
เพลงวันวิสาขบูชา เนื้อร้อง ทำนอง ขับร้องโดยบุคลากรใน บริษัท ชัวร์ออดิโอ จำกัด จัดทำสื่อเป็นพุทธบูชา โดย สถานีวิทยุพระพุทธศาสนา คณะสงฆ์ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
เพลงวิสาขบูชา โดย กุ๊กกิ๊ก ประกายฟ้า
เพลงวิสาขบูชา โดย มีโชค ชมภู 2557
เพลงวันวิสาขบูชา โดย มือพิณฮ้างๆ
และ เพลงวันวิสาขบูชา โดย กิรนันต์ จำเริญ วิศวะเคมี ปี 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2555
จะเห็นได้ว่า พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า ก็มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพุทธศาสนาโดยทั่วกัน