ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 พ.ย. 2559 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/774176

ชงแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปี 60 เข้า ครม.
“บิ๊กตู่” ตรวจการบ้านคมนาคม เร่งแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ยันรถไฟไทย-จีนเดินหน้าแน่นอน ห่วงใยสิ่งแวดล้อมสั่งการให้ปรับแนวถนนอ้อมต้นไม้ “อาคม” เผยเตรียมชงแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประเทศปี 2560 เข้า ครม.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ของกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ปี 2560-2579 ได้แบ่งแผนออกเป็นช่วงละ 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนดำเนินการของรัฐบาล และมีเป้าหมายต้องการผลักดันโครงการต่างๆให้เริ่มต้นในปี 2560 จะเน้นให้เกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบโลจิสติกส์ต่างๆ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการจราจรให้ทั่วถึงทั้งประเทศ ซึ่งการสร้างเศรษฐกิจจะต้องอาศัยโลจิสติกส์เป็นกลไกสำคัญ ทั้งการสร้างเมืองใหม่ เศรษฐกิจใหม่ และดึงดูดให้เกิดการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา ระยะทาง 252 กม.นั้น จะต้องเดินหน้าก่อสร้างแน่นอน เพราะขณะนี้ประเทศลาวและจีนก็เริ่มเดินหน้าโครงการเพื่อเชื่อมไปยังยุโรปตะวันออกและปากีสถานแล้ว หากประเทศไทยไม่ดำเนินการก็จะช้ากว่าประเทศเหล่านี้ ปัญหาตอนนี้ติดอยู่เรื่องเดียวที่เร่งไม่ได้ คือการศึกษารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เท่านั้น ส่วนแนวเส้นทางที่จะก่อสร้างก็มีความชัดเจน เรื่องค่าออกแบบก็หารือกันจบแล้ว ส่วนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) การพัฒนาระบบถนน ทางรถไฟและสนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือสัตหีบนั้น จะเริ่มดำเนินการในปีหน้า
“การผลักดันโครงการต่างๆ สิ่งที่เป็นห่วงคือเรื่องความไม่เข้าใจของคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ ซึ่งทุกโครงการรัฐบาลพร้อมจะเดินหน้า แต่ก็ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหา หากเราต้องการโครงการใหม่ๆ แต่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไร แล้วจะให้ทำอย่างไร ดังนั้น จึงต้องแบ่งโครงการออกเป็นช่วงๆ ที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามเข้าไปพูดคุยกับคนในพื้นที่และกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอ ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องของผู้บุกรุกนั้น ไม่อยากจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพราะไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง จะกลายเป็นติดกับดักกันเอง ทำให้โครงการเดินหน้าไม่ได้”
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในปี 2559 กระทรวงมีโครงการลงทุนเร่งด่วนตามแผนปฏิบัติการจำนวน 20 โครงการ ซึ่งขณะนี้สามารถเริ่มต้นโครงการไปแล้ว 16 โครงการ และจะเร่งสานต่อโครงการต่อในปี 2560 ทั้งทางบก น้ำ อากาศ และราง โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ต่อเนื่อง ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกำชับให้ดำเนินโครงการโดยยึดตามแผนแม่บทที่ได้จัดทำไว้ เช่น แผนแม่บททางหลวง แผนแม่บทรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นต้น เพื่อให้รัฐบาลต่อไปใช้เป็นหลักเกณฑ์ปฏิบัติในอนาคต
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้ให้คำแนะนำ เรื่องการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในระยะ 20 ปีข้างหน้า ซึ่งมีการแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ระยะละ 5 ปี จำนวน 5 ยุทธศาสตร์หลัก เช่น การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง, การพัฒนาบุคลากร, การพัฒนากฎหมาย , การนำเทคโนโลยีมาใช้นั้น นายกรัฐมนตรีต้องการให้ทุกอย่างเริ่มดำเนินการได้พร้อม กัน ไม่ต้องรอแบ่งเป็นระยะแรก ระยะหลัง เพื่อให้โครงข่ายคมนาคม บก น้ำ และอากาศ เชื่อมต่อกันให้ได้เร็วขึ้น
“ขณะนี้กระทรวงคมนาคมเตรียมที่จะนำเสนอแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานประเทศปี 2560 ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยมีการบรรจุการก่อสร้างรถไฟทางคู่จำนวน 9 เส้นทางไว้ด้วย ซึ่งขณะนี้ 50% ได้ผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปแล้ว นายกรัฐมนตรีกำชับว่าต้องการให้เห็นการดำเนินการเชื่อมต่อโครงข่ายการเดินทางของทุกระบบ และต้องบูรณาการงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่องของการศึกษาผล กระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมนั้นจะต้องทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงกระทรวงมหาดไทยที่ต้องประสานการทำงานเรื่องของการจัดผังเมือง เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้โดยไม่สะดุดปัญหา สามารถนำเสนอโครงการให้ ครม.พิจารณาอนุมัติได้ภายในครั้งเดียวพร้อมกันทั้งหมด”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำให้มีการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับโครงสร้างประชากร และวิถีชีวิตของประชากรในอนาคตอีกด้วย เช่น การตัดต้นไม้ มีข้อสั่งการ ว่า การออกแบบถนนจะต้องคำนึงถึงวิถีชีวิต สภาพสิ่งแวดล้อม และภูมิทัศน์ชุมชนด้วย ต้องออกแบบให้กลมกลืน ไม่ควรตัดต้นไม้ทิ้ง โดยอาจจะต้องปรับแนวถนนอ้อมไปทางอื่น.