ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 9 ธ.ค. 2559 17:42
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/806712

ทีดีอาร์ไอ มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 60 ขยายตัวได้ 3.2% รับอานิสงส์จากการส่งออก-การบริโภคในประเทศมีสัญญาณฟื้นตัว ห่วงปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ เงินไหลออก-บาทอ่อน หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย …
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยในงานสัมมนาร่วมระหว่างธนาคารโลก และทีดีอาร์ไอถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.2% เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่จะขยายตัวได้ 3% โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกในปี 2560 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 0-1% หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีทิศทางฟื้นตัวในทางที่ดีขึ้น จากปีนี้ที่มองว่าปีนี้การส่งออกจะติดลบเล็กน้อยหรือทรงตัวที่ 0%
ทั้งนี้ ในปี 2560 การบริโภคในประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว หลังจากที่ปีนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และสถานการณ์ความโศกเศร้าจากเหตุการณ์ในประเทศ ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐจากการเพิ่มงบประมาณกลางปี 1.9 แสนล้านบาท คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2560 ได้ ขณะที่การลงทุนของภาครัฐจะมีส่วนช่วยได้บ้าง เนื่องจากเงินลงทุนภาครัฐมีส่วนช่วยเศรษฐกิจเพียง 5-6%
ส่วนเรื่องการลงทุนภาครัฐนั้น ส่วนใหญ่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในการลงทุน ซึ่งสัญญาณเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นได้มากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศ และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าว่าจะมีความชัดเจนอย่างไร ซึ่งในขณะนี้มีเพียงสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียวที่ฟื้นตัว ขณะที่ยุโรป, จีน และญี่ปุ่น ยังอยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลงหรือคงที่ ซึ่งทำให้มองไม่ชัดว่าการส่งออกของไทยจะฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในช่วงเวลาใด
สำหรับมาตรการช็อปช่วยชาติ คาดว่าจะมีการนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า-บริการมาหักลดหย่อนภาษี 15,000 บาท และน่าจะเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า ประเมินว่าจะมีผลต่อ GDP ไม่ถึง 1% เท่านั้น เนื่องจากสัดส่วนผู้ที่เสียภาษีมีเพียง 4 ล้านคน จากประชาชนหมดของทั้งประเทศ เพียงแต่จะช่วยสร้างบรรยากาศการบริโภคภายในประเทศให้คึกคักมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปีหน้าเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดจะเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่ในเดือน ธ.ค.59 และไม่สามารถระบุได้ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกี่ครั้ง ส่งผลให้มีเงินทุนไหลออก และเงินบาทมีแนวโน้มปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้า เช่น ทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันในราคาที่สูงขึ้น
ขณะที่ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ หรือในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 แม้ว่าสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วก็ตาม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนจากสหภาพยุโรป ที่ยังมีหลายประเทศต้องการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป โดยในเดือนมี.ค.2560 จะเห็นผลชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันยังมีความไม่แน่นอนจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้าจากจีน จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ดังนั้นจะต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันทั้งเรื่องการเพิ่มมูลค่าสินค้า และการสร้างความสามารถในการแข่งขัน.