ข้าว เป็นพืชเพื่อความมั่นคงแห่งชาติของญี่ปุ่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05071010859&srcday=2016-08-01&search=no

วันที่ 01 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 628

ข้าว เป็นพืชเพื่อความมั่นคงแห่งชาติของญี่ปุ่น

หมอเกษตร ทองกวาว

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ผมอ่านนิตยสารฉบับหนึ่ง พูดถึงเรื่องการทำนาในญี่ปุ่น น่าสนใจมาก ทำให้ผมทราบว่า ญี่ปุ่นเขาผลิตข้าวได้ต่อไร่สูงที่สุดในโลก แต่รายละเอียดไม่ได้กล่าวถึง เป็นข้อมูลเพื่อเชิญชวนไปท่องเที่ยวเท่านั้น ผมจึงขอเรียนถามคุณหมอเกษตร ว่า เขามีเทคนิคอย่างไรจึงทำได้ถึงขนาดนั้นครับ

ขอแสดงความนับถือ

ประกิจ ทองแพง

เลขที่ 37/8 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ตอบ คุณประกิจ ทองแพง

ในอดีต คนญี่ปุ่นทางตอนเหนือของประเทศ เคยอดข้าวตายมาแล้ว เนื่องจากอากาศหนาวจัดทำนาไม่ได้ผล ต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ญี่ปุ่นภายใต้การสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ลงมือปฏิรูปด้านการเกษตรเป็นการใหญ่ โดยเฉพาะการผลิตข้าวเพื่อให้เพียงพอบริโภคภายในประเทศ ด้วยให้นโยบายว่า “ข้าวเป็นพืชเพื่อความมั่นคงของชาติ” เน้นการปรับปรุงพันธุ์ข้าวอย่างจริงจัง พร้อมๆ กับการปฏิรูปที่ดิน มีการจัดรูปที่ดินอย่างเป็นระบบและเป็นระเบียบให้มีขนาดมาตรฐาน ขนาด 10×100 เมตร หรือเท่ากับ 0.1 เฮกแตร์ มีหน่วยเรียกว่า 10aออกเสียงว่า จูอาร์ และจัดสรรที่ให้ครอบครัวละ 1 เฮกแตร์ หรือเท่ากับ 6.25 ไร่ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีอากาศหนาวเย็น ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ญี่ปุ่นจึงมีอากาศอบอุ่นเพียง 6 เดือน เท่านั้น เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนที่สุด อุณหภูมิขึ้นสูงถึง 40 องศาเซลเซียส พอย่างเข้าเดือนเมษายนอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ชาวนาญี่ปุ่นเริ่มเพาะกล้าในถาดพลาสติก ก้นฉลุเป็นตาข่าย ขนาด 30×60 เซนติเมตร สูง 3 เซนติเมตร ใช้ดินร่วนสะอาดเป็นวัสดุเพาะ ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 270 กรัม ต่อถาด รดน้ำด้วยฝักบัวพอชุ่ม แล้วนำเข้าตู้อบ วางซ้อนกันชั้นๆ รูปทรงคล้ายตู้เก็บเสื้อผ้าทำจากพลาสติกที่เคยนิยมกัน รักษาอุณหภูมิในตู้อบ ที่ 32-35 องศาเซลเซียส ด้านล่างสุดมีถาดหล่อน้ำไว้ตลอดเวลา อบไว้เป็นเวลา 25 วัน ต้นกล้าจะมี 3 ใบ แข็งแรงพร้อมนำไปปักดำได้ เมื่อเตรียมดินเรียบร้อยแล้ว จึงยกต้นกล้าขึ้นจากถาดเหมือนเสื่อสีเขียวผืนเล็กๆ ใส่ลงในเครื่องปักดำชนิดเดินตามจนแล้วเสร็จ วันไหนฝนตก หรืออากาศแปรปรวน เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจะนำเครื่องบินขนาดเล็กออกประกาศ พร้อมโปรยแผ่นปลิวให้ชาวนาฉีดสารเคมีควบคุมโรคอย่างถูกต้องตามที่ทางการแนะนำ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ชาวนาญี่ปุ่นจะระบายน้ำออกและสูบน้ำเข้าแปลงนาสลับกัน 4-5 ครั้ง ไปจนถึงก่อนการเก็บเกี่ยวข้าวในนา การระบายน้ำออกแต่ละครั้งเกษตรกรทิ้งระยะไว้จนดินแตกระแหง หรือประมาณ 1 สัปดาห์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือก๊าซไข่เน่า และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นพิษกับรากต้นข้าว ก๊าซดังกล่าวเกิดขึ้นจากขบวนการย่อยสลายของเศษฟางข้าวและหญ้าที่ไถกลบลงดินก่อนการปักดำ ในขณะเดียวกัน ชาวนาจะหว่านปุ๋ยให้ตกลงตามรอยแยกของดินเข้าใกล้รากข้าวมากที่สุด แล้วสูบน้ำเข้าแปลงนา ดินจะปิดทับเก็บปุ๋ยไว้ในดิน ละลายออกมาให้รากข้าวนำไปใช้ได้อย่างช้าๆ วิธีการดังกล่าวสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวได้ 7-10 เปอร์เซ็นต์ ย่างเข้าเดือนตุลาคม เป็นฤดูกาลของการเก็บเกี่ยว เกษตรกรจะใช้รถเกี่ยวนวดขนาดเล็ก พร้อมบรรจุกระสอบพลาสติก อาจซื้อเป็นของส่วนตัว หรือเช่าจากสหกรณ์ก็ได้ จากนั้นนำเข้าเครื่องอบไอร้อนไล่ความชื้นก่อนบรรจุกระสอบ ส่งขายให้สหกรณ์ต่อไป โดยสหกรณ์เป็นตัวแทนรัฐบาลรับซื้อในราคาที่แพง และรับซื้อจากเกษตรกรทั้งหมด หรือทุกเมล็ด แต่เมื่อนำไปแปรรูปเป็นข้าวสารแล้วจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาที่ต่ำกว่าที่รัฐบาลรับซื้อ

จะเห็นว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเขาโอบอุ้มชาวนาอย่างจริงจังแล้ว ยังเอาใจประชาชนของตนไปในโอกาสเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นนี่น่ารักจัง

ปลูกเลี้ยง หม้อข้าวหม้อแกงลิง

ทำได้ แต่ต้องรู้ใจ

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ผมมีความสนใจปลูกเลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิงมานาน ผมเคยซื้อจากตลาดมาดูแลไว้แล้วครั้งหนึ่ง แต่เลี้ยงไม่รอด เพราะอยู่ๆ ไปมีแต่ฝ่อลง และเหี่ยวแห้ง ไม่สวยงาม ผมจึงขอเรียนถามคุณหมอเกษตรว่า ผมควรทำอย่างไรจึงจะได้ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงสวยงามเหมือนคนอื่นที่เขาปลูกเลี้ยงกันครับ

ขอแสดงความนับถือ

วรพงษ์ ผลอนันตสุข

เลขที่ 72 หมู่ที่ 8 ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี 11140

ตอบ คุณวรพงษ์ ผลอนันตสุข

ส่วนที่เป็นหม้อข้าวของหม้อข้าวหม้อแกงลิง หลายคนเข้าใจว่าเป็นดอก แต่ความเป็นจริงคือ ใบ ที่พัฒนามาเป็นหม้อข้าว เพื่อใช้เป็นกับดักแมลง จากการสันนิษฐานของนักวิชาการ สรุปว่า ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นพืชที่วิวัฒนาการมาจากแหล่งที่มีดินขาดความอุดมสมบูรณ์ หรืออาจขาด

ธาตุใดธาตุหนึ่ง มันจึงพัฒนาส่วนของปลายใบขึ้นมาเป็นกับดักแมลง แล้วผลิตน้ำย่อยออกมาย่อยตัวแมลงที่จับไว้ได้ เพื่อนำสารอาหารที่ต้องการไปหล่อเลี้ยงตัวมันเองให้สมบูรณ์ สามารถสืบเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ หม้อข้าวหม้อแกงลิง มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เจริญเติบโตอยู่ในที่ราบ และกลุ่มที่เจริญเติบโตอยู่ในบริเวณที่สูง ทั้งนี้ กลุ่มแรกต้องการอากาศร้อนชื้น ส่วนกลุ่มที่สอง ต้องการอากาศหนาวเย็น ดังนั้น การนำหม้อข้าวหม้อแกงลิงมาปลูกเลี้ยงใน กทม. และเขตปริมณฑล จำเป็นต้องเลือกกลุ่มแรก สังเกตได้จากมีการปลูกเลี้ยงกันอยู่ทั่วไป จึงจะได้ผลดี หม้อข้าวหม้อแกงลิงกลุ่มนี้ต้องการแสงแดดเพียง 60-80 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น แสงแดด เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อขนาดและสีสันของหม้อข้าวหม้อแกงลิง จึงควรหลีกเลี่ยงการปลูกเลี้ยงในสภาพใต้ร่มเงา ส่วนความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศอยู่ในระดับ 80 เปอร์เซ็นต์

ถึงแม้ว่ามีความต้องการความชื้นสูง แต่ไม่ควรรดน้ำวันละหลายครั้งจนวัสดุปลูกชื้นแฉะ หากปลูกน้อยต้น ให้นำถาดพลาสติก ขอบสูง 2-3 นิ้ว วางในแนวราบ แล้ววางเรียงแผ่นอิฐมอญให้เต็มถาด เทน้ำลงไปอย่าให้ล้นถาดออกมา แล้วจึงวางกระถางปลูกหม้อข้าวหม้อแกงลิงเหนือระดับน้ำขึ้นไปเล็กน้อย

การให้น้ำ หากเคยให้ตอนเช้าก็ควรปฏิบัติเหมือนเดิมไปตลอด ระวังอย่าให้วัสดุปลูกแห้ง เพราะจมีผลทำให้หม้อข้าวหม้อแกงลิงแห้งฝ่อตามไปด้วย วัสดุปลูกที่นิยมใช้กัน มีส่วนผสมของแกลบดิบ กาบมะพร้าวสับเล็ก หินภูเขาไฟ และขุยมะพร้าว อัตราส่วน 1:3:3:5 คลุกเคล้าให้เข้ากัน สำหรับปุ๋ยแล้ว หม้อข้าวหม้อแกงลิงต้องการน้อย ให้ใส่ปุ๋ยละลายช้า อัตรา 5-8 เม็ด ต่อกระถาง นับว่าเพียงพอ หมั่นดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ คุณจะได้ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงสวยงามสมความตั้งใจ

ขนุนไทย ยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ

เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ

ผมสงสัยว่าปีนี้หาซื้อขนุนยากกว่าทุกปี มีเพื่อนๆ บอกว่า ขนุนไทยส่งออกไปจีนเป็นส่วนใหญ่ และผมสนใจอยากทราบว่า ขนุนที่ส่งไปจีน คนจีนต้องการผลขนาดไหน หรือสเป๊กเป็นอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยครับ

ขอแสดงความนับถือ

สมภพ อิสระภักดีผล

เลขที่ 18/2 หมู่ที่ 15 ตำบลท่าวุ้ง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี 15150

ตอบ คุณสมภพ อิสระภักดีผล

ปีที่ผ่านมาคาบเกี่ยวถึงต้นปีนี้ ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ทำให้เกิดภาวะแห้งแล้ง ทำให้ผลผลิตขนุนลดลง ประกอบกับมีการรับซื้อเพื่อส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ทั้งจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ สำหรับผู้ส่งออกรายใหญ่ไปจีนอย่างสม่ำเสมอ และจำนวนมาก อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี แปลงที่ใหญ่ที่สุดมีเนื้อที่กว่า 700 ไร่ สเป๊กที่ส่งออกไปจีน ต้องมีขนาดผลน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม สวนขนุนที่กล่าวมา ยังสามารถบังคับให้ขนุนออกนอกฤดู ด้วยการใช้ปุ๋ยเคมีฉีดพ่นทางใบ ทำให้สามารถยืดเวลาการผลิตได้ 8 เดือน ในรอบปี แต่ถ้าหากผลิตอย่างทั่วไป จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพียง 4 เดือน ในรอบปีเท่านั้น เทคนิคการผลิตขนุนให้ได้น้ำหนักต่อผลไม่เกิน 9 กิโลกรัม นั้น ต้องมีการตัดแต่งทรงต้นให้โปร่ง เมื่ออายุ 2-4 ปี ระยะติดผลก็ต้องตัดแต่งผลเช่นเดียวกัน ให้เหลือไว้ต้นละไม่เกิน 10 ผล ต้องมีการค้ำยันป้องกันกิ่งและต้นหักโค่น

ดังนั้น จะเห็นว่าการส่งผลไม้แต่ละชนิดไปในแต่ละประเทศ จำเป็นต้องทราบรสนิยมการบริโภคของแต่ละประเทศด้วย จึงจะประสบความสำเร็จได้ด้วยดี

ชาวนาญี่ปุ่นจะทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันอยู่เสมอ โดยมีสหกรณ์เป็นพี่เลี้ยง

การเพาะกล้า ชาวนาบางรายหลังจากเมล็ดงอกแล้ว นำถาดเพาะกล้าเข้าอบในอุโมงค์พลาสติก

สภาพแปลงนา ขณะที่ชาวนากำลังปักดำข้าว

การปลูกข้าวเป็นแถว ทำให้การกำจัดวัชพืชได้ง่ายและสะดวก ด้วยวิธีผสมผสานระหว่างใช้สารเคมีกับซี่ล้อหมุนด้วยแรงมนุษย์

Leave a comment