รู้จักกับธุรกิจประกันภัย (3)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05119150859&srcday=2016-08-15&search=no

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 629

บัญชีชาวบ้าน

วิโรจน์ เฉลิมรัตนา virojch@yahoo.com

รู้จักกับธุรกิจประกันภัย (3)

ผลิตภัณฑ์ของธุรกิจประกันภัยในปัจจุบันมีรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นพอสมควร ทุกวันนี้จะมีกรมธรรม์รูปแบบใหม่ๆ ให้เราได้ยินมากมาย

ตัวอย่างเช่น กรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ประกันภัยร้านทอง ประกันภัยคุ้มครองการว่างงาน ประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้าย ประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยจากเหตุการณ์ไม่สงบ ประกันภัยเรือเจ็ตสกี ประกันภัยพืชผล ประกันภัยผู้โดยสารเรือสำหรับผู้โดยสาร ประกันภัยความรับผิดต่อผลิตภัณฑ์ (สินค้าไม่ปลอดภัย) ประกันภัยความรับผิดของผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง ความรับผิดอันเกิดจากการประกอบกิจการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง ประกันภัยสินเชื่อทางการค้า ประกันภัยแพ็กเกจ ประกันภัยความรับผิดทางกฎหมายจากการขนส่งวัตถุอันตรายทางบก ประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอกสำหรับอาคารสาธารณะ ประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ประกันภัยสำหรับรายย่อย และการประกันภัยสุขภาพ เป็นต้น

ลองมาทำความเข้าใจแบบคร่าวๆ กับการประกันภัยบางตัว พอเป็นไอเดีย เนื่องจากไม่สามารถกล่าวถึงทั้งหมดทุกตัวได้

การคุ้มครองภัยพิบัตินั้น รัฐบาลจัดตั้ง กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ขึ้น โดยประชาชนไปทำกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติกับบริษัทประกันภัย บริษัทจะรับความเสี่ยงไว้เอง 0.5-1% แล้วโอนความเสี่ยงส่วนที่เหลือไปให้กองทุน ซึ่งกองทุนก็จะมีการทำประกันภัยต่อไปยังบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ โดยให้ความคุ้มครองภัยพิบัติ 3 ภัย ได้แก่ น้ำท่วม แผ่นดินไหว และลมพายุ ผู้ทำประกันภัยแบบนี้มีทั้งบ้านอยู่อาศัย และอุตสาหกรรม SMEs

ประกันภัยร้านทอง คุ้มครองความเสียหายต่อทองคำ ซึ่งหมายถึง ทองแท่ง หรือ ทองรูปพรรณ ที่มีไว้เพื่อจำหน่าย ที่เกิดจากการชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ และวิ่งราว ร้านทองจะทำประกันโดยให้รวมความคุ้มครองต่อตัวอาคาร ตู้นิรภัย กระจก เฟอร์นิเจอร์ เครื่องตกแต่งติดตั้ง เครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ตู้แสดงสินค้า เครื่องชั่ง และโทรทัศน์วงจรปิด และรวมคุ้มครองทั้งลูกจ้าง ลูกค้า การสูญเสียด้านร่างกายและชีวิตของบุคคลที่อยู่ในร้านทองที่เกิดจากสาเหตุการชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือวิ่งราวทรัพย์ จากร้านทองด้วย

ประกันภัยการว่างงาน เป็นกรณีที่เป็นลูกจ้างแล้วถูกเลิกจ้าง นายจ้างปิดกิจการ และได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยทั่วไปบริษัทประกันภัยจะกำหนดวงเงินเอาประกันภัยจากสูตรดังนี้

จำนวนเงินเอาประกัน = ? ของเงินเดือนประจำปัจจุบัน ไม่เกิน 50,000 บาท x 3

เท่ากับว่าจำนวนเงินเอาประกันภัยจะไม่เกิน 75,000 บาท

แนวคิดของการประกันภัยการว่างงานนั้น คือ นายจ้างหรือเจ้าของโรงงานซื้อประกันภัยนี้ให้กับพนักงาน หากซื้อความคุ้มครองในระยะยาว เบี้ยประกันภัยจะมีอัตราถูกลง โดยความคุ้มครองจะจ่ายเงินทดแทนให้ตามวงเงินที่ทำประกันภัยไว้ ภายหลังจากลูกจ้างถูกเลิกจ้าง และได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานแล้ว

ประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้าย เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ประกอบการและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอของสงขลา (จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และ เทพ)

ประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบ การนัดหยุดงาน การจลาจล เจตนาร้าย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ก็ตาม การลุกฮือต่อต้านรัฐบาล การก่อการร้าย

การประกันภัยเรือเจ็ตสกี การประกันภัยเรือโดยสาร ประกันความรับผิดของผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง การประกอบกิจการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นการคุ้มครองผู้โดยสารและเหตุอันจะเกิดจากการขนส่ง เช่น เหตุการณ์โป๊ะล่มที่พรานนก และกรณีรถแก๊สระเบิดปี 2533 เป็นต้น

การประกันภัยพืชผล เป็นการให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อพืชผลที่เอาประกันภัย เช่น ความแห้งแล้ง น้ำท่วม ลมพายุ ลูกเห็บตก เป็นต้น การประกันภัยในเรื่องนี้ เวลาเกิดความเสียหายจะต้องมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงเกษตรฯ ไปประเมินความเสียหาย บริษัทประกันภัยจะประสานงานกับ ธ.ก.ส. ในการรับประกันภัย เป็นโครงการความร่วมมือ ระหว่าง สำนักงาน คปภ. สมาคมประกันวินาศภัย ธ.ก.ส. ไทยรับประกันภัยต่อ และธนาคารโลก

รูปแบบการประกันภัยพืชผลมีแบบดั้งเดิม แบบใช้ดัชนี แบบใช้ดัชนีภูมิอากาศ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าว

สำหรับการประกันภัยพืชผลจากภัยแล้ง โดยใช้ดัชนีน้ำฝน และดัชนีความแห้งแล้งนั้น ช่วงเวลาที่จะคุ้มครองมีเฉพาะ 3 ระยะแรก คือ ระยะที่ 1 หยอดเมล็ด ระยะที่ 2 เจริญเติบโต (20 วัน) ระยะที่ 3 ออกดอก ออกฝัก (30 วัน) ส่วนระยะที่ 4 เก็บเกี่ยว กรมธรรม์จะไม่ให้ความคุ้มครอง

ในปัจจุบันการประกันพืชผลจากภัยแล้ง เริ่มมีให้เกษตรกรทำประกันภัยแล้ว 7 บริษัท ประกอบด้วย สามัคคีประกันภัย สินมั่นคง ประกันภัยไทยวิวัฒน์ วิริยะประกันภัย นวกิจประกันภัย เทเวศประกันภัย และไทยรับประกันภัยต่อ

วงเงินคุ้มครองความเสียหายจากอุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ ภัยอากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย วงเงินคุ้มครอง 1,111 บาท/ไร่ ความเสียหายจากภัยศัตรูพืชและโรคระบาด วงเงินคุ้มครอง 555 บาท/ไร่ เบี้ยประกันภัย (รวมอากรและภาษีมูลค่าเพิ่ม) 129.47 บาท/ไร่ โดยแบ่งเป็นเกษตรกรจ่าย 60 บาท/ไร่ รัฐบาลสมทบ 69.47 บาท/ไร่

กรมธรรม์ประกันภัยแพ็กเกจ (Package Policy) เป็นการเอาความคุ้มครองอย่างน้อย 2 หมวด ขึ้นไปมาไว้ในกรมธรรม์เดียว เช่น หมวดอัคคีภัย เป็นความคุ้มครองหลัก หมวดโจรกรรมเป็นความคุ้มครองเสริม ทำให้การทำประกันภัยของลูกค้าได้รับประโยชน์ในด้านการคุ้มครองเพิ่มมากขึ้นโดยการซื้อประกันในครั้งเดียว กรมธรรม์ประกันภัยแพ็กเกจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs อาจใช้กับผู้ประกอบการอพาร์ตเมนต์ เพื่อคุ้มครองในลักษณะที่หากเกิดอัคคีภัยจะคุ้มครองทั้งทรัพย์สินที่เสียหาย และคุ้มครองการสูญเสียรายได้พร้อมกันไปด้วย เป็นต้น

นอกจากนี้ ในระยะหลัง เราจะเริ่มพบว่า บริษัทประกันภัยเริ่มมีการขายประกันภัยสำหรับรายย่อย ที่เรียกว่า Micro Insurance เราอาจจะเห็นกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุสำหรับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่เรียกชื่อว่า “มอเตอร์ไซค์ยิ้ม” กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางอุ่นใจ สำหรับรายย่อย ซึ่งให้ความคุ้มครองสำหรับคนที่เดินทางกลับบ้านด้วยค่าเบี้ยประกันในหลักร้อยบาท ราคาไม่แพง ทุกวันนี้เริ่มจะมีการขายกรมธรรม์ผ่านช่องทางการจำหน่ายพวกเคาน์เตอร์เซอร์วิส เซเว่น-เอเลฟเว่น เทสโก้โลตัส เซ็นทรัล โรบินสัน ไปรษณีย์ไทย และธนาคารพาณิชย์

จากตัวอย่างการประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ข้างต้นนี้ ช่วยย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการหรือแม้แต่ในระดับบุคคล ทราบว่า ในชีวิตประจำวัน เราอาจใช้การประกันภัยเป็นทางเลือกในการลดความเสี่ยงภัยในเรื่องต่างๆ ทั้งการทำงาน ประกอบอาชีพ เดินทาง ภัยพิบัติต่างๆ ที่ปัจจุบันเกิดขึ้นแต่ละครั้งมีความรุนแรงกว่าในอดีต อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศของโลก อีกทั้งภัยจากการก่อการร้ายต่างๆ ที่มักจะเกิดขึ้นในรูปแบบที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน

Leave a comment