สัญญาณแรง ปรองดองเดินหน้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

12 มกราคม 2560 เวลา 09:07 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/politic/475161

สัญญาณแรง ปรองดองเดินหน้า

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

วาระทางการเมืองของประเทศไทยในเวลานี้ถูกโฟกัสไปที่สองเรื่องใหญ่ ประกอบด้วย 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และ 2.การสร้างความปรองดอง ซึ่งทั้งสองเรื่องล้วนมีความสำคัญต่อทิศทางประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง

อย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกุญแจปลดล็อกให้สามารถแก้ไขเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านประชามติได้ ซึ่งล่าสุดรัฐบาลได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเตรียมไว้แล้ว เหลือเพียงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดำเนินการเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเท่านั้น กระบวนการต่างๆ ก็จะเริ่มนับหนึ่งทันที

การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวรอบนี้ แม้ด้านหนึ่งจะดูเหมือนว่าจะกระทบโรดแมปอยู่บ้าง เพราะตามโรดแมปจะต้องมีการยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจำนวน 10 ฉบับ แต่รัฐบาลก็ออกมายืนยันว่าโรดแมปยังคงเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ทุกประการ

ส่วนอีกวาระอย่างเรื่องการสร้างความปรองดอง นับว่ารัฐบาลเริ่มส่งสัญญาณออกมาสู่สาธารณะค่อนข้างแรงว่ารัฐบาลพร้อมจะดำเนินการในเรื่องนี้ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม จากเดิมที่ค่อนข้างบ่ายเบี่ยงมาตลอดเวลาที่ถูกให้แสดงความคิดเห็นถึงภารกิจเสริมสร้างความสมานฉันท์ดังกล่าว ซึ่งเห็นได้จากการเตรียมจัดตั้งสำนักงานบริหารยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง

โดยสำนักงานแห่งนี้จะประกอบด้วยคณะกรรมการจำนวน 4 ชุด ได้แก่ 1.คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 2.คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ 3.คณะกรรมการปรองดอง และ 4.คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์

ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวในเรื่องการสร้างความปรองดองที่รัฐบาลและ คสช.แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม เพราะถ้าใครยังจำได้ก่อนหน้านี้ สนช.พยายามจะเข้ามาเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ก็ถูก คสช.สั่งให้ระงับ หรือแม้แต่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เคยส่งรายงานการศึกษาฉบับสมบูรณ์ไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ก็ยังไม่ถูกหยิบออกมาใช้งานแต่อย่างใด

เหนืออื่นใด ท่าทีล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ก็เปรียบได้กับชี้ให้เห็นว่าการสร้างความปรองดองจะเริ่มนับหนึ่งจากจุดใด

“การจะสร้างประเทศให้เจริญก้าวหน้าต้องมีการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น เริ่มจากให้ประชาชนสามารถไปมาหาสู่มีปฏิสัมพันธ์กันได้ จึงต้องกลับไปดูว่าวันนี้คนไทยทะเลาะกันด้วยสาเหตุใด…

…โดยเราวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สร้างกระบวนการปรองดอง แต่ไม่ใช่ปรองดองเฉพาะคนมีโทษ เพราะคนปกติก็ต้องปรองดองกัน มิเช่นนั้นวันหน้าบ้านติดกันก็คุยกันไม่ได้ เพราะอยู่คนละพวก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามอย่างพรรคเพื่อไทยก็แสดงความคิดเห็นสนับสนุนท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

“พรรคเพื่อไทยก็อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข เดินไปข้างหน้า และเดินไปบนสะพานของท่านนายกฯ ก้าวสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงภายใต้หลักนิติรัฐและนิติธรรม เราพร้อมให้ความร่วมมือ” คำพูดจาก สุรพงษ์
โตวิจักษณ์ชัยกุล หนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้ หากวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่มีผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มขยับวาระการสร้างความปรองดองอย่างจริงจังน่าจะมาจาก 2 ปัจจัยดังนี้

1.ช่วงปลายอำนาจของ คสช. แม้จะมีหลายฝ่ายว่า คสช.น่าจะไม่สามารถจัดการการเลือกตั้งในปี 2560 หรือต้นปี 2561 ได้ เพราะติดขัดเรื่องกระบวนการของการเปลี่ยนผ่าน แต่ต้องยอมรับว่าเวลาของ คสช.ที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้มีมากนัก เรียกได้ว่าอย่างมากไม่น่าเกิน 2 ปี

การสร้างความปรองดองไม่ใช่ภารกิจที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ได้เพียงชั่วข้ามคืนเหมือนกับการใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน แต่จำเป็นต้องอาศัยกลไกที่เรียกว่า “กระบวนการสันติวิธี” มาเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนด้วย ซึ่งเรื่องที่ต้องใช้เวลาพอสมควร หาก คสช.ไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ก็คงจะสายเกินไป

2.สร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง ปฏิเสธไม่ได้ตลอดระยะเวลาของการบริหารประเทศของ คสช.นั้นถูกแรงเสียดทานทางการเมืองพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องการเปิดโอกาสกว้างสำหรับการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง อันจะเห็นได้จากการใช้กฎหมายดำเนินการกับฝ่ายตรงข้าม

ในเมื่อ คสช.ใช้มาตรการกำปั้นเหล็กมาเป็นเวลานาน ถึงเวลาแล้วที่ คสช.ต้องกลับมาใช้วิธีแบบไม้นวมเพื่อลดความขัดแย้งบ้าง เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้

ไม่เพียงเท่านี้การเล่นบทบาทในเชิงสันติภาพก็เป็นการหวังผลในระยะยาวต่อการกลับเข้ามาเป็นนายกฯ คนนอกหลังจากมีการเลือกตั้งด้วย

 

Leave a comment