อินทผลัมกินผล พืชสร้างเงินหลังเกษียณ ที่สกลนคร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05047150859&srcday=2016-08-15&search=no

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 629

เทคโนโลยีการเกษตร

สุพจน์ สอนสมนึก

อินทผลัมกินผล พืชสร้างเงินหลังเกษียณ ที่สกลนคร

คุณจเร ชีวะธรรม วัย 69 ปี หรือ ลุงโจ้ ซึ่งเป็นเจ้าของสวนอินทผลัม “บ้านสวนลุงโจ้” อยู่ที่ เลขที่ 290 หมู่ที่ 6 บ้านนาดอกไม้ ตำบลฮางโฮง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เล่าให้ฟังว่า เดิมก็เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ทำงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มีคู่ชีวิตคือ คุณศรีนิล รับราชการครู ปัจจุบันเกษียณแล้ว และหลังจากเกษียณตั้งใจว่าจะอยู่แบบเงียบๆ กับธรรมชาติ เพราะมีความชื่นชอบกับธรรมชาติเป็นทุน มีทุนส่วนหนึ่ง ได้ซื้อที่ดินไว้ 8 ไร่เศษๆ ปลูกบ้านและหวังจะปลูกต้นไม้ใบหญ้า ตามแนวคิดของคนรักธรรมชาติ

ช่วงที่ทำงานอยู่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ชอบค้นคว้าหาตำรามาอ่านเกี่ยวกับการเกษตร ทดลองปลูกไปตามแนวคิดที่เข้าใจ และตั้งใจว่า หากจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ จะเริ่มต้นการทำเกษตรแบบใด พร้อมคิดว่าบนเนื้อที่สามารถปลูกอะไรได้บ้าง และก่อนที่จะเกษียณได้ไปพบเห็นการปลูกอินทผลัมกินผลที่จังหวัดเชียงใหม่ ลองศึกษาว่าสภาพดินฟ้าอากาศในพื้นที่ของสกลนคร

ประกอบกับอินทผลัมกินผล เป็นพืชที่ตนเองจับตามองมานานและมีความชอบ เพราะเป็นได้ทั้งไม้ประดับและสามารถกินผลได้ สิ่งที่สำคัญตนเองก็ชอบกินผลไม้ชนิดนี้ด้วย กินได้ทั้งผลสดและสุก หวานฉ่ำชุมคอ เรียกว่าเป็นผลไม้ประจำตัวที่ชื่นชอบที่สุด

บ่อยครั้งที่ญาติหรือเพื่อนมาจากต่างจังหวัด มาเยี่ยม จะซื้ออินทผลัมมาฝาก ก็จะเก็บเมล็ดไว้เพื่อนำมาศึกษาและปลูก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

ช่วงทำงานได้มีโอกาสหรือเป็นความโชคดี ที่สายงานของตนที่ทำอยู่ มีโครงการที่ทำและสนับสนุนเกษตรพอเพียง ประกอบกับได้ศึกษาและมีความรู้ในส่วนนี้อยู่พอสมควร จากการได้เข้าฝึกอบรมหลายครั้งหลายโครงการ ส่งเสริมการปลูกพืชให้กับพี่น้องเกษตรกร ปลูกพืชทุกชนิดที่มีและที่กิน จึงทำให้หันกลับมามองที่ตนเองว่า น่าจะทำสวนที่บ้านของตนเองด้วย เพื่อให้เกิดความชำนาญและมีความเข้าใจ ซึ่งในช่วงนั้นก็ยังไม่เจาะจงว่าจะปลูกอะไรเป็นหลัก

จากการติดตามข่าวสารทางการเกษตร ทราบข่าวว่า มีการปลูกอินทผลัมกินผลได้แล้วในประเทศไทย จึงเกิดความสนใจ และสอบถามหาที่ปลูก และสุดท้ายทราบว่า ที่สวนโกหลัก จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้เดินทางขอไปเยี่ยมชม หลายครั้ง พบกับ คุณศักดิ์ ลำจวน เจ้าของสวน และพูดคุย ศึกษาการปลูก

ครั้งแรกก็หวั่นใจว่าอินทผลัมจะปลูกได้หรือไม่ แต่พอมาดูตำราหาหนังสืออ่านพบว่า แม้ในทะเลทรายยังปลูกได้ จึงตัดสินใจใช้เนื้อที่มีอยู่ลองทำดู

ลงมือปลูก ปี 51

อินทผลัม น่าจะปลูกได้ เพราะใกล้เคียงกับทางภาคเหนือ จึงได้ตัดสินใจซื้อต้นกล้าอินทผลัมจากสวนโกหลัก ที่จังหวัดเชียงใหม่มาปลูก เมื่อปี 2551 เป็นพันธุ์ KL1 (แม่โจ้ 36) เป็นชนิดแบบกินผลสด จำนวน 50 ต้น

ในช่วงปีแรก อินทผลัม ปลูกง่ายๆ ไม่ต้องดูแลมาก แต่ต้องคอยตรวจสอบเอาใจใส่ทุกวัน เพราะสิ่งที่จะทำให้ อินทผลัมมีโอกาสเสียหายหรือตายได้คือ ด้วง เพราะหากผิดสังเกตต้องจัดการทันที เมื่อเริ่มปีที่ 2 อินทผลัมจะออกดอกและให้ผลผลิต สามารถตัดขายได้ เพราะกินผลสด

ต่อมาในปีที่สองได้เพิ่มอีกจาก 50 ต้น เป็น 100 ต้น บนเนื้อที่ 8 ไร่

ลุงโจ้ บอกว่า อินทผลัม เป็นพืชตระกูลปาล์ม ปลูกได้ทุกที่ในประเทศไทย ที่สำคัญปลูกและดูแลง่ายกว่าพืชชนิดอื่นๆ

สำหรับแนวการปลูกของตนเอง ใช้ระยะห่างระหว่างต้น ประมาณ 8×8 เมตร ความกว้างของหลุม 50×50 เซนติเมตร และที่สำคัญอีกประการคือ อินทผลัม มีความต้องการน้ำพอสมควร และขาดไม่ได้

ในช่วงที่เริ่มปลูกนั้นอินทผลัมยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก เรียกได้ว่าได้รับความนิยมน้อย เพราะจากการสอบถามหลายคนก็บอกว่าหรือคิดว่ายังไงก็ปลูกไม่ได้ดีแน่นอน

ช่วงที่ตนเองคิดปลูกมีแต่คนหัวเราะเยาะเย้ยว่า เสียเวลาเปล่าแน่นอน และยังถามอีกว่า เมื่อไหร่จะได้กิน

“จำได้ว่า เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2551 ต้นปาล์มต้นแรกได้ฤกษ์ลงปลูก และ 1 ปีผ่านมา ก็เริ่มให้ผลผลิตออกมาให้เห็นแล้ว ในจำนวนนั้น มีทั้งตัวผู้และตัวเมียปนอยู่ ด้วยความที่มีการดูแลอย่างดี จนเกินไปหรือไม่ ไม่สามารถได้ลิ้มลองผลผลิตชุดแรกแต่อย่างใด” ลุงบอก

สาเหตุมาจากการห่อผลที่มิดชิดเกินไป ทำให้อินทผลัมร่วงก่อนเวลาอันควร

เมื่อเป็นอย่างนั้น ได้โทร.ปรึกษาทางสวนโกหลักที่เชียงใหม่ตลอดเวลา ปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น ผลร่วง ทำให้รู้และเข้าใจอินทผลัมมากขึ้น และหลังจากนั้นต้นพันธุ์ที่นำมาปลูกออกมาเป็นตัวเมียกว่า 30 ต้น ทำให้เรียนรู้และเข้าใจมากยิ่งขึ้นกับกระบวนการว่าจะดูแลอย่างใด ให้อินทผลัมได้ผล 100% และทำให้ได้กินผลสด

ลุงโจ้ บอกว่า อินทผลัม มีระบบรากที่แกร่ง ซึ่งระบบรากเหมือนหญ้าแฝก มีความยาวและชอนไชลงได้ลึก หาอาหารเก่ง หากปลูกบนพื้นที่ดินร่วนปนทราย ทำให้อินทผลัมหาอาหารได้ง่าย

นอกจากนี้ ยังพบว่า ปลูกได้ในพื้นที่มีดินเค็ม จากประสบการณ์ที่พบเอง เมื่ออินทผลัมมีศัตรูเข้ากัดกิน ทำให้ใบเสียหายทั้งหมด เมื่อเข้าไปฟื้นฟูดีขึ้น กลับมีโรคเข้าโจมตีอีก ทำให้เฉาแห้ง จึงได้ทดลองดึงต้นขึ้นมาทั้งหมด พบว่ารากของอินทผลัมมีความยาวหลายเมตร เจาะลึกลงไป แสดงว่าปลูกได้ง่าย ตายยาก

การเตรียมพื้นที่ปลูก

สำหรับเกษตรกรรายใหม่

ลุงโจ้ แนะนำเกษตรกรที่ต้องการปลูกว่า ความจริงไม่ได้เชี่ยวชาญในการปลูก แต่จากการที่คลุกคลีอยู่กับอินทผลัมนั้น ทำให้มีความเข้าใจและมีประสบการณ์ การเตรียมพื้นที่ปลูกก็เหมือนการเตรียมการปลูกพืชอื่นๆ ทั่วไป แต่จะแตกต่างเฉพาะบางพื้นที่อาจไม่เหมือนกัน เนื่องจากสภาพอากาศ ทำเล ที่ตั้ง และแหล่งน้ำที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาก็มีผลเช่นกัน

แต่สำหรับพื้นที่ในจังหวัดสกลนคร ในสายตาตนเองมองว่าเป็นแหล่งปลูกอินทผลัมชั้นยอดทีเดียว สังเกตจากที่เห็นว่าเมื่อนำอินทผลัมมาปลูกไม่นานก็ให้ผลผลิตไวมาก บางช่วงใช้เวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น ก็ออกผลผลิตมาให้ได้ชื่นใจแล้ว

ส่วนการปลูกจะมีการเตรียมร่องปลูกแบบยกโคกสูง (รูปกะละมังคว่ำ) เพราะเป็นการป้องกันน้ำท่วมขังโคน ทำให้รากเน่าได้หากน้ำมากเกินไปและขังนาน

หลังจากทำโคกสูงแล้วขุดพรวนดินผสมปุ๋ยคอก 1 ส่วน ยกให้สูงขึ้นอีกราว 25-30 เซนติเมตร ก้นหลุมรองด้วยฟางข้าวแห้ง ส่วนปุ๋ยใช้ปุ๋ยคอกจากมูลโคเท่านั้น ส่วนความห่างระยะระหว่างต้นอยู่ที่ 8-9 เมตร หรือขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่นั้น

เมื่อเตรียมหลุมและนำต้นอินทผลัมลงปลูกแล้ว วิธีปลูกให้ดึงถุงแกะออกเล็กน้อย ดึงรากที่ขึ้นขดในถุงให้เหยียดตรง และให้ตัดรากออกเล็กน้อย นำลงปลูกในหลุม กลบให้แน่น รดน้ำตามไปพอดินยุบตัวลง ให้เติมดินที่เตรียมคลุกไว้ใส่ให้เต็ม สูงประมาณ 20 เซนติเมตร และทิ้งไว้อีกประมาณ 2 วัน จึงรดน้ำ การรดน้ำในสูตรของตนคือ ควรเว้นระยะ รด 3 วัน แล้วเว้นอีก 3 วัน แต่ต้องดูสภาพอากาศประกอบด้วย หากในช่วงระยะนั้นอากาศร้อน ควรเว้น 2 วัน

ส่วนการใส่ปุ๋ย จะใส่ปุ๋ยคอก 4 เดือนครั้ง และปุ๋ยวิทยาศาสตร์จะใส่น้อยมาก หากจำเป็นใส่ จะให้สูตร 15-15-15 การใส่เท่ากับความกว้างของทรงพุ่ม แบ่งใส่ 2-4 ครั้ง ต่อปี

เมื่อยามที่อินทผลัมออกผล สิ่งที่แนะนำคือ ต้องการใช้ถุงพลาสติกคลุมช่อผล เพราะเป็นการป้องกันฝน เพราะเมื่อไรก็ตามที่อินทผลัมถูกฝนหรือน้ำ จะทำให้ผลไม่สวยและแตกเสียหายได้ เพราะอินทผลัมเป็นพืชชอบน้ำ แต่ทนแล้งได้ดี

ปัญหาหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรไม่อยากปลูกอินทผลัมคือ การต้องมาคอยผสมเกสรระหว่างที่ออกผลผลิต เพราะมีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย การที่จะทำให้ติดลูกดก บางทีจะรอวิธีธรรมชาติก็ยาก เพราะต้องมีการเลี้ยงผึ้ง นำผึ้งเข้ามายุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องที่ลำบาก หากเกษตรกรที่ชอบและชำนาญก็ทำได้ แต่ผลผลิตจะไม่เท่ากับเราจัดผสมให้ เพราะได้ทดลองมาแล้ว หากเราผสมเองไม่รอธรรมชาติจะทำให้อินทผลัมมีผลผลิต ต้นหนึ่งตั้งแต่ 150 กิโลกรัมขึ้นไป หรือที่ออกเป็นพวงอย่างน้อยอยู่ที่พวงละ 7 กิโลกรัม ส่วนการผสม จะนำมากล่าวจะทำให้ไม่ละเอียดมากนัก แต่ไม่ยุ่งยาก เรียนรู้ได้เร็ว เนื่องจากอินทผลัมที่ปลูกในประเทศไทยมีหลายสายพันธุ์

ลุงโจ้ บอกว่า สายพันธุ์ที่ปลูกคือ KL1 เป็นพันธุ์ที่เกิดในประเทศไทย และพัฒนาสายพันธุ์โดยคนไทย เนื่องจากสายพันธุ์อินทผลัมยังไม่นิ่งมากนัก จึงทำให้ไม่สามารถล่วงรู้ เกสรตัวผู้ได้ ว่าเกิดจากสายพันธุ์ใด ผลผลิตที่เกิดขึ้นใหม่จึงถูกตั้งชื่อใหม่ทุกครั้ง เมื่อมีการผสมข้ามสายพันธุ์ ซึ่งเมื่อออกมาจะไม่เหมือนต้นสายพันธุ์ เพราะเป็นรุ่นลูกแล้ว

ในประเทศไทยมีการปลูกมานานนับ 10 ปีแล้ว ผลผลิตก็ไม่น่าจะแพ้ที่ปลูกในต่างประเทศได้ เท่าที่ปลูกมา

ยืนยัน สุดอร่อย

แต่ในเรื่องรสชาติ บอกได้เลยว่า อินทผลัมที่ปลูกในประเทศไทย อร่อยกว่าของต่างประเทศแน่นอน

เนื่องจากอินทผลัมของต่างประเทศรสไม่หวานเท่าเรา ไม่เหมือนอินทผลัมไทยรสหวานมากและฝาดน้อย ถูกใจคนไทยมากกว่า

สำหรับศัตรู ก็เป็นประเภทแมลง เพราะระยะหลังพบว่า เป็นเชื้อรา ทำลายใบ และต้นเหี่ยว ส่วนที่ร้ายกาจหนักเป็นที่ชอบของด้วง ด้วงแรด ด้วงงวงมะพร้าว จะเข้าทำลาย สังเกตดูต้น เพราะด้วงพวกนี้จะเจาะเข้าไปวางไข่แล้วแพร่ขยายทำลายต้นตายได้ง่าย ต้องตรวจทุกวัน ผิดสังเกตมีรอยเจาะ รีบทำลายทันที

สำหรับในเรื่องตลาดจำหน่าย ปัจจุบัน ผลผลิตมีไม่พอขาย มีการเข้าแย่งกันซื้อถึงในสวน แม้ปัจจุบันจะมีการหันมาสนใจปลูกกันมาก ความสำเร็จได้ผลผลิตที่ 100 เปอร์เซ็นต์ นั้นจะยากยิ่ง เพราะต้องอาศัยประสบการณ์ความชำนาญ

ในช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมา มีการโหมประชาสัมพันธ์กันมาก และขายพันธุ์เพื่อให้เกษตรกรไปปลูก ในส่วนของที่นี่ก็มีการจำหน่ายต้นพันธุ์เหมือนกัน โดยทุกวันนี้ผลผลิตที่ออกมา จะอยู่ที่ 2,000-2,500 กิโลกรัม ต่อปี โดยจำหน่ายกิโลกรัมละ 500 บาท เป็นอินทผลัมกินผลสด

สำหรับท่านใดสนใจ อยากศึกษาเรียนรู้หรือปลูก ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณจเร ชีวะธรรม หรือ ลุงโจ้ โทร. (081) 873-3073, (085) 164-9098 ลุงโจ้ยินดีให้คำแนะนำ หรือศึกษาดูงานได้ ขณะนี้ได้มีการขยายพื้นที่ปลูกออกไปอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าในอนาคต จะมีผลผลิตอินทผลัมออกมาให้ได้ชิมกันมาก เป็นอีกผลไม้ชนิดหนึ่งของไทย

Leave a comment