ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05080150859&srcday=2016-08-15&search=no
| วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 629 |
เทคโนโลยีการประมง
สุรเดช สดคมขำ
เลี้ยงปลากะพง แบบเข้าใจนิสัยปลา เป็นอาชีพทำเงินแบบสบายๆ ที่ชลบุรี
ปลากะพง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lates calcarifer ชื่อสามัญเรียกว่า Giant Bass เป็นปลาที่อยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ปลาชนิดนี้เลี้ยงกันแพร่หลายในเขตจังหวัดชายทะเลของไทย เนื่องจากเลี้ยงง่าย โตเร็ว เนื้อปลามีรสชาติดีและค่อนข้างมีราคา
จึงนับได้ว่าเป็นปลาเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดีไม่แพ้ปลาน้ำจืดชนิดอื่น นอกจากจะเลี้ยงเพื่อบริโภคภายในประเทศแล้วยังส่งจำหน่ายยังต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งเกษตรกรนิยมผลิตลูกปลาชนิดนี้ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
นอกจากมีการเลี้ยงเพื่อการค้าแล้ว ยังสามารถพบปลาชนิดนี้ตามธรรมชาติ แถบชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะบริเวณปากแม่น้ำใหญ่ๆ ที่มีทางออกติดต่อกับทะเล เช่น จังหวัดตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ เป็นต้น
ด้วยคุณสมบัติพิเศษของปลากะพงที่อยู่ได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำกร่อย ทำให้มีผู้ที่สนใจนำไปเลี้ยงแบบปลาตามธรรมชาติที่บ่อบริเวณบ้านมากขึ้น เมื่อปลามีขนาดใหญ่ก็สามารถจับจำหน่ายเป็นรายได้เสริมได้เช่นกัน
คุณสุทธิ มะหะเลา อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 3 ตำบลบางนาง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงปลากะพงมาเกือบ 20 ปี ในช่วงระยะเวลาเหล่านั้นเขาเจอทั้งอุปสรรคมากมายนับครั้งไม่ถ้วน แต่จากปัญหาและอุปสรรคที่ประสบพบเจอ จึงทำให้เขาเป็นเกษตรกรตัวยง ในเรื่องการเลี้ยงปลากะพงเลยทีเดียว จึงเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้เขาได้เป็นอย่างดี
จากพ่อค้าอาหารกุ้ง
สู่เกษตรกรเลี้ยงปลากะพง
คุณสุทธิ เล่าให้ฟังว่า เมื่อจบการศึกษา ปี 2536 ได้มาประกอบธุรกิจเป็นพ่อค้าอาหารกุ้ง จากนั้นต่อมาจึงเริ่มทดลองเลี้ยงกุ้ง และปลากะพง ในช่วงแรกที่เลี้ยงปลากะพงจะเน้นให้อาหารแบบเหยื่อสด
“ช่วงนั้นเรายังไม่ได้ศึกษาอะไรมากเรื่องการเลี้ยงปลากะพง พอดีมันเริ่มจะมีการเลี้ยงแบบอาหารเม็ดเข้ามาด้วย เราก็เลยเปลี่ยนมาเลี้ยงแบบอาหารเม็ดเลย ช่วงนั้นปลากินอาหารเม็ดไม่เก่ง เรียกว่าไม่ค่อยกินเลยดีกว่า ปลาที่ได้ก็แค่ 10 เปอร์เซ็นต์เอง ของผลผลิตทั้งหมด เอาง่ายๆ ทุนหายกำไรหดเจ๊งสนิท” คุณสุทธิ เล่าถึงความเป็นมา
เมื่อความสำเร็จที่ได้รับไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ คุณสุทธิ บอกว่า ก็ยังไม่หยุดลดละความตั้งใจที่จะเลี้ยงปลากะพง เขาให้เหตุผลว่า ปลากะพง เป็นปลาที่เขาชอบและอยากเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก จึงได้ศึกษาทดลองมาอีกเกือบ 10 ปี หลังจากที่ไม่ประสบผลสำเร็จในครั้งนั้น โดยนำความผิดพลาดทั้งหมดที่ผ่านมา มาคิดวิเคราะห์ว่าสิ่งที่ทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จนั้นเกิดจากอะไร
“ประมาณ ปี 45 ได้ไปประเทศเวียดนาม ก็ได้เห็นคนเวียดนามเขาทำอาหารปลาสวาย เขามีแง่คิดว่าทำอาหารให้ปลากิน ไม่ได้ทำให้คนดม เพราะคนบ้านเราชอบดมอาหารที่หอมๆ แต่คุณค่าอาหารมีหรือเปล่าไม่รู้ ที่นั่นเขาศึกษากันอย่างจริงจัง เราก็เลยเอาข้อคิดจากเขาตรงนั้นมาวิเคราะห์ ว่าเราจะไปคิดเองไม่ได้ ว่าปลาต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราก็เลยกลับมาเรียนรู้นิสัยปลากะพง ก็ใช้เวลาอยู่นาน ว่าเราต้องทำยังไงให้มันกินอาหารเม็ดให้เป็น เรียนรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับปลากะพงเลย สุดท้าย ปี 49 มันก็ประสบผลสำเร็จ สมกับที่เราศึกษาอย่างจริงจัง” คุณสุทธิ กล่าว
เลี้ยงปลากะพง
ให้ได้ทรงดี จำหน่ายมีราคา
คุณสุทธิ บอกว่า เนื่องจากชีวิตเป็นพ่อค้าที่มีระบบในเรื่องการจัดการ ดังนั้น การเลี้ยงปลากะพงของเขาต้องไม่มีขั้นตอนอะไรที่ยุ่งยาก เพราะสมัยก่อนที่เริ่มเลี้ยงใหม่ๆ จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปหาซื้อเหยื่อสดมาบดให้ปลากิน แต่เมื่อได้ทดลองมาหลากหลายวิธี จนปลากินอาหารเม็ดได้แล้ว ก็จะจัดการเลี้ยงไปในรูปแบบให้อาหารเม็ดแทน
“คนทั่วไปมองว่า ปลากะพง ไม่น่าจะเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดได้ ควรเลี้ยงด้วยเหยื่อสด แต่ผมมองว่าไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ มันต้องมีวิธีที่ทำให้ปลากินเป็น สมัยก่อนยอมรับเลยว่าเหยื่อสดนี่ถูกมาก กิโลละไม่กี่บาท แต่เราคิดว่าเราต้องจัดการให้ดีกว่านี้ ไม่อยากเหนื่อย ต้องตื่นตี 3 เพื่อไปหาซื้อเหยื่อ แล้วก็เอามาบดให้ปลากินไปมาแบบนี้ ก็เลยมองว่ากุ้งยังกินอาหารเม็ดได้ ทำไมปลาจะทำไม่ได้ เราก็เลยมารู้สาเหตุว่าปลามันไม่ได้ถูกฝึกให้กินเหยื่อเม็ดนี่เอง” คุณสุทธิ กล่าวถึงความสงสัยที่มีในสมัยก่อน
ในขั้นตอนแรกเตรียมบ่อเลี้ยงปลากะพงให้มีขนาด ประมาณ 3-5 ไร่ เป็นขนาดที่เหมาะสม แต่ถ้าหากใครมีพื้นที่มากกว่านี้ ก็สามารถเลี้ยงได้ถึงขนาด 10 ไร่ จากนั้นนำปูนขาวมาโรยที่ก้นบ่อเพื่อฆ่าเชื้อ ดักตาข่ายกันไว้สำหรับปล่อยลูกปลากะพงตัวเล็กลงไปในบ่อเสียก่อน
“เราก็เตรียมใส่น้ำ โดยเอาน้ำมาบำบัดก่อน แล้วค่อยใส่ลงในบ่อเลี้ยง ก็จะมีทั้งฆ่าเชื้อ หรือจะเป็นการลงจุลินทรีย์เพื่อเตรียมน้ำ พร้อมทั้งเช็กค่า pH และก็ค่าอัลคาไลน์ แต่จริงๆ แล้ว ปลากะพงมันก็เลี้ยงได้ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม แต่ที่เราต้องเช็กความเค็มที่บ่อ ก็เพื่อจะได้รู้ว่า ลูกปลาที่เราเอามาเลี้ยงเนี่ย เคยอยู่ที่น้ำเค็มประมาณเท่าไหร่มาก่อน เราก็จะได้มาปรับถูก ไม่ให้ลูกปลารู้สึกว่าอยู่ในน้ำที่มีค่าความเค็มแตกต่างกันไปมากนัก ในช่วงที่เราเอามาเลี้ยง” คุณสุทธิ กล่าว
เมื่อใส่น้ำลงไปในบ่อเลี้ยงแล้ว เช็กค่า pH และอัลคาไลน์อีกครั้ง ซึ่ง pH ที่เหมาะสม จะอยู่ที่ประมาณ 7.5-8.5 ค่าอัลคาไลน์อยู่ที่ 100 ขึ้นไป และความเค็มที่เหมาะสมอยู่ที่ 7-15 ppt ซึ่งคุณสุทธิ บอกว่า ความเค็มสามารถขึ้นไปสูงถึง 30 ppt ได้ จากนั้นนำลูกปลากะพงที่ฝึกการกินอาหารมาปล่อยลงภายในบ่อ
“ปลาที่ปล่อยลงเลี้ยง อย่าให้ไซซ์ขนาดต่างกันมากเกินไป ถ้าเป็นไซซ์ ขนาด 4 นิ้ว และ 5 นิ้ว อยู่รวมกันได้ แต่ถ้าเป็น 2 นิ้ว กับ 4 นิ้ว แบบนี้ห่างกันมากเกินไป ปลากะพงมันจะกินกันเอง อันนี้ในกรณีที่ลูกปลาที่ซื้อมาเลี้ยงไม่พอจริงๆ นะ แต่ถ้าลูกปลาพอ ก็ปล่อยไซซ์เดียวกันได้เลย ที่นี่บ่อขนาด 5 ไร่ ก็จะปล่อยปลาเลี้ยง ประมาณ 15,000 ตัว ถึง 30,000 ตัว” คุณสุทธิ กล่าว
อาหารสำหรับปลาจะเริ่มให้เป็นอาหารเบอร์เล็ก ที่มีโปรตีน 45 เปอร์เซ็นต์ ต่อมาปลาเจริญเติบโตมีขนาดไซซ์กลาง ก็จะเปลี่ยนอาหารเป็นเบอร์ที่ใหญ่ขึ้น โปรตีนลดลงอยู่ที่ 42 เปอร์เซ็นต์ และส่วนปลาใหญ่อาหารก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้น โปรตีนลดลงอยู่ที่ 38 เปอร์เซ็นต์ โดยอาหารจะเปลี่ยนเบอร์ทุก 15-20 วัน ซึ่งเบอร์ของอาหารเล็กสุด อยู่ที่เบอร์ 1 ส่วนเบอร์ใหญ่สุด จะเป็นเบอร์ 7 อาหารจะให้ปลากะพงกินในเวลาเช้าและเย็น
ด้านโรคที่เกิดกับปลากะพง คุณสุทธิ บอกว่า ไม่ค่อยมีเกิดเท่าที่ควร เนื่องจากที่ฟาร์มของเขาควบคุมเรื่องน้ำได้ดี และอาหารที่ให้ปลากะพงกินก็ไม่ตกลงไปสะสมที่ก้นบ่อ ทำให้ไม่มีของเสียสะสมที่ก้นบ่อจนทำให้ปลาเกิดโรคได้
ปลากะพง ใช้ระยะเวลาเลี้ยงทั้งหมด ประมาณ 5 เดือน ก็จับจำหน่ายได้
พลิกวิกฤตจากความผิดพลาด
สร้างตลาดได้แบบยั่งยืน
คุณสุทธิ เล่าว่า เมื่อปลากะพงทั้งหมดที่เลี้ยงด้วยอาหารเม็ดประสบผลสำเร็จดีแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่จบ ซึ่งปลากะพงที่เลี้ยงได้ แต่ตลาดก็ยังไม่ยอมรับมากนัก เพราะตัวของปลามีขนาดที่อ้วนเกินไป
“ตลาดช่วงแรกๆ นี่ไม่เป็นที่ยอมรับเลย เพราะปลากินอาหารเม็ด ตัวปลากะพงก็เลยไม่ค่อยได้ทรง มันจะมีลักษณะอ้วน ไขมันเยอะ ซึ่งแม่ค้าสมัยก่อนจะติดว่าปลากะพงต้องเป็นทรงเรียวยาว รูปทรงดี พอเขาเห็นปลาเราอ้วนนี่ ไม่มีใครซื้อเลย ต้องไปขอร้องให้เขามาจับให้ เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที เขาบอกซื้อไปก็เอาไปขายลำบาก แต่ก็พอขายได้บ้าง คราวนี้เราก็เลยต้องมาปรับเรื่องอาหารใหม่อีกครั้ง คราวนี้ก็เป็นที่น่าพอใจ ปลาทรงสวย ขายได้ดี” คุณสุทธิ กล่าวถึงอุปสรรคของการจำหน่ายในสมัยก่อน
ปลากะพง ที่ตลาดต้องการน้ำหนักอยู่ที่ 700 กรัม ถึง 1 กิโลกรัมขึ้นไป มีคนมาจับถึงบ่อ จำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 125 บาท ดูตามเกณฑ์ที่กำหนดของตลาด ถ้าปลามีไซซ์ขนาดต่ำกว่าที่ตลาดต้องการ หรือพิการ ราคาก็จะต่ำลงมาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
“เราเป็นเกษตรกร การที่เราจะได้ปลากะพง รูปทรงดี ได้ราคาที่ดีเวลาขาย หลักของการเลี้ยงปลากะพงเลย คือลูกปลาต้องดี ต้องฝึกกินอาหารเม็ดมาแล้ว ต่อมาก็จะเป็นเรื่องของคุณภาพอาหาร ต้องดีมีคุณภาพ ไม่แพงแต่มีคุณภาพเลี้ยงแล้วปลาโตดี หรือแพงหน่อย แต่ผลตอบแทนเราดี ก็ต้องเลือกให้ดี” คุณสุทธิ กล่าว พร้อมแนะนำในช่วงท้ายเสริมว่า
“การจะทำอะไรให้ประสบผลสำเร็จ ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญ โดยผู้ที่เลี้ยงทั้งหมดต้องร่วมมือกัน เพราะราคาปลาก็มีขึ้นมีลง ส่วนการเลี้ยงถ้าจัดการดีๆ เราก็จะได้กำไร มันก็มีช่วงน้อยที่จะขาดทุน ใครสนใจก็ลองมาศึกษาดูได้ ถ้าจะทำเป็นอาชีพ” คุณสุทธิ กล่าว
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุทธิ มะหะเลา ที่หมายเลขโทรศัพท์ (089) 244-1344, (089) 894-3709