ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 25 ก.พ. 2560 05:45
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/866746

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 ก.พ.) ศาลจังหวัดพัทยาได้ไต่สวนฉุกเฉิน กรณีบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี ให้กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะโครงการรถเมล์เอ็นจีวีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้เป็นโจทก์ฟ้องกรมศุลกากรกับพวกว่า ร่วมกันจงใจกระทำละเมิดหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง กล่าวหาว่า โจทก์แสดงถิ่นกำเนิดอันเป็นเท็จโดยยึดหน่วงรถยนต์โดยสารเอ็นจีวีที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซียจำนวน 99 คัน
ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งว่า คำฟ้องโจทก์มีเหตุผลเพียงพอและพฤติการณ์ที่จำเลยยึดหน่วงรถโดยสารไว้ ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานอย่างเพียงพอว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด (Form D) เป็นเท็จหรือไม่ หรือมีเหตุอื่นหรือไม่และให้โจทก์วางค่าปรับนอกเหนือจากเงินประกันค่าภาษีอัตราร้อยละ 40 โดยไม่เป็นไปตามประมวลระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร พ.ศ. 2556 เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากร สำหรับของมีถิ่นกำเนิดจากอาเซียนทำให้โจทก์เสียหาย จึงมีเหตุที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา พร้อมมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันปล่อยรถยนต์โดยสารตามหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด และโจทก์ต้องวางเงินประกันภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ 40 ของมูลค่ารถยนต์แต่ละคัน และไม่ต้องชำระค่าปรับตามประมวลระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร พ.ศ.2556 และให้จำเลยร่วมกันออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถยนต์แต่ละคัน
ทั้งนี้ บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ได้ออกเอกสารเผยแพร่ระบุว่า นายชนิด ศุทธยาลัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี ได้เป็นโจทก์ฟ้องกรมศุลกากรกับพวกประกอบด้วยนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร, นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร, นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง, นายธีระชาติ อินทริง และนายวิฑูรย์ อาจารียวุฒิ ประธานและกรรมการตรวจปล่อยรถยนต์ใหม่ที่นำเข้า โดยโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ว่าร่วมกันจงใจกระทำละเมิดหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง กล่าวหาว่าโจทก์แสดงถิ่นกำเนิดอันเป็นเท็จโดยยึดหน่วงรถยนต์โดยสารเอ็นจีวีที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซียจำนวน 99 คัน
ขณะที่ในเอกสารยังระบุอีกว่า ความจริงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดออกโดยหน่วยงานราชการประเทศมาเลเซีย โดยไม่มีพยานหลักฐานใดๆ อันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2496 และประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ.2556 ข้อ 4, 03, 06, 05 เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากร สำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน (ATIGA)
อย่างไรก็ตาม จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทราบดีว่าเอกสารดังกล่าวมิได้เป็นเท็จ อันเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งบุคคลเช่นจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 พึงจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์เช่นนั้น กล่าวคือร่วมกันจงใจกระทำละเมิดอย่างร้ายแรงกล่าวหาโจทก์โดยไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ซึ่งเป็นเพียงข้อสงสัยของจำเลยที่ว่า หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (FORM D) อันเป็นเท็จเท่านั้น อีกทั้งสินค้าที่โจทก์นำเข้าก็ไม่อยู่ในข้อกำหนดของหลักเกณฑ์ในความผิดฐานสำแดงเท็จตามพระราชบัญญัติห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พ.ศ.2481 มาตรา 5 เนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา เฉพาะที่เกี่ยวกับของหัตถกรรมเท่านั้น ไม่ใช่สินค้ารถยนต์โดยสารที่โจทก์นำเข้าแต่อย่างใด
บริษัทระบุว่า นอกจากฝ่าฝืนต่อกฎหมายและระเบียบดังกล่าวแล้ว ยังทำให้โจทก์ส่งมอบรถยนต์โดยสารดังกล่าวให้แก่บริษัท เบสท์ริน และ ขสมก.ไม่ทันตามกำหนดเวลาตามสัญญาอีกด้วย โจทก์ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการนำเข้าโดยถูกต้อง จำเลยทั้งหกจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์โดยสารปรับอากาศเอ็นจีวีดังกล่าวและก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้มีหนังสือโต้แย้งการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 แล้ว แต่จำเลยทั้งหกไม่ยอมส่งมอบรถยนต์โดยสารเอ็นจีวีให้แก่โจทก์และพยายามจงใจให้โจทก์ชำระค่าปรับในอัตราสองเท่านอกเหนือจากค่าภาษีอัตราปกติอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. 2556 เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน และพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 และหน่วงเหนี่ยวถ่วง
เวลาเพื่อมิให้โจทก์ได้รับรถยนต์โดยสารเอ็นจีวี
ด้านนายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ได้รับทราบข่าวกรณีศาลให้ความคุ้มครองฉุกเฉินบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า แล้ว แต่จะต้องรอให้เบสท์ริน ส่งหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการก่อน จากนั้น ขสมก.จะนำคำสั่งศาลดังกล่าวไปหารือร่วมกับอนุกรรมการกฎหมายของ ขสมก. และนำเสนอเข้าหารือใบอร์ด ขสมก. เพื่อหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปให้สอดคล้องกับคำสั่งศาล “ขสมก.อาจจำเป็นต้องพิจารณาข้อเสนอของเบสท์ริน โดยเฉพาะเรื่องการขอขยายระยะเวลาส่งมอบ เพราะกรณีที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองก็เท่ากับว่ามีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ทำให้เบสท์รินส่งมอบรถไม่ได้” นายสุระชัย กล่าว.