ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 28 ก.พ. 2560 05:30
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/869337

นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดเหตุการณ์รถยนต์ปิกอัพมือสองขาดตลาด เนื่องจากเต็นท์รถได้กว้านซื้อเก็บเข้าสต๊อกเพื่อรอจำหน่าย รองรับความต้องการซื้อรถยนต์ของกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่างฟื้นตัว เป็นผลจากราคาพืชผลทางการเกษตรทยอยปรับตัวดีขึ้น และผลจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ที่มีความคืบหน้า เอกชนก็ได้ลงทุนตามไปด้วย รวมทั้งมีการซื้อรถปิกอัพเพื่อขนส่งสินค้า ส่งผลให้ธุรกิจเต็นท์รถมือสองที่ปิดกิจการจำนวนมาก หลังได้รับจากผลกระทบโครงการรถยนต์คันแรก ล่าสุดกลับมาเปิดให้บริการเป็นปกติ โดยเฉพาะเต็นท์รถยนต์ขนาดกลางที่มีรถยนต์มือสองในสต๊อก 15-20 คัน ที่กลับมาเปิดใหม่ เพื่อรองรับตลาดรถยนต์ที่กลับสู่ภาวะปกติ และผู้ประกอบการเต็นท์รถยนต์มือสองก็ปรับกลยุทธ์การตลาดด้วยการขายผ่านตลาดออนไลน์มากขึ้น
“การฟื้นตัวของรถปิกอัพมือสอง ทำให้ปีนี้ยอดขายรถปิกอัพป้ายแดงก็จะเติบโตได้ดีมากเฉลี่ย 4-5% ขณะที่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะเติบโต 2-3% ส่งผลให้ตลาดรถยนต์รวมเติบโต 3-5% จะมียอดขาย 800,000 คัน และมียอดปล่อยสินเชื่อรถใหม่ 300,000-350,000 ล้านบาท ยอดปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสอง 150,000-200,000 ล้านบาท”
นอกจากนี้ ในปัจจุบันดอกเบี้ยของตลาดเช่าซื้อรถยนต์อยู่ในระดับที่ต่ำ โดยดอกเบี้ยรถยนต์ป้ายแดงอยู่ที่ 2.65% ต่อปี รถยนต์มือสองอยู่ที่ 3.75% ต่อปี ทำให้กลุ่มคนที่ปกติใช้เงินสดซื้อรถยนต์ใหม่เปลี่ยนมาเลือกการผ่อนชำระ และนำเงินสดไปใช้ในการลงทุน ส่งผลให้สัดส่วนการซื้อรถยนต์แบบผ่อนชำระ เพิ่มขึ้นจาก 80% เป็น 85% ของยอดขายรถยนต์ ส่วนการซื้อรถยนต์ด้วยเงินสดปรับลดลงจาก 20% เหลือ 15% ของยอดขาย ขณะที่การบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อรถยนต์ปีที่แล้ว ผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อทำได้ดีมาก เอ็นพีแอลปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.5-2.6% ของสินเชื่อรวม.