ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 28 ก.พ. 2560 07:25
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/869285

ทีมงาน ‘ไทยรัฐออนไลน์’ มีโอกาสได้พบปะผู้บริหารและผู้คร่ำหวอดในแวดวงกองทุนรวม อย่าง วศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ซึ่งได้ผนึกแนวคิดและออกแบบการลงทุนในกองทุนรวม ให้นักลงทุนได้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
วศิน กล่าวว่า ถ้าเรานับกองทุนรวมทั้งอุตสาหกรรม จะพบว่า มีกองทุนรวมประมาณ 1,500 กองทุน ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีกองทุนแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ (General Fixed Income Fund) กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) กองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund) กองทุนรวมต่างประเทศ (Foreign Investment Fund) กองทุนรวมหน่วยลงทุน (Fund of Funds) เป็นต้น

วศิน วณิชย์วรนันต์
ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุนรวมถือว่าเป็นภาระของนักลงทุนค่อนข้างมาก เนื่องจากนักลงทุนต้องมีความรู้ และต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน ในขณะที่บางกองทุนเองก็มีนโยบายการลงทุนที่ซับซ้อน ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้เอง ทำให้เรามองเห็น 2 สิ่งที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมกองทุนรวม คือ
1. เมื่อมีภาระมากทำให้ผู้ลงทุนไม่กล้าไปลงทุน ปฏิเสธการลงทุน หรือ ปฏิเสธการเรียนรู้ ทำให้ผู้ลงทุนเสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เขารับได้ ทั้งๆ ที่รับความเสี่ยงได้มาก ยกตัวอย่างเช่น เห็นการลงทุนดูซับซ้อนและวุ่นวาย ก็เลือกที่จะไม่ลงทุนอะไรเลย เป็นต้น
2. กลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ แต่รูปแบบผลตอบแทนไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ตนคาดหวัง

โดย 2 กลุ่มที่กล่าวมานั้น ถือว่าเป็นโจทย์สำคัญของเรา เราก็มองว่าจะทำอย่างไรที่จะลดภาระที่เกิดกับนักลงทุนได้ หรือ หาเครื่องมือง่ายๆ ที่ให้ผู้ลงทุนเอารูปแบบผลตอบแทนที่คาดหวังไปสะท้อน หรือ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการลงทุน และความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ เราจึงออกแบบ Fund Navigator ขึ้นมาเพื่อช่วยให้การลงทุนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายการลงทุนดังนี้
1. กลุ่ม Liquidity กลุ่มที่ต้องการสภาพคล่องสูง หรือ ซื้อง่าย ขายคล่อง ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้นๆ
2. กลุ่ม Stability กลุ่มที่ต้องการสร้างความมั่นคง หรือ สร้างฐาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนยาวขึ้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น จากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทตารสารหนี้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี
3. กลุ่ม Income กลุ่มสร้างความสม่ำเสมอของรายได้ เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้ และรับความผันผวนได้ต่ำ
4. กลุ่ม Growth มุ่งสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว และสามารถรับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้ในระยะสั้น
5. กลุ่ม Opportunity เหมาะกับผู้ที่ต้องการแสวงหาโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับสภาพตลาด

“ยกตัวอย่างง่ายๆ หากเราอยู่ในวัยเริ่มทำงาน เพิ่งเริ่มทุกอย่าง สิ่งแรกที่ควรจะมีคือการสร้างสภาพคล่อง ซึ่งอยู่ในช่วงการสร้างรากฐานของชีวิต การลงทุนก็จะเป็นกลุ่ม Liquidity และกลุ่ม Stability เมื่อสร้างสภาพคล่องเพียงพอแล้ว มีฐานรากที่ใช้ได้แล้ว โดยระหว่างทางอาจจะมีการใช้กลุ่ม Opportunity บ้าง เมื่อรากฐานแน่นแล้ว มีครอบครัว มีบ้าน มีทรัพย์สินที่ควรจะเป็น ก็อาจจะขยับการลงทุนมาที่ Income และ Growth เพื่อสร้างความมั่งคั่ง และรองรับเกษียณในอนาคตนั้นเอง”
วศิน อธิบายต่อว่า เมื่อเราได้วัถตุประสงค์ของการลงทุนแล้ว ก็สามารถเลือกจาก Fund Navigator ว่าจะลงทุนในแบบใด หลังจากนั้นตัวโปรแกรมก็จะแนะนำกองทุนที่เหมาะสมของแต่ละบุคคลมาให้เลือกลงทุน โดยเราก็ได้ดีไซน์คำแนะนำว่า กองทุนไหนที่เป็นเรือธง (Flagship) ของเรา หรือกองทุนไหนเป็นกองเด่นประจำเดือนนั่นเอง

สำหรับเครื่องมือที่เราได้ออกแบบไว้ ไม่ว่าจะเป็น Fund Navigator การลงทุนตามวัตถุประสงค์ My Port Simulator การจำลองพอร์ตการลงทุน หรือ Retirement Plan การคำนวณแผนเกษียณอายุ ที่เราได้ทำไว้นั้น นักลงทุนหรือประชาชนทั่วไปที่สนใจการลงทุน สามารถเข้าไปทดลองศึกษาผ่านเว็บไซต์ของ บลจ.กสิกรไทย ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ เราเชื่อว่าเครื่องมือทั้งหมดจะช่วยให้ทุกคนเข้าใกล้ และเข้าใจการลงทุนได้ง่ายขึ้น โดยเร็วๆ นี้เรามีแผนเปิดตัว K-My PVD แอพพลิเคชั่นสำหรับลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ K-Mutual Fund แอปพลิเคชั่นสำหรับลูกค้ากองทุนรวมอีกด้วย