ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05068151159&srcday=2016-11-15&search=no
| วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 29 ฉบับที่ 635 |
สมุนไพร อภัยภูเบศร
คำถามที่พบบ่อย ในการใช้สมุนไพรดูแลสุขภาพ (ตอนจบ)
มาถึงตอนท้ายของหัวข้อ คำถามที่พบบ่อยในการใช้สมุนไพรดูแลสุขภาพ ข้อแนะนำในการใช้สมุนไพรดูแลสุขภาพที่ผ่านมา (1-6 โรค) น่าจะเกิดประโยชน์กับผู้นำไปใช้ได้บ้าง หลังจากนี้จะมีคำถามที่พบบ่อยในการใช้สมุนไพรดูแลสุขภาพชุดต่อไปมานำเสนออีก
7. นอนไม่หลับ
แนะนำให้รับประทานสมุนไพรที่มีผลช่วยผ่อนคลาย ลดความเครียด อย่าง บัวบก คั้นน้ำสดจากใบบัวบก ดื่มวันละ 1 แก้ว มื้อใดก็ได้ หรือรับประทานบัวบก วันละ 2 เม็ด มื้อใดก็ได้ หรือ ดีบัว 2 แคปซูล ก่อนนอน และยาหอมสูตรนวโกฐ ช่วยนอนหลับ ผ่อนคลายอารมณ์ ในรายงานการวิจัยพบว่า ยาหอมนวโกฐ ทำให้หลอดเลือดเล็กที่ไปเลี้ยงสมองขยายตัว และปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเพิ่มขึ้น โดยรับประทาน 1 ช้อนชา ละลายน้ำสุก ค่อยๆ จิบขณะอุ่นๆ สามารถรับประทานได้ วันละ 2-4 ครั้ง (เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน)
8. ท้องผูก
กรณีท้องผูกเรื้อรัง แนะนำให้ดื่มยาต้มตรีผลา ประกอบด้วย สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม ปรับสมดุลลำไส้ วันละ 1 แก้ว ก่อนนอน สามารถดื่มได้ต่อเนื่องทุกวัน ตรีผลาเป็นสมุนไพร รู้ปิดรู้เปิด มีฤทธิ์ระบายและหยุดได้ถ่ายเอง จากสมดุลความเปรี้ยว ฝาด ในตัวตำรับยา และยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีกมากมาย เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ล้างพิษในเลือดและตับ (detoxifying actions) ลดไขมันในเลือด ต้านความชรา ชะลอความเสื่อมของตา หรือหากท้องผูกมาก อาจต้องใช้ตำรับยาล้างลำไส้ กรณีท้องผูกเป็นครั้งคราว ยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ระบาย ฤทธิ์ระบายเรียงจากน้อยไปมาก ดังนี้ ยาระบายน้ำฝักคูน ไม่ทำให้ไซ้ท้อง เหมาะกับเด็กและคนแก่ ยาเม็ดแคปซูลมะขามแขก ชาชงชุมเห็ดเทศ อย่างไรก็ตาม การปรับพฤติกรรม ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น เช่น รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง พวกผักต่างๆ มากขึ้น (แอปเปิ้ล กล้วย ลูกพรุน กระเจี๊ยบเขียว มะละกอสุก) ลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง ดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 6-8 แก้ว ออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ หรือรับประทานโยเกิร์ตบีบน้ำมะนาว 1 ลูก ตอนตื่นนอนทุกวัน
9. โรคริดสีดวงทวารหนัก
แนะนำให้รับประทานเพชรสังฆาต โดยรับประทาน ครั้งละ 3 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น หากขนาดที่แนะนำรับประทานแล้วระบายมากเกิน ให้ลดขนาดการรับประทานลงมาค่ะ เนื่องจากมีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ สามารถรับประทานได้จนกว่าอาการจะดีขึ้น ส่วนใหญ่รับประทานต่อเนื่อง อย่างน้อย 1 เดือน สำหรับการรักษาริดสีดวงทวาร และควรดูแลรักษาสุขภาพ ไม่ควรปล่อยให้ท้องผูก หรือเบ่งอุจจาระ เนื่องจากอาจทำให้อาการ หรือโรคริดสีดวงทวารหนักกำเริบได้ เช่น รับประทานผักเยอะๆ ดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 6-8 แก้ว ออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ โดยมีงานวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของเพชรสังฆาตในการรักษาริดสีดวงทวารหนัก ไม่ต่างกับยารักษาแผนปัจจุบัน (Daflon) แต่ราคาถูกกว่า และยังให้ผลดีในริดสีดวงที่มีการปวดและอักเสบ เพราะเพชรสังฆาตสามารถลดอักเสบ ลดปวดได้ และยังทำให้หลอดเลือดแข็งแรง จากสารฟลาโวนอยด์ที่พบในเพชรสังฆาต ปัจจุบัน ใช้เป็นยารักษาหลักในผู้ป่วยริดสีดวงทวารหนักที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพชรสังฆาตของอภัยภูเบศร มีความแรง 400 มิลลิกรัม ประกอบด้วย ผงเพชรสังฆาต 250 มิลลิกรัม และตัวยาอื่นๆ 120 มิลลิกรัม บรรจุ 70 แคปซูล/กระปุก 140 บาท
10. โรคกระเพาะ โรคกรดไหลย้อน
แนะนำรับประทานขมิ้นชัน ครั้งละ 2 เม็ด หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ขมิ้นชันมีสรรพคุณบรรเทาอาการแน่น จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย (Helicobacter pylori) ที่เป็นสาเหตุของแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี และเอนไซม์ต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระเพาะอาหาร ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ได้จากหลายสาเหตุ เช่น จากความเครียด แอลกอฮอล์ ยาแก้ปวด นอกเหนือจากนี้ ขมิ้นชันยังถูกนำมาใช้ในการป้องกันมะเร็ง และเป็นสมุนไพรทางเลือกในการรักษามะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร (ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้) ซึ่งมีการศึกษาในหนูทดลอง และในเซลล์มะเร็งของมนุษย์ในหลอดทดลอง พบว่า ขมิ้นชันสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
และหากมีภาวะกรดไหลย้อน แนะนำให้รับประทานยอ เพราะยอช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดอาหาร ทำให้หูรูดหลอดอาหารแข็งแรงขึ้น และทำให้อาหารเคลื่อนจากกระเพาะไปสู่ลำไส้เล็กได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันหลอดอาหารอักเสบจากกรดไหลย้อน ช่วยย่อยอาหาร ขับลม และยังช่วยเร่งการสมานแผลของกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบของกระเพราะอาหาร ลดการหลั่งกรดได้ดีเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน (ยารานิทิดีน และยาแลนโซพราโซล) สำหรับการรับประทานยอเพื่อรักษากรดไหลย้อน สามารถดื่มเป็นน้ำลูกยอ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือรับประทาน 1-2 แคปซูล ก่อนอาหาร 15-30 นาที วันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น
โดยทั่วไปโรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน จะใช้เวลารับประทานยารักษา ประมาณ 4-6 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยต้องรับประทานยาให้สม่ำเสมอ ที่สำคัญคือ การปรับพฤติกรรมหลีกเลี่ยงสาเหตุต่างๆ ที่อาจทำให้โรคกำเริบ เช่น ลดการรับประทานอาหารรสจัด ลดการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และกาเฟอีน รับประทานอาหารให้เป็นเวลา ไม่ซื้อยาแก้ปวดรับประทานเองโดยไม่จำเป็น หากสูบบุหรี่ ควรงดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้อัตราการเป็นแผลกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น แผลหายช้า เป็นใหม่ได้ง่าย ทำให้การตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาได้ผลไม่ดี
กรณีกรดไหลย้อน มีข้อแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานอาหารอิ่มเกินไป ไม่นอน หรือเอนตัวทันทีหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ควรเดินเล่น นั่งเล่น ประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนค่อยนอน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สหรือการหลั่งของกรดมากขึ้น เช่น น้ำอัดลม กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง แอลกอฮอล์ หัวหอม กระเทียม ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ น้ำองุ่น น้ำผลไม้เปรี้ยว ผลไม้เปรี้ยว ช็อกโกแลต สะระแหน่ หรืออาหารเผ็ดจัด เป็นต้น
นอกจากนี้ อาหารย่อยยาก เช่น อาหารทอด อาหารมัน และยาบางชนิด จะทำให้กระเพาะอาหารเคลื่อนที่ช้าลง โอกาสเกิดกรดไหลย้อนก็มากขึ้น การดูแลตัวเอง ควรลด ละ ปัจจัยเสริมทั้งหมดที่กล่าวไว้ เพื่อลดการกำเริบของโรค