ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ข่าวประชาสัมพันธ์ 1 พ.ค. 2560 21:15
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/928297

นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2512 เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าของประเทศ จากกำลังผลิตติดตั้ง 907 เมกะวัตต์ เมื่อแรกก่อตั้ง ปัจจุบัน กฟผ.มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 16,385 เมกะวัตต์ คิดเป็น 39.43% ของระบบผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศที่ 41,556.25 เมกะวัตต์ ซึ่งตลอด 48 ปีที่ผ่านมา กฟผ.มุ่งผลิตไฟฟ้าเพื่อความสุขของคนไทย ตามรอยพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย ในปี 2559 ต่อเนื่องถึงปี 2560
ทั้งนี้ กฟผ. จึงได้ดำเนินโครงการ “กฟผ. น้อมสืบสานปณิธานงานของพ่อ ชวนชาวไทยร่วมสานต่อ 9 พระราชปณิธานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
สำหรับก้าวต่อไปของ กฟผ. ว่าจะมุ่งสู่ Energy 4.0 นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาระบบไฟฟ้า ได้แก่ การพัฒนาเครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) นำร่องที่ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ผู้ผลิตและผู้ใช้พลังงานสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันผ่านระบบสารสนเทศ การพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Energy Storage)
ส่วน CSR after Process หรือการดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสังคม กฟผ. มีการสร้างชุมชนต้นแบบชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน 32 แห่งทั่วประเทศ การปลูกป่า กฟผ. ซึ่งปลูกแล้วถึง 4.6 แสนไร่ การรณรงค์ประหยัดพลังงานที่นอกจากผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 ปีนี้ จะมีการพัฒนาเสื้อเบอร์ 5 ที่ไม่จำเป็นต้องรีด ร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ทำให้ลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ ส่วนการส่งเสริมกีฬา เช่น กีฬายกน้ำหนัก ในปี 2560 – 2563 ได้เพิ่มการสนับสนุนสมาคมยกน้ำหนักฯ จากปีละ 16 ล้านบาท เป็น 20 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมนักกีฬาไทยคว้าชัยโอลิมปิก ตลอดจนก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มีเสถียรภาพ และการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตไฟฟ้าได้ บางช่วงเวลาให้พึ่งพาได้ตลอดเวลา โดยจับคู่แหล่งผลิตตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปในรูปแบบที่เรียกว่า Hybrid เช่น โรงไฟฟ้า พลังน้ำแบบสูบกลับและกังหันลมผลิตไฟฟ้าที่ลำตะคอง จ.นครราชสีมา รวมถึงมีการเตรียมรองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดยพัฒนารถต้นแบบและสถานีชาร์จไฟฟ้า ตลอดจนเตรียมพัฒนาพื้นที่สำนักงานใหญ่ กฟผ. จ.นนทบุรี ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) บนพื้นที่ 300 ไร่ เพื่อเป็นต้นแบบการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรศิษฏ์ กล่าวอีกว่า จึงเห็นได้ว่า กฟผ. เป็นส่วนหนึ่งในขับเคลื่อนพลังงานหมุนเวียนให้บรรลุตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2558-2579 (AEDP 2015) พร้อมทั้งวิจัยพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน กฟผ. ได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบต่อสังคมตามมาตรฐานสากล ISO 26000
ขณะเดียวกัน ในเรื่อง CSR in Process หรือ CSR ในกระบวนการทำงาน เช่น การผลิตไฟฟ้าด้วยคุณภาพมาตรฐานสากล (ISO / CSR-DIW) สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสนธิสัญญา COP 21 ที่ กฟผ. ร่วมรับผิดชอบเป้าหมายของประเทศ โดย กฟผ. มีเป้าหมายชัดเจนที่จะลดให้ได้ 4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2563 และ 8 ล้านตันฯ ในปี 2568 และ 12 ล้านตันฯ ในปี 2573
นอกจากนี้ ในปี 2560 กฟผ. ได้เปิดรับคนพิการเป็นพนักงาน 20 อัตรา รวมทั้งการจ้างงานอัตราท้องถิ่นด้วย ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. 8 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งได้เปิดให้บริการแล้ว 3 แห่ง และเตรียมจะเปิดเพิ่มในปี 2560 ที่ กฟผ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ กฟผ.สำนักงานกลาง จ.นนทบุรี
“48 ปีที่ผ่านมา กฟผ. ได้สร้างสมความเชี่ยวชาญ บุคลากร และเทคโนโลยี เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามั่นคง สนับสนุนการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย ตามรอยพระราชปณิธานของรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ทรงเป็นต้นแบบความหมั่นเพียร เรียนรู้อย่างเป็นระบบ ยึดถือส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ซึ่งในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ภาพยนตร์โฆษณา กฟผ.ชุดใหม่ที่มีชื่อว่า “แสงไฟที่ไม่มีวันดับ” จะออกสู่สายตาประชาชน แสดงถึงความยึดมั่นดำเนินงานตามพระราชปณิธานเพื่อประโยชน์สุขที่ยั่งยืนของคนไทยสืบไป”
ทั้งนี้ กฟผ. ได้รับรางวัลต่างๆ อาทิ รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ปี 2559 รางวัล Thailand Energy Awards 2016 รางวัล EIA Monitoring Awards 2016 ซึ่ง 9 โครงการของ กฟผ. ได้รับรางวัลจากการจัดการสภาพแวดล้อมดีเด่น และเหมืองแม่เมาะได้รับรางวัล Green Mining Awards 2016 รวมถึง 30 หน่วยงาน กฟผ. ได้รับรางวัลสถานประกอบการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย ปี 2559 ทางด้านการวิจัย.