“พาณิชย์” ไม่ทันเล่ห์พ่อค้า!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 8 พ.ค. 2560 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/934382


ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคบางราย ยังใช้วิธีการรูปแบบเดิมๆในการขึ้นราคาสินค้าทางอ้อม ด้วยการลดปริมาณบรรจุและลดขนาดบรรจุภัณฑ์ลง เพื่อให้ต้นทุนสินค้าลดลง แต่ยังคงจำหน่ายในราคาเท่าเดิมตามที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือ ซึ่งการดำเนินการลักษณะนี้ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค เพราะแม้จะซื้อสินค้าได้ในราคาเท่าเดิม แต่ปริมาณสินค้ากลับลดลงทำให้สินค้าหมดลงเร็ว และต้องซื้อใหม่เร็วขึ้นส่งผลให้ภาระค่าครองชีพสูงขึ้น ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ได้ยืนยันมาตลอดว่าผู้ผลิตสินค้ายังไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้า และค่าครองชีพไม่ได้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ในบัญชีติดตามดูแลทั้ง 205 รายการ ซึ่งครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสารบรรจุถุง ไก่สด ไข่ไก่ เนื้อโค สุกรชำแหละ นมผง นมสด น้ำตาลทราย น้ำมันพืช สบู่ ผงซักฟอก ยาสีฟัน แชมพูสระผม ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง สังกะสี เป็นต้น

จากการตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในท้องตลาด ห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ พบว่า มีสินค้าหลายรายการที่ใช้วิธีลดปริมาณและปรับลดขนาดบรรจุภัณฑ์ลง เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำ “บรีส เอกเซล” ช่วงก่อนหน้านี้มีขนาด 800 มิลลิกรัม (มก.) จำหน่ายถุงละ 79 บาท แต่ขณะนี้ได้ปรับลดลงมาเหลือ 750 มก. แต่จำหน่ายถุงละ 79 บาทเท่าเดิม ยกเว้นบางช่วงที่มีการจัดโปรโมชั่นซื้อ 2 แถม 1 ราคาจะถูกลงกว่านี้ ส่วนสินค้าอื่นๆ ที่ปรับลดขนาดบรรจุภัณฑ์ที่ตรวจพบ เช่น ครีมอาบน้ำ Protex ปรับลดขนาดจากเดิม 500 มก. มาที่ 450 มก. โดยจำหน่ายขวดละ 165 บาทเท่ากัน นอกจากนี้ ยังมีสบู่ ทั้งแบบก้อนและแบบน้ำ, แชมพูสระผม, ผงซักฟอกทั้งแบบผงและน้ำ, น้ำยาปรับผ้านุ่ม, น้ำยาล้างห้องน้ำ, ผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น โดยสินค้าเหล่านี้หากแต่เดิมมีขนาด 1,000 มก.จะปรับลดเหลือ 900 มก. และขนาด 500 มก.ก็จะลดเหลือ 450 มก. และบางสินค้าลดขนาดมากกว่านี้

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายในได้หารือร่วมกับผู้ผลิตว่า จะกำหนดปริมาณและขนาดบรรจุสินค้าชนิดเดียวกันให้มีมาตรฐานเหมือนกันได้หรือไม่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะผู้ผลิตอ้างว่าเป็นการค้าเสรี ต้องปล่อยให้แข่งขันเสรีในการกำหนดปริมาณ และขนาดบรรจุเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคที่แต่ละรายมีความต้องการซื้อสินค้าแตกต่างกัน แต่ก็มีการเสนอทางออกว่า ก่อนที่จะปรับลดปริมาณหรือขนาดบรรจุให้แจ้งขออนุญาตก่อนว่ามีเหตุผลอะไร ต้นทุนเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ แต่ในที่สุดยังไม่มีมาตรการใดๆออกมา.

 

Leave a comment