ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 9 พ.ค. 2560 05:40
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/935463

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ของสหรัฐฯได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ (ไอทีซี) โดยขอให้เปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) กับสินค้าโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากต่างประเทศทุกประเทศ เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในของสหรัฐฯได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งไอทีซีอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และพิจารณาว่าจะเปิดไต่สวน เพื่อใช้มาตรการเซฟการ์ดกับแผงโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากต่างประเทศหรือไม่
“เท่าที่ได้รับรายงาน ไอทีซีได้รับเรื่องร้องเรียนจากบริษัทภายในสหรัฐฯที่ล้มละลาย จากการถูกโซลาร์เซลล์จากต่างประเทศเข้ามาในตลาดสหรัฐฯจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้เปิดไต่ส่วน ต้องรอการพิจารณาจากไอทีซีก่อน หากมีการไต่สวนและใช้มาตรการเซฟการ์ดจริง จะกระทบกับการส่งออกของไทย เพราะไทยส่งออกสินค้านี้ไปสหรัฐฯหลายเดือนก่อนเพิ่มขึ้นถึง 300% เนื่องจากมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนผลิตและส่งออกไปสหรัฐฯ” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
สำหรับสถิติการส่งออกสินค้าโซลาร์เซลล์ (พิกัด HS 854140 และ HS 854150) ของไทยไปตลาดสหรัฐฯเมื่อปี 59 พบว่า ไทยส่งออกมูลค่า 465 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 700% เทียบกับการส่งออกในปี 58
ด้านนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การร้องเรียนให้ใช้มาตรการเซฟการ์ดกับแผงโซลาร์เซลล์ เป็นไปตามมาตรา 201 กฎหมายการค้าสหรัฐฯ ที่ให้อำนาจประธานาธิบดีใช้มาตรการปกป้องเป็นการชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเสียหายร้ายแรงจากการนำเข้าสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งที่เพิ่มมากขึ้นจนก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในสหรัฐฯ อาจจะด้วยวิธีการการขึ้นภาษีนำเข้า จำกัดปริมาณนำเข้า หรือกำหนดโควตาภาษี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หากมีการเปิดไต่สวนสินค้าโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากต่างประเทศจริง ไอทีซี จะต้องดำเนินการไต่สวนให้เสร็จภายใน 150 วันนับตั้งแต่วันที่เปิดไต่สวน และหากผลสรุปว่ามีการใช้มาตรการเซฟการ์ดจริง จะต้องใช้กับทุกประเทศที่ส่งออกสินค้าโซลาร์เซลล์ไปสหรัฐฯ คาดว่าสินค้าจากไทยจะได้รับผลกระทบเล็กน้อย เพราะไม่ใช่ประเทศหลักที่ส่งออกสินค้าโซลาร์เซลล์ไปตลาดสหรัฐฯ โดยประเทศผู้ส่งออกหลักคือ จีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.60 สหรัฐฯได้ประกาศใช้มาตรา 232 ตามกฎหมายการค้า ที่ให้อำนาจกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเปิดการไต่ส่วนสินค้าเหล็ก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการต่อเรือ และอะลูมิเนียม ที่นำเข้าจากทุกประเทศ เพราะเห็นว่าเป็นการนำเข้าสินค้าที่อาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านี้มีความสำคัญต่อการจ้างงานในสหรัฐฯ หากผลการไต่สวนสรุปว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ และทำให้อุตสาหกรรมภายในของสหรัฐฯได้รับความเสียหาย ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะสามารถพิจารณาลด หรือจำกัดการนำเข้าสินค้าดังกล่าว หรือใช้มาตรการที่เหมาะสมอื่นๆได้ คาดว่ามาตรการที่จะนำมาใช้ คือ มาตรการเซฟการ์ด โดยอาจขึ้นภาษีนำเข้า หรือกำหนดโควตาภาษี
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ของไทยต้องหารือกับภาคเอกชนเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือหากสหรัฐฯใช้มาตรานี้จริงเพราะสินค้าไทยอาจได้รับผลกระทบ ส่วนสินค้าอื่นๆที่มีความเสี่ยงว่าสหรัฐฯอาจประกาศใช้มาตรการกีดกันการค้าอีก เช่น สินค้าที่สหรัฐฯให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แก่ประเทศกำลังพัฒนาจากทั่วโลก โดยในส่วนของไทยสินค้าที่เข้าข่ายอาจถูกตัดสิทธิจีเอสพี เช่น เครื่องเดินทาง และอาหารบางรายการ ที่ไทยได้รับการต่ออายุให้ได้รับสิทธิ และจะสิ้นสุดระยะเวลาสิ้นปี 61.