ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/271381
วันจันทร์ ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560, 10.32 น.
22 พ.ค.60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 16 -22 พ.ค.60 เกิดสถานการณ์อุทกภัยใน 14 จังหวัด รวม 49 อำเภอ 168 ตำบล 963 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,636 ครัวเรือน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์น้ำไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง 4 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย เลย พิจิตร และสุราษฎร์ธานี ในภาพรวมระดับน้ำท่วมลดลง ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว อีกทั้ง ได้ประสานให้จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออก เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้ โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย รวมถึงจัดเตรียมเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่ง โดยตั้งแต่วันที่ 16 – 22 พ.ค.60 มีพื้นที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยใน 14 จังหวัด รวม 49 อำเภอ 168 ตำบล 963 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,636 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์น้ำไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง 4 จังหวัด 21 อำเภอ 103 ตำบล 792 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีสำโรง อ.เมืองสุโขทัย อ.คีรีมาศ อ.ศรีนคร อ.สวรรคโลก อ.ทุ่งเหลี่ยม อ.บ้านด่านลานหอย และอ.กงไกรลาศ รวม 56 ตำบล 405 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 20 หลัง ผู้เสียชีวิต 2 ราย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 17,119 ครัวเรือน 39,654 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 17,655 ไร่ พิจิตร น้ำจากอำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ต.รังนก อ.สามง่าม รวม 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 20 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 3,000 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ เลย น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองเลย อ.วังสะพุง อ.ภูหลวง อ.ภูกระดึง อ.ท่าลี่ อ.นาแห้ว อ.เชียงคาน อ.ผาขาว อ.ปากชม อ.ด่านซ้าย และอ.นาด้วง รวม 44 ตำบล 332 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 2,289 ครัวเรือน 6,417 คน ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี น้ำป่าไหลหลากล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อ.เวียงสระ รวม 2 ตำบล 7 หมู่บ้าน สถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำท่วมลดลงทุกพื้นที่ แต่ยังคงท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยลง ส่วนภาคใต้และภาคตะวันออกยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดภาคใต้และภาคตะวันออก รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตาม สภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และชุดเคลื่อนที่เร็วให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับเพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
