ทหาร-ตำรวจคุมปฏิรูปสีกากี อนาคตส่อวนอยู่ในอ่าง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

06 กรกฎาคม 2560 เวลา 10:23 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/politic/501744

ทหาร-ตำรวจคุมปฏิรูปสีกากี อนาคตส่อวนอยู่ในอ่าง

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

เส้นทางปฏิรูปตำรวจดูมืดมนจนเกินกว่าจะตั้งความหวังกับ 36 คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง โดยวางตัว พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธาน

เริ่มตั้งแต่ตำแหน่งประธานของ พล.อ.บุญสร้าง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลว่า รับหน้าที่นี้เพราะ “ท่านเป็นดอกเตอร์ จบจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกเวสต์พอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ไว้ใจได้ และท่านก็เป็นอาจารย์ของผม ซึ่งผมเชื่อมั่นท่าน”​

แน่นอนว่าสาเหตุที่ไม่แต่งตั้ง “ตำรวจ” มาเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูป ก็เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดจะมีประธาน 1 คนที่ไม่ใช่ตำรวจ มีข้าราชการตามตำแหน่ง 5 คน และมีคณะกรรมการอีก 30 คน โดยแบ่งเป็นข้าราชการตำรวจ 15 คน และไม่ใช่ตำรวจอีก 15 คน ​

ด้านหนึ่ง ด้วยภาพลักษณ์ พล.อ.บุญสร้าง ได้รับการยกย่องว่าเป็นทหารสายวิชาการ เพราะจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกเวสต์พอยต์ สหรัฐอเมริกา และมีประสบการณ์ผ่านตำแหน่งสำคัญอย่าง ผบ.สส. และยังมีความสนิทสนมกับบรรรดาแกนนำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

การมารับหน้าที่ปฏิรูปตำรวจ 3 ด้าน ทั้ง 1.โครงสร้าง สังกัด อำนาจหน้าที่ 2.อำนาจการสอบสวนจะแยกหรือไม่ และ 3.การบริหารงานบุคคล การแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ให้มีการซื้อขายตำแหน่ง ย่อมอาจมีความเหมาะสมระดับหนึ่ง เพราะแม้จะไม่ได้เป็นตำรวจ แต่หลายเรื่องอาจเทียบเคียงจาก​กองทัพได้

แต่อีกด้านหนึ่งจากประวัติการทำงานที่ผ่านมาของ พล.อ.บุญสร้าง ทั้งในตำแหน่งสมัยเมื่อครั้งยังรับราชการเรื่อยมาจนถึงตำแหน่งใน สนช. ยังไม่ปรากฏความโดดเด่นเรื่องการขับเคลื่อนปฏิรูปตำรวจ ที่จะมีน้ำหนักเพียงพอถึงขั้นแต่งตั้งให้มารับหน้าที่สำคัญนี้

“โดยกรรมการแต่ละคนเชี่ยวชาญแต่ละด้าน ถ้าจะเอาตำรวจมาเป็นรัฐธรรมนูญก็ห้ามไว้ ถ้าไม่ใช่ตำรวจมาเป็นก็แพ้ทางตำรวจอีก จึงต้องเอาคนที่ตำรวจแพ้ทาง แต่ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นทหาร แต่บังเอิญเราหาผู้ใหญ่ไม่ได้ เพราะหลายคนที่ดีและดังไม่ขอรับตำแหน่ง เพราะรู้ว่างานเร่งรัด” ​วิษณุ เครืองาม ​อธิบาย

ไม่ต่างจากสัดส่วนคณะกรรมการที่มาจากตำรวจทั้ง 15 คน ที่ไม่เคยออกมาแสดงบทบาท วิสัยทัศน์เรื่องการปฏิรูปอย่างชัดเจน ไล่มาตั้งแต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ อดีตรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.บุญชัย ชื่นสุชน อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร.

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.สุพร พันธุ์เสือ อดีตรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมศักดิ์ แขวงโสภา อดีตผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ ​ พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีต ผช.ผบ.ตร.

โดยรวมสำหรับส่วนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่ใช่ตำรวจ ส่วนหนึ่งมาจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง ​แต่ก็ไม่ได้มีความโดดเด่นหรือจับงานด้านนี้มาตั้งแต่ต้น อาทิ ​ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)​ สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​ เบญจวรรณ สร่างนิทร อดีตเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)

ศุภชัย ยาวะประภาษ นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ​ ธานิศ เกศวพิทักษ์ อดีตรองประธานศาลฎีกา เข็มชัย ชุติวงศ์ รองอัยการสูงสุด ​เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ​อมร วาณิชวิวัฒน์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย​ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

ปัญหาอยู่ที่จากรายชื่อทั้งหมดที่ปรากฏ​กลับไม่มีตัวแทนจากฝั่งคนที่เคยออกมาแสดงความคิดความเห็นเรื่องการปฏิรูปตำรวจ หรือออกมาแฉพฤติกรรมการเรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ มาร่วมนั่งวางกรอบกติกาเพื่อแก้ปัญหา

ทั้ง พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตประธานอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจหน้าที่ และกระบวนการทำงานของตำรวจ เพื่อประโยชน์ประชาชน ในคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช.

รวมทั้ง สังศิต พิริยะรังสรรค์ สปท. ​และวิทยา แก้วภราดัย อดีต สปท. ที่เป็นเรื่องเป็นราวจากการออกมาให้ข้อมูลจนมีสัญญาณขู่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมออกมา​ฟ้องร้อง

ในแง่ความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าปฏิรูปตำรวจ และแก้ปัญหาที่หมักหมมมานานในแวดวงสีกากี จึงยังไม่สะท้อนให้เห็นผ่านรายชื่อกรรมการทั้ง 36 คน กับภารกิจที่จะต้องจัดทำรายละเอียดให้แล้วเสร็จในเวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึง
9 เดือนนับจากนี้

ภารกิจหินอย่างการปฏิรูปตำรวจจึงมีแนวโน้มที่จะพายเรือวนอยู่ในอ่างที่ไร้ทิศทางสู่การแก้ปัญหาที่เห็นผลสัมฤทธิ์

 

Leave a comment