จี้ผู้ตรวจฯส่งศาลรธน.ตีความกม.ป.ป.ช.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/politic/287027

ไทยรักไทย, เรืองไกร, สนช, ฉบับชั่วคราว

“เรืองไกร”ร้องผู้ตรวจฯชงศาลรธน.ตีความกม.ป.ป.ช.แก้ไขปี 50 ขัดรธน.หรือไม่ เหตุองค์ประชุม สนช.วาระ 3 ไม่ครบ

        11ก.ค.60  นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายฑิฆัมพร ยะลา เจ้าหน้าที่สอบสวนผู้ชำนาญการ เพื่อขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องกรณี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และ 2550 ไม่ชอบ ด้วยเหตุแห่งองค์ประชุมไม่ครบตามที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจากเห็นว่า พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และ 2550 เป็นกฎหมายที่ตราโดยองค์ประชุมไม่ถึงกึ่งหนึ่งในวาระ 3

โดยมีหลักฐานเป็นรายงานการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เมื่อวันที่ 14  มี.ค. 2550 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นด้วย 110 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียงทั้งที่ขณะนั้นสนช.ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน มีสมาชิกทั้งหมด 241 คน ดังนั้นการประชุม สนช.จึงจะต้องมีสมาชิกอยู่ในที่ประชุม 121 คน จึงจะเป็นองค์ประชุมแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการลงมติดังกล่าวมีสมาชิกร่วมประชุมเพียง 111 คน รวมประธานในที่ประชุม ซึ่งไม่ถึงจำนวน 121 คน จึงถือว่าไม่ครบองค์ประชุม และไม่อาจถือเป็นมติ สนช.ได้ การประชุมดังกล่าวจึงถือว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) 2549 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง  จึงมีผลให้การตรากฎหมายดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และถือได้ว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นอันตกไปตั้งแต่แรก ตามมาตรา 210 วรรคหนึ่ง(1)ของรัฐธรรมนูญ 2560 ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายดังกล่าว

ทั้งนี้เมื่อกฎหมายดังกล่าวไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ การแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 66 ที่แก้ไขให้ ป.ป.ช.สามารถไต่สวนกรณีมีเหตุอันควรสงสัยได้ จากที่ตามกฎหมายเดิมจะต้องมีผู้เสียหายมากล่าวหาเท่านั้น ดังนั้นการที่ ป.ป.ช.ใช้อำนาจตามมาตรา 66 ของกฎหมายดังกล่าวไปใช้ในการไต่สวนและชี้มูลความผิดนักการเมือง และบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยไม่มีผู้เสียหายมากล่าวหา จึงถือเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายที่มาจากกระบวนการที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และปัจจุบันยังมีผู้ถูกกว่าหาจำนวนมากที่ ป.ป.ช.อาศัยอำนาจจากกฎหมายดังกล่าวชี้มูลความผิด หลายรายถูกตัดสินให้มีความผิดและรับโทษไปแล้ว และมีอีกหลายรายที่กำลังถูกดำเนินคดีอาญาอยู่ในศาล

ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 3 วรรคสอง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้กฎหมายดังกล่าวสิ้นผลไป โดยนายเรืองไกรได้แนบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 2/2551, 3/2551, 4/2551, 8/2551, 16/2551 และ 17/2551 ที่เป็นกรณีใกล้เคียงกัน ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญด้วย

Leave a comment