“ยิ่งลักษณ์”มีสิทธิร้องขอศาลฎีกาฯ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/politic/287923

สสร, พนัส ทัศนียานนท์, ยิ่งลักษณ์, ปปช

 อดีตสสร.40 ยก ม.212  ชี้”ยิ่งลักษณ์”มีสิทธิร้องขอศาลฎีกาฯ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ ม.5 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

         17 ก.ค. 60 นายพนัส ทัศนียานนท์ นักวิชาการด้านกฎหมาย และอดีตสสร. ปี 40 กล่าวถึงกรณีทนายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ กระบวนการพิจารณาคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า จากการศึกษาม.5 ของพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 และบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 50 กำหนดให้การพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ให้ยึดสำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เป็นหลัก และให้ศาลใช้ดุลพินิจในการพิจารณาไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร แต่ขณะที่รัฐธรรมนูญปี 60 ม.235 วรรค 6 กำหนดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลอาจมีการไต่สวนหาพยานหลักฐานข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้ เพราะฉะนั้นหลักของม. 235 เป็นหลักใหม่ ไม่ใช่การให้ใช้ดุลพินิจเหมือนเดิมแล้ว แต่เป็นหลักความยุติธรรม ให้ศาลมีอำนาจไต่สวนเพิ่มเติมได้ ต้องคำนึงต้องไม่ให้เกิดความได้เปรียบ หรือเสียเปรียบกัน
“ด้วยเหตุนี้ บทบัญญัติม.5 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ที่กำหนดให้ใช้ดุลพินิจของศาลในการพิจารณาว่าสมควรมีการไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่ จึงขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติม.235 วรรค 6 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ทั้งในแง่เจตนารมณ์และลายลักษณ์อักษร”นายพนัส กล่าว
ทั้งนี้กรณีคดีโครงการรับจำนำข้าว นอกจากที่ผ่านมามีการรวบรัด สำนวนยังไม่สมบูรณ์แล้ว ยังมีการไปเอาหลักฐานมาเพิ่ม ที่ไม่ได้น้อย ๆ อย่างรายงานผลการตรวจสอบปริมาณ และคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ชุดของม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีเอกสารเป็นหลายพันแผ่น ซึ่งป.ป.ช.ไม่ได้กำหนดให้ทำ และยังเอาคดีอื่น ๆ เข้าไปอีก ซึ่งเป็นการผิดหลักตามที่กฎหมายกำหนดที่ให้ยึดสำนวนป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณาคดี โดยทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ เสียเปรียบ ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอสืบพยายามเพิ่มเติมเ แต่ไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบแน่นอน
นายพนัส กล่าวว่า ตรงนี้จึงถือเป็นสิทธิของคู่ความที่จะร้องขอให้ศาลส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยม.212 ในการที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับคดีใด ถ้าศาลเห็นเองหรือคู่วามโต้แย้งพร้อมให้เหตุผลว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้น ต้องด้วยม.5 และยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัตินั้น ให้ศาลส่งความเห็นเช่นว่านั้นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย โดยระหว่างนั้นให้ศาลดำเนินการพิจารณาต่อไปได้ แต่ให้รอการพิพากษาคดีไว้ชั่วคราวจนกว่ามีคำวินิจฉันของศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตามในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าโต้แย้งของคู่ความตามวรรคหนึ่ง ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาก็ได้ โดยทั้งนี้ไม่ถือเป็นการประวิงเวลา แต่เป็นสิทธิในการต่อสู้คดีในประเด็นที่เขาคิดว่าต่อสู้ได้ แต่หากศาลฯไม่ส่งให้ศาลวินิจฉัย ฝ่ายน.ส.ย่ิงลักษณ์ มีสิทธิร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเองได้

Leave a comment