ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/edu-health/291894
เลือกให้ดี.ก่อนให้คนอื่นเลี้ยง(ลูก)
ปัจจุบันสถานรับเลี้ยงเด็ก เป็นทางเลือกให้กับหลายๆครอบครัวที่ต้องทำงาน พาลูกน้อยไปฝากเลี้ยง แต่เพราะมีมาก หลายพื้นที่ จะเลือกทั้งทีต้องถูกกฎหมาย ได้มาตรฐาน
ครอบครัวที่มีลูกอ่อน ต้องได้รับการดูแลใกล้ชิด พ่อแม่มีความพร้อมก็สามารถเลี้ยงเองได้ แต่ถ้าต้องทำงานกันทั้งคู่ ก็ให้ปู่ย่า ตายายดูแลแทน บ้างก็จ้างคนเลี้ยง หรือพาลูกมาที่ “สถานรับเลี้ยงเด็ก” ที่มีให้มากมาย หลายพื้นที่ ต้องเลือกให้ดีตั้งถูกกฎหมาย ได้มาตรฐานศูนย์เด็กเล็กแห่งชาติ การันตี..
ช่วงแรกของชีวิตเด็กตั้งแต่แรกเกิด 0-6 ปีเป็นเวลาสำคัญ ร่างกายและสมองมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว ต้องได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมใน 4 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย สังคม อารมณ์ และจิตใจ สำหรับแม่ลูกอ่อนที่ต้องทำงานทันทีที่ครบกำหนด 90 วัน ต้องมองหาคนเลี้ยงลูกแทน “สถานรับเลี้ยงเด็ก” เป็นหนึ่งในทางเลือก
พนักงานบัญชีโรงแรมบันยันทรี “กุนทินี รัตนพงศ์วิโรจน์-คุณแม่น้องมิว” พาลูกมาฝากที่ “สถานรับเลี้ยงเด็กบันยันทรี” ตั้งแต่อายุได้ 4 เดือน บอกว่า พอจะต้องกลับมาทำงานหลังคลอดก็คิดดูหลายทางว่าจะให้ใครเลี้ยงน้อง คุณยายก็เลี้ยงไม่ไหวเพราะอายุ 70 ปีแล้ว จะจ้างคนเลี้ยงก็กังวล สุดท้ายตัดสินใจที่สถานรับเลี้ยงเด็กบันยันทรี ตั้งอยู่ในที่ทำงานเป็นสวัสดิการหนึ่งที่โรงแรมจัดเตรียมไว้ให้พนักงานทุกคนที่มีลูกเล็กๆ ซึ่งดีสำหรับแม่ที่ต้องทำงานไปด้วย ทำให้ลูกอยู่ใกล้ตัว
ในทุกวันจันทร์-ศุกร์ ทำงานตั้งแต่เวลา 08.30-18.30 น.จะพาน้องมิวมาส่ง ที่นี่เปิดตั้งแต่เวลา07.00-19.00 น.ทำแบบนี้มาตั้งแต่น้องอายุ 4 เดือนจนเวลานี้ 2 ขวบ 5 เดือน ช่วงที่น้องยังเล็กต้องกินนม ก็มาป้อนนมหรือปั๊มนมในห้องที่จัดไว้ให้เฉพาะ ระหว่างวันก็แวะเวียนมาดูได้ เลิกงานค่ำก็มาแจ้งครูซึ่งก็คือเพื่อนพนักงานด้วยกันทราบ เขาก็ช่วยดูแลลูกให้ก็รู้สึกวางใจ อีกทั้งที่นี่ไม่ใช่แค่ดูแล แต่ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้เด็กได้ฝึกฝน เสริมพัฒนาให้ลูกด้วย เช่น ระบายสี ช่วยเรื่องฝึกกล้ามเนื้อ เรียนรู้การแยกสี
สถานรับเลี้ยงเด็กบันยันทรี เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กในสถานประกอบของเอกชน ได้รับรางวัลสถานรับเลี้ยงเด็กดีเด่นปี 2554 ถูกคัดเลือกเป็น 1 ใน 60 สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนต้นแบบของกทม. จากกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) “ทัณฑิกา เคลือบทอง” ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บอกว่า จากจุดเริ่มต้นที่ผู้บริหารต้องการส่งเสริมสถาบันครอบครัว การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะพนักงานบางคนคลอดบุตรต้องส่งกลับไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัด ตรงนี้ทำให้ขาดความใกล้ชิด ในปี 2551 จึงได้ยื่นจดทะเบียนและได้รับอนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก เป็นสวัสดิการให้แก่พนักงาน จัดสถานที่ มีครูดูแล มุมกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กๆ ตามเกณฑ์ที่กำหนด
“ที่นี่มีครูและเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยรวม 6 คนคอยดูแลเด็กๆแต่ละปีจำนวนเด็กไม่เท่ากัน ตอนนี้ที่ดูแลอยู่ 22 คน แต่ถ้าในช่วงซัมเมอร์ก็จะมีมาเพิ่มแต่จะรับไม่เกิน 35 คน เน้นเด็กเล็กอายุไม่เกิน 6 ปีเสียค่าใช้จ่ายวันละ 50 บาทหรือเดือนละ 1,000 บาทซึ่งพนักงานตอบรับดีมาก ได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกพอไม่ต้องกังวล ก็ทำงานได้เต็มที่”
วิทัศน์ เตชะบุญ
…ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน บางแห่งที่เปิดให้บริการ โดยไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งบางครั้งพ่อแม่ ผู้ปกครองก็ไม่ทันได้ตรวจสอบ หรือไม่รู้ว่าอะไรเป็นจุดสังเกตให้รู้ จะได้ไม่หลงใช้บริการ!!
วิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) อธิบายว่า สถานรับเลี้ยงเด็กเล็กที่ พม.ดูแลมี 2 ลักษณะทั่ว ประเทศมีอยู่ 48,800 แห่ง เป็นของรัฐเรียกว่า “ศูนย์เด็กเล็ก” โรงเรียนอนุบาลสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มากที่สุดกว่า 27,000 แห่ง สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประมาณ 19,000 แห่ง กรุงเทพมหานคร 300 กว่าแห่ง และสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน 1,600 แห่ง
ทั้งนี้ พม.ส่งเสริมให้เอกชนจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กอย่างถูกกฎหมาย โดยออกใบอนุญาต ต่ออายุใบอนุญาต เพิกถอนใบอนุญาตตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ซึ่งจะกำหนดคุณลักษณะ กำหนดคุณสมบัติผู้ขอรับใบอนุญาต,ผู้ดำเนินกิจการ,ผู้เลี้ยงดูเด็ก, รับเลี้ยงเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีขึ้นไป และมีเด็กตั้งแต่ 6 คนขึ้นไป รวมถึงรายละเอียดของสถานรับเลี้ยงเด็ก ที่ตั้ง สภาพแวดล้อม เช่น การหุ้มเหลี่ยมมุมเสา ตารางประจำวัน เครื่องเล่นสนาม บอร์ดกิจกรรม การจัดพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร เช่น ห้องพยาบาล ห้องน้ำ-ห้องส้วม ฯลฯ มีการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาการเด็ก มีมุมหนังสือ เป็นต้น
“ถ้าสงสัยว่าสถานรับเลี้ยงเด็กที่พบถูกกฎหมายหรือไม่ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ดูว่าได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง ติดให้เห็นชัดเจนหรือเปล่า กรณีไม่ได้ขออนุญาตยังไม่มีตัวเลขชัดเจน คาดว่ามีหลายแห่ง บางคนรับจ้างเลี้ยงเด็กเริ่มจาก 1-2 คน ต่อมากลายเพิ่มไปถึง 6 คนขึ้นไป ตรงนี้เข้าข่ายเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กแต่ก็ไม่ได้เข้าระบบ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการสร้างความเข้าใจ ให้ความรู้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ สถานรับเลี้ยงเด็กที่จดทะเบียนถูกต้อง มีระยะเวลาดำเนินงาน 1 ปีต้องต่ออายุใบอนุญาตทุกปี ล่วงหน้า 30 วันก่อนครบกำหนด”
ไม่เพียงเท่านี้ สถานรับเลี้ยงเด็กต้องบริหารจัดการได้ตามมาตรฐานศูนย์เด็กเล็กแห่งชาติ พ.ศ.2554 อธิบดี ดย.แจงว่า มาตรฐานดังกล่าว ถือเป็นมาตรฐานกลางของประเทศ ที่กำหนดให้ทุกหน่วยงานนำไปใช้กำหนดกรอบการดำเนินงานสถานรับเลี้ยงเด็ก ประกอบด้วย 3 มาตรฐาน 14 ตัวบ่งชี้ 85 เกณฑ์
ได้แก่ 1.การบริหารจัดการศูนย์เด็กเล็ก 2.การจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก และ3.คุณภาพเด็ก โดยจะใช้กระบวนการประเมินตนเอง หน่วยงานของรัฐก็เริ่มนำไปปรับใช้กับข้อกำหนดตนเองแล้ว 70%
ส่วนเอกชนประเมินผลและส่งผลมาให้ยัง พม.ประเมินซ้ำอีกครั้ง!!
“เราใช้วิธีการให้หน่วยงานประเมินตนเอง ตามมาตรฐาน ตัวบ่งชี้และเกณฑ์ที่กำหนด จัดกลุ่มไว้ 3 ระดับ คือ พอใช้ ดี และดีมาก เมื่อสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนประเมินตนเองเสร็จส่งผลมาให้ พม.ก็จะส่งคณะกรรมการลงไปประเมินผลซ้ำหากพบยังไม่ได้มาตรฐานเรื่องใดก็แจ้งให้ปรับปรุง ซึ่งผลประเมินของทั้ง 1,600 แห่งมี 60 แห่งในกรุงเทพที่ประเมินได้ระดับดีมาก ดย.จึงคัดเลือกให้เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กต้นแบบ และจะขยายผลการพัฒนาสถานเลี้ยงเด็กอื่นๆให้ได้มาตรฐานต่อไป”วิทัศน์ กล่าว
สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการทราบข้อมูลสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนที่จดทะเบียนถูกต้องสอบถามที่กรมกิจการเด็กและเยาวชน 02-255-5850
ถ้าสถานรับเลี้ยงเด็กเล็กทุกแห่งดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ได้มาตรฐานชาติ นั่นก็เท่ากับว่าเด็กได้รับการดูแล ได้รับบริการที่มีคุณภาพ ผลก็จะเกิดกับเด็กโดยตรง คือ เติบโตและมีพัฒนาการที่สมวัย เป็นจุดเริ่มต้นในการวางรากฐานทรัพยากรมนุษย์ที่จะเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศในอนาคต.
๐เกศกาญจน์ บุญเพ็ญ๐
qualitylife4444@gmail.com





