ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/foreign/325150
เขย่าโลกรอบใหม่ “ทรัมป์”เลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พาสหรัฐถอนตัวออกจากพันธกรณีนานาชาติอีกฉบับ ไม่เชื่อข้อตกลงนิวเคลียร์สกัดดาวรุ่งอิหร่านได้
ในที่สุด โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการว่าสหรัฐจะไม่ต่อสัญญาตามข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน และเตรียมกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรอีกครั้ง
ทรัมป์ โจมตีข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่สหรัฐในสมัยบารัก โอบามา ร่วมกับ 4 ชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติและเยอรมนี ลงนามกับอิหร่านในปี 2558 หลังดำเนินความพยายามการทูตกันมานานกว่า 10 ปี ว่าเป็นหายนะ ไม่ได้ช่วยสกัดกั้นความทะเยอะทะยานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านได้ และต้องการข้อตกลงใหม่ที่ยั่งยืน โดยหลักสำคัญคือไม่เพียงสกัดโครงการนิวเคลียร์อิหร่านแบบลงลึกกว่านี้ แต่ยังต้องรวมไปถึงโครงการขีปนาวุธและขัดขวางอิหร่านไม่ให้สนับสนุนกลุ่มติดอาวุธต่างๆทั่วตะวันออกกลางด้วย
“เราไม่อาจป้องกันระเบิดนิวเคลียร์อิหร่านด้วยโครงสร้างผุกร่อนและเน่าเสียของข้อตกลงฉบับปัจจุบัน เราจะไม่ยอมให้เมืองอเมริกันทั้งหลายถูกคุกคามจากการทำลายล้าง และเราจะไม่ยอมให้ระบอบที่ตะโกนสาปแช่งอเมริกาได้เข้าถึงอาวุธร้ายแรงที่สุดบนโลกนี้”
อิหร่านเตือนสหรัฐต้องเสียใจหากเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี แห่งอิหร่าน กล่าวหาทรัมป์ว่า กำลังทำสงครามจิตวิทยา และหากอิหร่านกลับมาเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์อีกครั้ง จะสร้างปัญหาใหญ่ยิ่งกว่าที่เคยอย่างแน่นอน
ฝ่ายกำหนดนโยบายสายเหยี่ยวสหรัฐเชื่อว่า อิหร่านอ่อนแอลงตามลำดับหลังระบอบผู้นำศาสนาครองอำนาจนาน 38 ปี จากแรงกดดันทางเศรษฐกิจภายในประเทศ โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป การประท้วงในที่สาธารณะและการแทรกแซงทางทหารในต่างประเทศที่อิหร่านต้องจ่ายแพง
การตัดสินใจของทรัมป์ เป็นความพ่ายแพ้ทางการทูตหมดรูปสำหรับยุโรป ทั้งที่ผู้นำทุกประเทศพากันเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งต่อหน้าและส่วนตัว ขอให้ทรัมป์ทบทวนใหม่
จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทรัมป์ เตือนว่า เวลานี้ บริษัทในยุโรปที่ทำธุรกิจในอิหร่าน มีเวลา 6 เดือนสำหรับยกเลิกการลงทุน หรือเสี่ยงโดนมาตรการแซงชันจากสหรัฐ
สตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ พูดชัดว่า รัฐบาลวอชิงตันจะใช้มาตรการแซงชั่นแบบปฐมภูมิและทุติยภูมิ หมายถึงว่าบริษัทยุโรปที่ลงทุนหรือดำเนินการอยู่ในสหรัฐอเมริกา อาจตกเป็นเป้าด้วย หากยังคบค้ากับอิหร่านอยู่ต่อไป
ด้านสหภาพยุโรปก็กำลังร่างแผนสกัดมาตรการแซงชันของสหรัฐ ซึ่งน้อยครั้งจะเห็นความเคลื่อนไหวที่ออกมาในทางต่อต้านพันธมิตร ซึ่งสะท้อนถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรง ตรงกันข้ามกับคู่ปรับอิหร่านตลอดกาลอย่างอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย พากันยินดีและแซ่ซ้องกับการตัดสินใจของทรัมป์


