ซาอุฯ ประกาศ เตรียมลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699430

ซาอุฯ ประกาศ เตรียมลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

5 มิ.ย. 2566 11:00 น.

ซาอุฯ ประกาศ เตรียมลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ซาอุดีอาระเบีย ประกาศต่อที่ประชุมกลุ่มโอเปก ว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มต้นเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อเป็นการช่วยดันราคาน้ำมันให้ปรับสูงขึ้น

สำนักข่าว CNN รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2566 ซาอุดีอาระเบีย ประกาศต่อที่ประชุมกลุ่มโอเปก ที่กรุงเวียนนา ของออสเตรีย ว่าจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มต้นเดือนกรกฎาคมนี้ โดยเป็นมาตรการของทางกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นการแก้ปัญหาราคาน้ำมัน หลังจากการปรับลดกำลังการผลิตในกลุ่มโอเปกพลัส ก่อนหน้านี้ยังไม่อาจช่วยดันราคาน้ำมันให้ปรับสูงขึ้นได้

รายงานข่าวระบุว่า ในการประชุมกลุ่มโอเปก บรรดาสมาชิกที่เหลือยังเห็นชอบที่จะขยายเวลาการลดการผลิตน้ำมันต่อไปจนถึงปลายปี 2567

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำได้ช่วยให้ชาวอเมริกันเติมน้ำมันในราคาที่ถูกลง และช่วยให้ผู้บริโภคทั่วโลกคลายผลกระทบด้านเงินเฟ้อลงไปบ้าง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่การลดกำลังการผลิตน้ำมันรอบล่าสุด จะดันราคาน้ำมันขึ้นเช่นกัน.

อินเดียชี้ปัญหา “สัญญาณขัดข้อง” ทำรถไฟชนกันตกราง 3 ขบวน ยอดตายพุ่งเกือบ 300 ศพ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699429

อินเดียชี้ปัญหา "สัญญาณขัดข้อง" ทำรถไฟชนกันตกราง 3 ขบวน ยอดตายพุ่งเกือบ 300 ศพ

5 มิ.ย. 2566 10:16 น.

อินเดียชี้ปัญหา “สัญญาณขัดข้อง” ทำรถไฟชนกันตกราง 3 ขบวน ยอดตายพุ่งเกือบ 300 ศพ

อินเดียเผยผลการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า “สัญญาณขัดข้อง” เป็นสาเหตุให้รถไฟตกรางชนกัน 3 ขบวน มีผู้สังเวยชีวิตเกือบ 300 ศพ บาดเจ็บเกือบ 1,000 ราย นับเป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2566 นางชยา เวอร์มา ซิงห์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของการรถไฟอินเดีย แถลงว่า ผลสืบสวนเบื้องต้นชี้ว่า สาเหตุของโศกนาฏกรรมรถไฟตกรางและชนกันในรัฐโอฑิศา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกิดจากการที่รถไฟวิ่งไปผิดราง เพราะความผิดพลาดของระบบสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทำให้รถไฟโดยสาร “โคโรแมนเดล เอ็กซ์เพรส” เปลี่ยนรางแล่นไปชนกับ “รถไฟบรรทุกแร่เหล็ก” ทำให้รถไฟโดยสารตกราง ขบวนรถไฟกระเด็นไปอยู่รางตรงข้าม ก่อนที่รถไฟโดยสาร ขบวน “เยสวานต์ปุระ-หวราห์ ซูเปอร์ฟาสต์ เอ็กซ์เพรส” จะแล่นมาชนด้วยความเร็ว

ขณะที่สำนักข่าวอัลจาซีราห์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุด พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 288 ศพ มีผู้บาดเจ็บกว่า 1,000 ราย

ทางด้าน นายอัชวีนี วิษณุ รัฐมนตรีกระทรวงรถไฟ เปิดเผยว่า ผลการสืบสวนหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมนี้ และการระบุตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบจะถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการหลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้น

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เยือนพื้นที่เกิดเหตุรถไฟ 3 ขบวนชนกัน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อตรวจสอบการให้ความช่วยเหลือและภารกิจกู้ภัย ก่อนจะเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งล่าสุดนี้ และกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ารัฐบาลอินเดียจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยผู้ประสบเหตุและลงโทษผู้กระทำผิด.

หมดสนุก นทท.อังกฤษบนเรือสำราญถูกหามขึ้น ฮ.ส่ง รพ. อ้างหมอวินิจฉัยโรคผิด

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699282

หมดสนุก นทท.อังกฤษบนเรือสำราญถูกหามขึ้น ฮ.ส่ง รพ. อ้างหมอวินิจฉัยโรคผิด

4 มิ.ย. 2566 18:50 น.

หมดสนุก นทท.อังกฤษบนเรือสำราญถูกหามขึ้น ฮ.ส่ง รพ. อ้างหมอวินิจฉัยโรคผิด

นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษอ้าง ต้องหมดสนุกจากการตั้งตาคอยฉลองวันเกิดและวันครบรอบวันแต่งงานให้กับภรรยา กล่าวหาแพทย์บนเรือวินิจฉัยโรคผิด ทำให้เจ้าหน้าที่พาเขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง ทั้งๆ ที่เขาแค่ปวดขาเท่านั้น

6 มิ.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยเรื่องราวของ สเตฟาน แคสซิดี (Stephen Cassidy) วัย 60 ปี ที่โดยสารเรือสำราญหรูหราของบริษัท Sky Princess ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังประเทศนอร์เวย์ เพื่อฉลองวันเกิดและวันครบรอบวันแต่งงานของเขากับภรรยา

แต่แล้วแผนวันหยุดต้องพังไม่เป็นท่า หลังจากที่เขาบอกกับแพทย์บนเรือสำราญว่า เขามีอาการปวดขา เพราะเคยผ่าตัดสะโพกมาก่อน แต่แพทย์วินิจฉัยว่า เขามีอาการติดเชื้อรุนแรงจนต้องได้รับการสแกนตรวจ รวมไปถึงการผ่าตัด ทำให้มีการเรียกเฮลิคอปเตอร์มารับสเตฟาน เพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใกล้เคียงที่เกาะเชตแลนด์ (Shetland) ของสกอตแลนด์

อย่างไรก็ตาม แพทย์ประจำโรงพยาบาลดังกล่าวรายงานว่า สเตฟานไม่มีการติดเชื้อใดๆ เขาเพียงมีอาการกล้ามเนื้อตึงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ทำให้สเตฟานต้องพลาดโอกาสฉลองวันเกิดและวันครบรอบวันแต่งงานกับภรรยา และต้องจ่ายตั๋วเครื่องบินถึงสองเที่ยว เพื่อเดินทางจากสกอตแลนด์กลับอังกฤษ ทำให้สเตฟานพยายามเรียกร้องขอเงินคืนจากบริษัทเรือสำราญนี้ ที่ทำให้วันหยุดของเขาต้องพังไม่เป็นท่า และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการเดินทางกลับประเทศอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ สองสามีภรรยาคู่นี้ได้จ่ายเงินกว่า 3,598 ปอนด์ หรือราว 160,000 บาท เพื่อฉลองวันเกิดของภรรยาและวันครบรอบวันแต่งงานบนเรือสำราญของบริษัท Sky Princess ที่แล่นออกจากเมืองเซาแธมป์ตันของอังกฤษไปถึงนอร์เวย์ นอกจากนี้ สเตฟานยังต้องจ่ายค่ายาปฏิชีวนะระหว่างที่เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลถึง 2,400 ปอนด์ หรือราว 103,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ด้านโฆษกของบริษัทเรือสำราญ Sky Princess ออกมาปฏิเสธกับสื่อในการพูดถึงรายละเอียดกรณีของสเตฟาน และยังเสริมว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นไม่มีมูลความจริง.

ที่มา : dailymail

อินเดียวิปโยค เร่งไขปม รถไฟ 3 ขบวน ชนกันวินาศสันตะโร ตายเกือบ 300 ศพ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699276

อินเดียวิปโยค  เร่งไขปม รถไฟ 3 ขบวน ชนกันวินาศสันตะโร ตายเกือบ 300 ศพ

4 มิ.ย. 2566 18:09 น.

อินเดียวิปโยค เร่งไขปม รถไฟ 3 ขบวน ชนกันวินาศสันตะโร ตายเกือบ 300 ศพ

  • ทางการอินเดียเร่งสอบสวนหาสาเหตุ อุบัติเหตุสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับรถไฟถึง 3 ขบวน พุ่งชนกันและตกรางที่รัฐโอริสสา ตายเกือบ 300 ศพ บาดเจ็บกว่า 900 คน จนถือเป็นอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 20 ปีของอินเดีย
  • รายงานเบื้องต้น เผย รถไฟโดยสารสายด่วนพุ่งชนรถไฟบรรทุกสินค้า เพราะได้รับแจ้งสัญญาณไฟผิด ทำให้แทนที่จะวิ่งเข้าสู่สถานีโดยใช้รางหลัก แต่กลับแจ้งให้ไปใช้รางรอบเมือง จึงพุ่งชนกับรถไฟบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่แล้วอย่างจัง จนตู้โดยสารตกรางจำนวนมาก และกระเด็นไปขวางรางอื่น
  • เคราะห์ร้ายมาถึงอีก เมื่อรถไฟโดยสารสายด่วนอีกขบวนหนึ่ง วิ่งมาด้วยความเร็วเพื่อเข้าสู่สถานีรถไฟ ได้ชนกับโบกี้รถไฟที่ขวางรางอยู่ จนตกรางไปด้วย ขณะที่ทางการอินเดียต้องระดมทีมกู้ภัยกว่าพันคนพยายามกู้ร่างผู้เสียชีวิตและช่วยเหลือผู้โดยสารจำนวนมากที่ติดอยู่ใต้ซากโบกี้รถไฟ

อินเดียสุดวิปโยค เศร้าสลดหดหู่กันทั้งประเทศ เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับรถไฟถึง 3 ขบวน ชนกันและตกราง เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 300 ศพ บาดเจ็บกว่า 900 ราย จนนับเป็นอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษของอินเดีย

ขณะนี้ได้เกิดคำถามมากมายว่า ทำไมรถไฟ 3 ขบวน ซึ่งสองขบวนเป็นรถไฟโดยสารสายด่วน และอีกขบวนเป็นรถไฟบรรทุกสินค้า จึงประสบอุบัติเหตุสะเทือนขวัญเช่นนี้ได้ 

รถไฟโดยสารสายด่วน สองขบวน-รถไฟบรรทุกสินค้า 1 ขบวน

ตามรายงานเบื้องต้น ระบุว่า อุบัติเหตุทางรถไฟครั้งนี้เกิดขึ้นที่สถานีในเมืองบาเลซอร์ หรือพาเลศวร ในรัฐโอริสสา ทางภาคตะวันออกของอินเดีย เมื่อมีรถไฟโดยสารสายด่วน ‘โคโรแมนเดล เอ็กซ์เพรส’ (Coromandel Express) จากเมืองโกลกาตา ปลายทางเมืองเจนไน ได้พุ่งชนกับรถไฟบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่บนรางอย่างจัง ทำให้โบกี้รถไฟตกรางถึง 10 ตู้ จากทั้งหมด 12 ตู้ และมีตู้รถไฟบางตู้กระเด็นไปขวางรางอื่น

แต่แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ได้มีรถไฟโดยสารสายด่วนอีกขบวนหนึ่ง เป็นสาย ‘Howrah Superfast Express’ ระหว่างเมือง Yesvantpur- Howrah กำลังวิ่งสวนทางมาด้วยความเร็ว เพื่อเข้าสู่สถานีรถไฟบาเลซอร์ ได้พุ่งชนกับโบกี้รถไฟที่ขวางรางอยู่อย่างรุนแรง จนทำให้ตู้รถไฟตกรางหลายตู้

เจ้าหน้าที่การรถไฟเผยว่า รถไฟโดยสารสองขบวนนี้มีผู้โดยสารรวมกันแล้วถึงเกือบ 2,000 คน

โศกนาฏกรรมสุดวิปโยค 

หลังเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ทางการได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย 1,200 คน รถพยาบาล 115 คัน รถบัส 50 คัน และรถโมบายช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 45 คัน ทำงานกันตลอดทั้งคืน เพื่อกู้ร่างผู้เสียชีวิตและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่ติดอยู่ใต้โบกี้รถไฟ และร้องระงมด้วยความเจ็บปวด ตลอดจนพยายามเร่งเคลียร์ซากตู้รถไฟจำนวนมากที่ระเกะระกะและกีดขวางอยู่บนราง

ข่าวที่สร้างความสะเทือนใจตามมา เมื่อทีมกู้ภัยได้พบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนพุ่งสูงถึงอย่างน้อย 290 ศพแล้ว และมีผู้บาดเจ็บกว่า 900 คน จนถึงวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน ด้าน Naveen Patnaik มุขมนตรีรัฐโอริสสาได้ประกาศไว้อาลัยในรัฐโอริสสา เป็นเวลาหนึ่งวัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 

ด้านนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ได้เดินทางลงพื้นที่ พูดคุยให้กำลังใจทีมกู้ภัย และเยี่ยมเยียนผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยนายกฯ โมดี กล่าวว่า เขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ชนิดไม่มีคำใดจะพูดออกมาได้ พร้อมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนหาสาเหตุอุบัติเหตุครั้งนี้ และมอบเงินเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยา รายละ 1 ล้านรูปี (ราว 12,000 ดอลลาร์ หรือ 480,000 บาท คิดในอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 34 บาท) บาดเจ็บสาหัสจะได้เงินเยียวยารายละ 200,000 รูปี และผู้บาดเจ็บไม่รุนแรง จะ ได้รายละ 50,000 รูปี

สาเหตุเบื้องต้น คาดว่ามาจากแจ้งสัญญาณไฟผิด

K. S. Anand หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของการรถไฟสาย South Eastern Railway (สายตะวันออกเฉียงใต้) ของอินเดีย เปิดเผย จากการสอบสวนสาเหตุเบื้องต้น พบว่าอุบัติเหตุรถไฟโดยสารสายด่วน สาย Coromandel Express พุ่งชนกับรถไฟบรรทุกสินค้าในครั้งนี้ เนื่องจากได้รับแจ้งสัญญาณไฟผิด แทนที่จะต้องวิ่งบนรางสายหลักเข้าสู่สถานี แต่สัญญาณไฟกลับแจ้งให้รถไฟขบวนนี้ไปวิ่งบนรางสายรอบเมือง ซึ่งรถไฟบรรทุกสินค้ากำลังจอดอยู่ จนเกิดชนกันเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ของคืนวันที่ 2 มิ.ย. 2566 ตามเวลาท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่มีการยืนยันว่า สาเหตุที่แจ้งสัญญาณไฟผิด มาจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่หรือระบบสัญญาณไฟ

ฝันร้ายชาวอินเดีย เดินทางโดยรถไฟประมาณ 13 ล้านคน/วัน

จากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่จากอุบัติเหตุรถไฟในครั้งนี้ ทำให้ชาวอินเดียรู้สึกกังวลมากขึ้น เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของการเดินทางโดยรถไฟในประเทศ

ในขณะที่ระบบการเดินรถไฟในอินเดีย ถือเป็นระบบการเดินรถไฟที่ใหญ่มากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยแต่ละวันมีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟทั่วประเทศอินเดียถึงวันละประมาณ 13 ล้านคน

ขณะที่เครือข่ายเส้นทางรถไฟในอินเดียครอบคลุมระยะทางกว่า 100,000 กิโลเมตร โดยมีการวางรางรถไฟเป็นระยะทางอีกประมาณ 5,200 กิโลเมตรเมื่อปีที่แล้ว และยังมีการพัฒนาระบบราง เพื่อจะได้รองรับรถไฟที่สามารถแล่นด้วยความเร็วที่สูงขึ้นให้ได้ 100-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ชาวอินเดียต้องประสบกับปัญหาความปลอดภัยในการเดินทาง เพราะระบบโครงสร้างพื้นฐานของการเดินรถไฟในอินเดียเก่า ผ่านการใช้งานมานาน เพราะผูกขาดโดยรัฐเพียงเจ้าเดียว

รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโมดีเริ่มการใช้รถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับปรุงเครือข่ายการเดินรถไฟให้ทันสมัย แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลกลับไม่โฟกัส มุ่งในเรื่องความปลอดภัยอย่างเพียงพอและไม่ยอมปรับปรุงระบบโครงสร้างการเดินรถไฟที่เก่าแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า อุบัติเหตุรถไฟ 3 ขบวนชนกันในครั้งนี้ เป็นมรสุมที่โถมกระหน่ำใส่แผนการด้านรถไฟของนายกรัฐมนตรีโมดี เพราะอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2524 เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถไฟโดยสารพุ่งตกแม่น้ำที่รัฐพิหาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 800 ศพ.

ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์

ที่มา : ReutersBBC

คิม โย จอง โวย UN ประชุมฉุกเฉิน ‘เกาหลีเหนือปล่อยดาวเทียม’ ตามสั่งสหรัฐฯ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699341

คิม โย จอง โวย UN ประชุมฉุกเฉิน 'เกาหลีเหนือปล่อยดาวเทียม' ตามสั่งสหรัฐฯ

4 มิ.ย. 2566 19:20 น.

คิม โย จอง โวย UN ประชุมฉุกเฉิน ‘เกาหลีเหนือปล่อยดาวเทียม’ ตามสั่งสหรัฐฯ

คิม โย จอง น้องสาวของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ออกมาประณามคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี ว่าจัดประชุมตามสั่งสหรัฐฯ เพื่อถกเรื่องการปล่อยดาวเทียมครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือที่ล้มเหลว

วันที่ 4 มิ.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คิม โย จอง น้องสาวของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ออกมาประณามคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซีว่า จัดการประชุมฉุกเฉินหารือเกี่ยวกับความล้มเหลวในการปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ตามคำขออันเห็นแก่ตัวขอสหรัฐฯ โดยเธอกล่าวคำมั่นว่า เกาหลีเหนือจะปฏิเสธการคว่ำบาตรและลงมือป้องกันประเทศของตนเองต่อไป

นอกจากนี้ คิม โย จอง กล่าวว่า “ยูเอ็นเอสซีเป็นแขนขาของสหรัฐฯ เนื่องจากตอบรับความต้องการของสหรัฐฯ และเมินเฉยต่อสิทธิที่เกาหลีเหนือพึงมีในการพัฒนาด้านอวกาศ” นอกจากนี้ คิม โย จอง ยังแสดงความไม่พอใจที่ยูเอ็นเอสซีมักวิพากษ์วิจารณ์การใช้สิทธิอธิปไตยของเกาหลีเหนือ และยังประณามการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอย่างมีอคติ รวมไปถึงการละเมิดอธิปไตยของเกาหลีเหนืออีกด้วย

ในขณะที่ คิม โย จอง น้องสาวคิม จอง อึน ยังชี้ว่า การปล่อยดาวเทียมเป็นสิทธิอันพึงมีของเกาหลีเหนือในการป้องกันภยันตรายจากสหรัฐฯ และรวมไปถึงพันธมิตรชาติอื่นๆ

ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการประชุมในยูเอ็นเอสซีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อหารือว่า เกาหลีใต้ปล่อยดาวเทียมสอดแนมดวงแรกเข้าสู่วงโคจรสำเร็จหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศดังกล่าวประสบความล้มเหลว

ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่งานประชุมความมั่นคง ‘Shangri-La Dialogue’ ที่สิงคโปร์ ลี จุง-ซัป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ พบปะและหารือกับ ยาสุคาซึ ฮามาดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ในเรื่องส่งเสริมความร่วมมือและประณามการปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือเช่นกัน.

ที่มา: reuters

ดาวเคราะห์น้อยหลายดวง ขนาดเท่าเครื่องบิน พุ่งเฉียดโลก สุดสัปดาห์นี้

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699289

ดาวเคราะห์น้อยหลายดวง ขนาดเท่าเครื่องบิน พุ่งเฉียดโลก สุดสัปดาห์นี้

4 มิ.ย. 2566 15:57 น.

ดาวเคราะห์น้อยหลายดวง ขนาดเท่าเครื่องบิน พุ่งเฉียดโลก สุดสัปดาห์นี้

นาซาเผย มีดาวเคราะห์น้อยหลายดวงขนาดใหญ่เกือบเท่าเครื่องบินโดยสาร พุ่งเฉียดโลกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ 

4 มิ.ย. 2566 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับดาวเคราะห์น้อยที่จะเฉียดโลกเราในสุดสัปดาห์นี้ ว่า มีดาวเคราะห์น้อยหนึ่งในสี่ดวงที่ชื่อว่า 2023 KS2 ได้โคจรผ่านโลกในวันศุกร์ที่ 2 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา อีกสามดวงที่เหลือ ซึ่งประกอบไปด้วย 2023 HO18, 2023 JR2 และ 2023 JE5 ถูกคาดการณ์กันว่าจะพุ่งเฉียดโลกในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์นี้

นาซารายงานว่า ดาวเคราะห์น้อย 2023 KS2 มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 เมตร ในขณะที่ดาวเคราะห์น้อยสามดวงที่เหลือ 2023 HO18, 2023 JR2 และ 2023 JE5 มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ราว 30, 36 และ 33 เมตรตามลำดับ

นาซาคาดการณ์ว่า ดาวเคราะห์น้อย 2023 KS2 พุ่งเฉียดโลกที่ระยะห่างราว 2,450,000 ไมล์ ในส่วนดาวเคราะห์น้อย 2023 JR2 จะพุ่งเฉียดโลกที่ระยะห่างประมาณ 4,050,000 ไมล์ และ 2023 JE5 จะพุ่งเฉียดโลกอยู่ที่ระยะห่างราว 4,190,000 ไมล์ รวมไปถึงดาวเคราะห์น้อยดวงสุดท้าย 2023 HO18 ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะพุ่งเฉียดใกล้โลกมากขึ้นราว 290,000 ไมล์เท่านั้น ซึ่งจะเท่ากับ 1.2 เท่าระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์ อย่างไรก็ตาม ดาวศุกร์ ดาวเคราะห์เพื่อนบ้านที่ใกล้กับโลกที่สุด ยังมีระยะห่างกับโลกเพียง 38 ล้านไมล์เท่านั้น

ในบางครั้งดาวเคราะห์น้อยในแถบดาวเคราะห์น้อย (asteroid belt) จะถูกดีดตัวเข้ามาในระบบสุริยะชั้นในของเรา เนื่องจากทำปฏิกิริยาแรงโน้มถ่วงกับดาวพฤหัสบดี ส่งผลทำให้ดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้นพุ่งเข้าสู่วงโคจรของโลก นอกจากนี้ หากดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวโคจรห่างจากวงโคจรของโลกในระยะ 30 ล้านไมล์ ก็จะถูกระบุว่าเป็นวัตถุใกล้โลก (near-Earth objects) หรือ NEOs

อย่างไรก็ตาม วัตถุใกล้โลกที่เข้าใกล้วงโคจรโลกมากกว่า 4.6 ล้านไมล์ และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 140 เมตร จะถูกระบุว่าเป็นวัตถุที่มีแนวโน้มเป็นภัยต่อโลก ซึ่งในปัจจุบันนาซาสามารถระบุได้ทั้งสิ้น 2,300 ดวง

นาซาคาดการณ์ว่า มีดาวเคราะห์น้อยประมาณ 1.1 ล้านดวงอยู่ในระบบสุริยะของเรา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อย ระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี โดยดาวเคราะห์น้อยที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ Ceres และ Vesta ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 944,685 เมตร และ 529,474 เมตรตามลำดับ

ทั้งนี้ พอล โคเดส ผู้บริหารศูนย์วิเคราะห์วัตถุใกล้โลก กล่าวว่า ดาวเคราะห์น้อยจะเป็นอันตรายต่อโลกเมื่อผ่านไปหลายร้อยปี จนกว่าวงโคจรของพวกมันแปรเปลี่ยนเป็นวงโคจรที่สามารถพุ่งชนโลกได้.

ที่มา: NewsweekHT Tech

จีนรับปาก พยายามเจรจากับสหรัฐฯ ชี้การเผชิญหน้ากันจะก่อหายนะร้ายแรง

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699235

จีนรับปาก พยายามเจรจากับสหรัฐฯ ชี้การเผชิญหน้ากันจะก่อหายนะร้ายแรง

4 มิ.ย. 2566 13:01 น.

จีนรับปาก พยายามเจรจากับสหรัฐฯ ชี้การเผชิญหน้ากันจะก่อหายนะร้ายแรง

จีนรับปาก พยายามจะเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ ชี้การเผชิญหน้ากันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะก่อให้เกิดหายนะร้ายแรงต่อโลก

4 มิ.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการประชุมด้านความมั่นคงประจำปี ‘Shangri-La Dialogue’ ที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 2-4 มิถุนายน 2566 ที่ถูกปกคลุมด้วยความสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังจากจีนได้ปฏิเสธคำเชิญของ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่เสนอให้มีการพบปะหารือระดับทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของสองประเทศ ในระหว่างเดินทางมาร่วมประชุมในครั้งนี้

พล.อ.หลี่ ช่างฝู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของจีน ซึ่งสวมเครื่องแบบทหารเต็มยศระดับนายพล ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะก่อให้เกิดหายนะที่รุนแรง ด้วยเหตุนี้ จีนจะพยายามให้มีการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะนำไปสู่ ‘หายนะที่ไม่อาจทานทนได้’ ต่อโลก

‘จีนและสหรัฐฯ มีระบบที่แตกต่างกันมากมาย และมีความแตกต่างกันในเรื่องๆอื่น’ พล.อ.หลี่ ช่างฝู กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญต่อที่ประชุมระหว่างประเทศเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของจีน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม พล.อ.หลี่ ช่างฝู  รมว.กลาโหมของจีน ระบุว่า ระบบที่แตกต่างกันของสหรัฐฯ และจีน ไม่ควรทำให้ทั้งสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงต่างๆ และผลประโยชน์ร่วมกันได้ ในการที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น  ขณะที่ พล.อ.หลี่ ช่างฝู ยังกล่าวด้วยว่า เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้ากันระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะกลายเป็นหายนะร้ายแรงสำหรับโลก

ก่อนหน้านี้ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวถึงกรณีที่จีนปฏิเสธข้อเรียกร้องที่จะร่วมหารือกับสหรัฐฯ ในวันที่ 2 ของการประชุมว่า ทำให้ความคิดเห็นที่แตกต่างกันของสองมหาอำนาจอยู่ในภาวะปิดตาย หยุดนิ่งอยู่กับที่ 

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เสริมว่า การมีความเคารพร่วมกันทุกฝ่าย สามารถเอาชนะการขึ้นเป็นมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียวได้ และการเจรจาคือกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

ทั้งนี้ การประชุมด้านความมั่นคงประจำปี Shangri-La Dialogue จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 มิ.ย 2566 ที่สิงคโปร์ มีเจ้าหน้าที่กลาโหมระดับสูง นายทหารอาวุโส ตลอดจนนักวิเคราะห์ความมั่นคงจากทั่วโลกมารวมตัวกัน ในปีนี้มีผู้แทนมากกว่า 600 คน จาก 49 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมการประชุม

ส่วนประเด็นที่รัฐมนตรีกลาโหมจีนปฏิเสธที่จะหารือระดับทวิภาคีกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ในการประชุมครั้งนี้นั้น เจ้าหน้าที่กลาโหมจากจีน 2 นาย ได้กล่าวนอกรอบการประชุมว่า เป็นเพราะรัฐบาลจีนต้องการสัญญาณแน่ชัดจากทางทำเนียบขาวว่า จะลดการเผชิญหน้ากันในทวีปเอเชีย รวมไปถึงการยกเลิกคว่ำบาตร พล.อ.หลี่ ช่างฝู ก่อนจะมีการเจรจากันแบบเผชิญหน้าระดับทวิภาคี หลังจาก พล.อ.หลี่ ช่างฝู ถูกสหรัฐฯ ลงโทษด้วยมาตรการคว่ำบาตรจากกรณีซื้ออาวุธจากรัฐบาลรัสเซียในปี 2561.

ที่มา : reuters

บาดเจ็บ 20 ราย หลังรัสเซียโจมตีเมืองดนีโปรในยูเครน

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699229

บาดเจ็บ 20 ราย หลังรัสเซียโจมตีเมืองดนีโปรในยูเครน

4 มิ.ย. 2566 10:03 น.

บาดเจ็บ 20 ราย หลังรัสเซียโจมตีเมืองดนีโปรในยูเครน

มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คน และคาดว่ามีผู้ติดอยู่ในซากอาคารที่ได้รับความเสียหายจำนวนมาก หลังรัสเซียเปิดฉากการโจมตีในเมืองดนีโปร ทางตอนกลางของยูเครน โดยคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่กำลังค้นหาผู้รอดชีวิตจากซากอาคาร 2 ชั้น เจ้าหน้าที่อีกรายกล่าวว่า เหยื่อ 5 รายเป็นเด็ก และชายคนหนึ่งถูกดึงออกมาจากซากปรักหักพัง

เสียงระเบิดยังคงเกิดขึ้นทั่วกรุงเคียฟ ซึ่งมีการติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขณะที่พื้นที่ทั้งหมดของยูเครนอยู่ภายใต้การแจ้งเตือนการโจมตีทางอากาศ ด้านรัสเซียยังคงไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุด

นายเซเลนสกี กล่าวว่า เหตุระเบิดในเมืองดนีโปร เป็นการโจมตีโดยเจตนาของรัสเซีย แม้ว่าก่อนหน้านี้รัสเซียจะปฏิเสธว่าไม่ได้มุ่งเป้าไปที่พลเรือนในระหว่างการรุกรานยูเครนก็ตาม

นายเซอร์ฮีย์ ไลแซก ผู้ว่าการแคว้นดนีโปร กล่าวว่า ไฟไหม้เกิดขึ้นหลังจากการโจมตีในเขตทางตอนเหนือของเมือง และกล่าวเสริมว่ามีเด็ก 5 คนที่ได้รับบาดเจ็บ โดย 3 คนมีอาการสาหัส และผู้บาดเจ็บ 17 คน จาก 20 คนในเหตุการณ์ดังกล่าว ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว

นอกจากนั้น ยังมีรายงานการระเบิดในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของประเทศ หน่วยงานบริหารทางทหารของกรุงเคียฟ ระบุในเทเลแกรมว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศเริ่มทำงานในช่วงต้นวันอาทิตย์ เพื่อต่อต้านการโจมตีทางอากาศใกล้กับกรุงเคียฟ ส่วนเจ้าหน้าที่ในเมืองซูมีทางตอนเหนือ สามารถบันทึกการระเบิดได้ถึง 87 ครั้ง จากการยิงของรัสเซีย โดยระบุพบผู้บาดเจ็บและความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานหลายแห่ง

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการระเบิดมากกว่า 12 ครั้ง ในเมืองเบอร์เดียนสค์และเมลิโทโปล ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัสเซียยึดครอง แม้ว่าจะมีรายละเอียดไม่มากนักก็ตาม

ส่วนในรัสเซีย เจ้าหน้าที่กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า มีผู้เสียชีวิตอีก 2 ศพจากการโจมตีครั้งใหม่ในเขตชายแดนเมืองเบลโกรอด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวโทษว่าเป็นการโจมตีของยูเครน แม้ว่ายูเครนเองจะกล่าวว่า การเสียชีวิตเป็นผลมาจากการที่รัสเซียพยายามพุ่งเป้าไปที่กลุ่มนักรบที่ต่อต้านรัฐบาลในกรุงมอสโก

ทั้งนี้ การโจมตีจำนวนมากในรัสเซียในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการบุกรุกข้ามพรมแดนครั้งใหญ่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งรัสเซียระบุว่าจบลงด้วยการเสียชีวิตของผู้โจมตี 70 ศพ ด้านยูเครนปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ โดยตรง โดยกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นโดยกองกำลังกึ่งทหารของรัสเซีย

ส่วนความคืบหน้าอื่นๆ ผู้ช่วยคนสนิทของประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวว่า ยูเครนยังไม่พร้อมที่จะเริ่มปฏิบัติการตอบโต้ต่อทหารรัสเซียที่เข้ายึดครอง ดร.อิฮอร์ ชอฟควา กล่าวกับหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทมส์ ของอังกฤษ ว่าเนื่องจากขาดแคลนอาวุธและเครื่องกระสุน อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาดูขัดแย้งกับคำพูดของนายเซเลนสกี ซึ่งเพิ่งอ้างเมื่อวันก่อนว่า ยูเครนพร้อมที่จะเริ่มการตอบโต้

ซันเดย์ไทมส์ แสดงความเห็นว่า ความคิดเห็นที่ไม่สอดคล้องกันดังกล่าว อาจเป็นความพยายามโดยเจตนาที่จะสร้างความสับสนให้กับรัสเซีย.

ชาวเซอร์เบียนับหมื่นรวมตัวประท้วงต่อต้านรัฐบาล

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699216

ชาวเซอร์เบียนับหมื่นรวมตัวประท้วงต่อต้านรัฐบาล

4 มิ.ย. 2566 08:13 น.

ชาวเซอร์เบียนับหมื่นรวมตัวประท้วงต่อต้านรัฐบาล

ชาวเซอร์เบียหลายหมื่นคนเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในกรุงเบลเกรดเมื่อวันเสาร์ โดยกล่าวโทษวัฒนธรรมแห่งความรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18  ศพ จากเหตุกราดยิง 2 ครั้ง และเรียกร้องให้รัฐมนตรีมหาดไทยลาออก

การประท้วงครั้งล่าสุดถือเป็นวันครบรอบ 1 เดือน ของเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนครั้งแรกของประเทศ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เมื่อเด็กนักเรียนก่อเหตุกราดยิง จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ศพ ในโรงเรียนประถมในกรุงเบลเกรด ส่วนเหตุกราดยิงครั้งที่สอง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม เมื่อชายวัย 21 ปี ก่อเหตุกราดยิง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ ในเมืองนอกกรุงเบลเกรด

จากเหตุกราดยิงทั้งสองครั้ง ทำให้รัฐบาลเซอร์เบียประกาศให้วันหยุดฤดูร้อนของโรงเรียนเริ่มขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 2 สัปดาห์

ด้านพรรคฝ่ายค้านที่จัดการประท้วงครั้งที่ 5 ในรอบ 1 เดือน กล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูซิช ล้มเหลวในการจัดการกับการส่งเสริมความรุนแรงในสื่อ และปล่อยให้ความรุนแรงแทรกซึมเข้าไปในสังคม

การประท้วงทำให้เกิดความโกรธแค้นต่อพรรครัฐบาล ต่อสิ่งที่ผู้ประท้วงกล่าวว่าเป็นวัฒนธรรมแห่งความรุนแรงที่รัฐบาลและสื่อต่างๆ เป็นผู้ควบคุม หลังจากเมื่อเร็วๆ นี้ รายการเรียลลิตี้ทีวีของเซอร์เบียรายการหนึ่งนำเสนออาชญากรที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด รวมถึงฆาตกร และแสดงให้เห็นภาพผู้ชายรุมทำร้ายผู้หญิง 

นายเนนาด ฮัดซี มาริซิช นักแสดงซึ่งเป็นผู้กล่าวปราศรัยหลักในการประท้วง ได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง ซึ่งรวมถึงการปลดนายบราติสลาฟ กาซิก รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และนายอเล็กซานดาร์ วูลิน หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ รวมถึงการยุติรายการทีวีทั้งหมดที่ส่งเสริมความรุนแรงทันที ผู้ชุมนุมยังต้องการให้รัฐบาลเพิกถอนใบอนุญาตออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ที่ส่งเสริมเนื้อหาที่มีความรุนแรง และสั่งแบนหนังสือพิมพ์ที่สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งปลุกระดมความตึงเครียดโดยพุ่งเป้าไปที่ผู้เห็นต่างทางการเมือง

ด้านสถานีโทรทัศน์ พิงค์ ทีวี ให้คำมั่นว่าจะหยุดออกอากาศรายการเรียลลิตี้ที่มีชายคนหนึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีฆาตกรรมตั้งแต่สัปดาห์หน้า

การชุมนุมซึ่งในครั้งแรกเป็นการชุมนุมอย่างสงบ ได้กลายเป็นการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างเต็มตัว หลังจากที่ข้อเรียกร้องของพวกเขาถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากประธานาธิบดีและพันธมิตรของเขา ซึ่งล้อเลียนการชุมนุมและกล่าวว่าร้ายผู้เข้าร่วมชุมนุม

หลายปีที่ผ่านมา บรรดานักวิจารณ์รัฐบาล กล่าวหาว่าประธานาธิบดีวูซิช ว่าพึ่งพามาตรการเผด็จการมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านเกิดความระส่ำระสาย ขณะที่สื่อและสถาบันของรัฐอยู่ใต้อำนาจของเขา

นายวูซิชมองว่าการประท้วงเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง และเป็นการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับอำนาจต่างชาติที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุม.

รถไฟอินเดียชนวินาศคร่า 288 ศพ คาดยอดตายยังเพิ่ม ร้ายแรงสุดรอบ 28 ปี (คลิป)

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2699196

รถไฟอินเดียชนวินาศคร่า 288 ศพ คาดยอดตายยังเพิ่ม ร้ายแรงสุดรอบ 28 ปี (คลิป)

4 มิ.ย. 2566 05:27 น.

รถไฟอินเดียชนวินาศคร่า 288 ศพ คาดยอดตายยังเพิ่ม ร้ายแรงสุดรอบ 28 ปี (คลิป)

อินเดียสยองรถไฟชนกันยับ 3 ขบวน เป็นรถไฟ โดยสาร 2 ขบวน รถบรรทุกสินค้า 1 ขบวน ในรัฐ โอดิศา ส่งผลคนตายเกลื่อนทะลุกว่าสองร้อยศพ คาดยอดพุ่งอีก ส่วนผู้บาดเจ็บทะลุเฉียดพันคน ต้องระดมรถพยาบาล หน่วยแพทย์เคลื่อนที่นับร้อยเข้าช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่ง รพ. ขณะที่ชาวบ้าน นับพันแห่บริจาคเลือด ส่วนทางการรถไฟรัฐโอดิศา ต้องยกเลิกการให้บริการรถไฟ 49 เที่ยว และระงับให้บริการรถไฟอย่างน้อย 20 ขบวน เพื่อตรวจสอบด้านความปลอดภัยถือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงในรอบ 28 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.เกิดอุบัติเหตุสยองที่ประเทศอินเดีย หลังรถไฟสายด่วนตกราง และพุ่งเข้าชนกับรถไฟอีกขบวนที่วิ่งสวนมา เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก หน่วยกู้ภัยดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย นานข้ามคืนจนถึงรุ่งเช้าทั้งนี้ มีรายงานคลาดเคลื่อนในช่วงแรกว่า เป็นอุบัติเหตุรถไฟโดยสารชนกับรถไฟบรรทุกสินค้า แต่ต่อมาสื่ออินเดียรายงานโดยอ้างคำแถลงของเจ้าหน้าที่อินเดียระบุว่า เหตุสลดครั้งนี้เกิดจากรถไฟสายด่วนชาลิมาร์-เชนไน เซ็นทรัล โคโรมานเดล เอ็กซ์เพรส จากเมืองโกลกาตา ในรัฐเบงกอลตะวันตก มุ่งสู่เมืองเชนไน ในรัฐทมิฬนาฑู ทางภาคใต้ พุ่งชนรถไฟสายด่วน เบงกาลูรู-หอวราห์ ซุปเปอร์ฟาสต์ เอ็กซ์เพรส ที่มุ่งหน้าสู่เมืองหอวราห์ แต่ตกรางอยู่ จากนั้นรถไฟสายด่วนชาลิมาร์-เชนไน เซ็นทรัล โคโรมานเดล เอ็กซ์เพรส ยังพุ่งชนกับรถไฟบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่ใกล้ๆ เหตุเกิดในช่วงเวลา 19.00 น. ของคืนวันที่ 2 มิ.ย.ตามเวลาท้องถิ่นอินเดีย ที่บริเวณใกล้สถานีบาฮานากา บาซาร์ ในเขตเบลาซอร์ ห่างจากโกลกาตา ในรัฐโอดิศา หรือชื่อเก่าว่าโอดิสสา ทางภาคตะวันตกของอินเดีย ประมาณ 250 กม. และห่างจากเมืองบูบันเนสชวาร์ ราว 170 กม. จนเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่

นายประทีบ เจนา เลขาธิการรัฐโอดิศา เปิดเผยว่า เหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้อยู่ในพื้นที่เขตเบลาซอร์ของรัฐโอดิศา ในช่วงคืนที่ผ่านมา ทางการได้ระดมรถพยาบาลกว่า 200 คัน แพทย์กว่า 180 คน หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 45 หน่วย เข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ เช่นเดียวกับการส่งรถโดยสารจำนวนมากเข้าไปลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งตามโรงพยาบาลต่างๆ เช่นเดียวกับการระดมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ตำรวจและสุนัขดมกลิ่นจำนวนมากเข้าช่วยเหลือ ปฏิบัติการช่วยเหลือดำเนินไปจนถึงรุ่งเช้า ถือเป็นอุบัติเหตุครั้งหนักหน่วง ขณะที่นายเค. เอส. อานันท์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของการรถไฟสายตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึง 261 ศพแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 288 คน อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 900 คน ทั้งหมดถูกนำตัวส่งไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหลายแห่งในเขตเบลาซอร์ และโรงพยาบาล อื่นๆในพื้นที่ใกล้เคียง

ด้านผู้โดยสารที่รอดชีวิตรายหนึ่งให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า ขณะเกิดเหตุกำลังนอนหลับ รู้ตัวอีกทีคือกระเด็นลงไปที่พื้นและถูกทับโดยผู้โดยสารหลายสิบคน ต้องพยายามคลานออกมาจนหลุดออกมานอกโบกี้รถไฟได้สำเร็จ เคราะห์ดีที่ได้รับบาดเจ็บที่คอและแขน ขณะที่ต่อมาสื่อไทม์ออฟอินเดียรายงานว่า ชาวบ้านมากกว่า 2,000 คนรวมตัวกันที่วิทยาลัยการแพทย์และโรงพยาบาลเบลาซอร์ เพื่อช่วยบริจาคเลือดให้กับผู้ประสบอุบัติเหตุ รวมทั้งเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ส่วนทางการรถไฟรัฐโอดิศา ได้ประกาศยกเลิกการให้บริการรถไฟ 49 เที่ยว และระงับให้บริการรถไฟอย่างน้อย 20 ขบวน เพื่อตรวจสอบด้านความปลอดภัย

ด้านนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุด้วยตัวเองในเวลาประมาณ 15.45 น. จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ที่โรงพยาบาล ก่อนหน้านั้นผู้นำอินเดียออกแถลงการณ์ว่า ทางการมีคำสั่งให้ความช่วยเหลือทุกวิถีทาง ในชั่วโมงแห่งความโศกเศร้าครั้งนี้ ขอส่งแรงใจไปยังครอบครัวของผู้ประสบอุบัติเหตุ ขอให้ผู้บาดเจ็บหายดี ขณะที่สำนักข่าวการ์เดียนอังกฤษ รายงานด้วยว่า แม้รัฐบาลอินเดียจะพยายามปรับปรุงความปลอดภัยของระบบขนส่งทางราง แต่อุบัติเหตุทางรถไฟในอินเดียยังคงเกิดขึ้นปีละ 200-300 ครั้ง โดยอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นในรัฐอุตตรประเทศ ทางภาคเหนือของอินเดีย เมื่อเดือน ส.ค.2538 มีผู้เสียชีวิต 358 ศพ สำหรับเครือข่ายรถไฟในอินเดียมีความยาวของรางรวมกันกว่า 64,000 กิโลเมตรวิ่งวันละ 14,000 ขบวน และมีผู้โดยสารใช้รถไฟสัญจรกว่า 12 ล้านคนต่อวัน