ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/foreign/325207
ใครบ้างกระอัก? เมื่อทรัมป์คว่ำข้อตกลงอิหร่าน
“ทรัมป์”ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน และเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ ทำให้สัญญาธุรกิจที่บริษัทต่างๆไปทำกับอิหร่านส่อล้มเป็นโดมิโน
ข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกา และประเทศตะวันตก เห็นพ้องผ่อนปรนมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ หากอิหร่านยอมระงับโครงการวิจัยนิวเคลียร์ที่อาจนำไปสู่การผลิตอาวุธ เมื่อปี 2558 นั้น
คือการเปิดทางให้สายการบิน ผู้ผลิตรถยนต์ โรงแรมและบริษัทน้ำมัน กระโจนเข้าไปลงนามข้อตกลงหลายฉบับในอิหร่าน ตลาดที่เต็มไปด้วยโอกาส ชนชั้นกลางกำลังเติบโต ประชากรมีการศึกษาและอยู่ในวัยทำงาน
เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศพาสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ และเตรียมนำมาตรการคว่ำบาตรมาใช้อีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบ จึงไม่ใช่อิหร่านฝ่ายเดียวที่ได้รับผลกระทบ
1.ผู้ใช้รถ
อิหร่านมีปริมาณน้ำมันสำรองใหญ่อันดับ 4 ของโลก และอ้างว่าเป็นแหล่งสำรองก๊าซธรรมชาติของโลก 1 ใน 5
หลังผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร อิหร่านเพิ่มการผลิตน้ำมันเป็นวันละ 3.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่เคยผลิตต้นปี 2559 ราว 1 ล้านบาร์เรล หากกลับมาคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันอิหร่าน ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะหายไป และอาจทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น ซึ่งก็ขยับขึ้นแล้ว 13% ในหนึ่งเดือน มาอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
ในสหรัฐ ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 2.81 ดอลลาร์ต่อแกลลอน จาก 2.66 ดอลลาร์เมื่อหนึ่งเดือนก่อน และ 2.35 ดอลลาร์เมื่อ 1 ปีก่อน เมื่อราคาน้ำมันแพงขึ้น ก็อาจกระทบยอดขายรถยนต์ในสหรัฐและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในภาพรวมไปด้วย
2 โบอิง กับ แอร์บัส
สองบริษัทอากาศยานยักษ์ใหญ่ เป็นกลุ่มธุรกิจต่างชาติที่ลงนามข้อตกลงมูลค่าสูงที่สุด เพราะอิหร่านจำเป็นต้องยกระดับความทันสมัยภาคการบินอิหร่านอย่างเร่งด่วนหลังจากถูกตะวันตกโดดเดี่ยวมานานหลายปี
สตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ใบอนุญาตส่งออกเครื่องบินพาณิชย์ อะไหล่และบริการที่เกี่ยวข้องของโบอิงกับแอร์บัส จะถูกเพิกถอนหลังจากพ้น 90 วัน
โบอิงมีแผนขายเครื่องบิน 80 ลำให้ อิหร่าน แอร์ มูลค่า 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีกำหนดส่งมอบชุดแรกในปีนี้ นอกจากนี้ยังได้ลงนามขายเครื่องบิน 737 MAX ให้สายการบินอาเซมาน ของอิหร่าน อีกจำนวน 30 ลำ มูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ โบอิงระบุว่าจะหารือกับรัฐบาลสหรัฐว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่บริษัทพร้อมแตะเบรกและรับไหว
ส่วนคู่แข่งโบอิงอย่าง แอร์บัส ที่มีโรงงานผลิตในรัฐอะแลบามา ก็ตกลงซื้อขายเครื่องบิน 100 ลำกับสายการบินสองแห่งในอิหร่าน บริษัทระบุว่าบริษัทกำลังวิเคราะห์ และจะประเมินมาตรการต่อไปให้สอดคล้องกับนโยบายภายในและให้เป็นไปตามมาตรการคว่ำบาตร และระเบียบควบคุมการส่งออก
3.จีอี โฟล์กสวาเกน และโททาล
บริษัทน้ำมันและก๊าซฝรั่งเศส โททาล ร่วมกับ CNPC บริษัทน้ำมันของทางการจีน ลงนามข้อตกลง 2,000 ล้านดอลลาร์ ช่วยพัฒนาแหล่งก๊าซขนาดใหญ่เซาท์ พาร์ส ของอิหร่าน ข้อตกลงนี้อาจล่มสลายเพราะมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่
เจเนรัล อิเล็กทริก ได้ออเดอร์ชิ้นส่วนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงานก๊าซธรรมชาติ มูลค่าหลายล้านดอลลาร์จากอิหร่านเมื่อปีที่แล้ว ก็จะต้องปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรัฐบาลทรัมป์เช่นกัน
ขณะที่ โฟล์กสวาเกน ค่ายรถเยอรมนี เพิ่งประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า จะขายรถในอิหร่านเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี
4. สายการบินและโรงแรม
อิหร่านกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและธุรกิจที่ได้รับความสนใจ นับจากการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร สายการบินยุโรปทั้ง บริทิช แอร์เวยส์ และลุฟต์ฮันซา ฟื้นเที่ยวบินตรงไปอิหร่าน และทางการอิหร่านก็ผ่อนปรนวีซ่าให้ แต่เวลานี้สายการบินทั้งสองต้องเลือกจะทำธุรกิจในอิหร่านต่อไป หรือรักษาเที่ยวบินไปสหรัฐไว้
Accor ของฝรั่งเศส เป็นเครือโรงแรมแรกๆที่เข้าไปเปิดบริการในอิหร่านในปี 2558 เช่นเดียวกับกลุ่ม เมเลียของสเปน และโรตานา ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีแผนจะเข้าไปทำธุรกิจโรงแรมในอิหร่านเช่นกัน
( กรุงเตหะราน เมืองหลวงอิหร่าน / ภาพ AFP )
5.เศรษฐกิจอิหร่าน
เศรษฐกิจอิหร่านมีอัตราขยายตัวในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่การฟื้นตัวยังเปราะบาง การแซงชันอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง ค่าเงินเรียลของอิหร่านอ่อนค่าลงกว่า 22% ในช่วงปีที่ผ่านมา อันจะส่งผลให้การนำเข้าสินค้าแพงขึ้น และชาวอิหร่านบางส่วนหันไปถือเงินดอลลาร์และยูโรแทน เมื่อบรรยากาศการเมืองตกอยู่ในความไม่แน่นอน จะยิ่งกระทบการลงทุนมากขึ้นอีก
ที่มาข้อมูล CNN AFP






