ผลศึกษาที่ได้จากการสุ่มสำรวจชาวเกาหลีใต้อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปจำนวน 1,000 คน และกลุ่มอายุ 18-64 คน จำนวน 500 คน พบว่าคนกลุ่มหลังหรือรุ่นใหม่จนถึงวัยกลางคนเกือบ 90% ยอมรับว่าพวกเขามีปัญหาเวลาพยายามจะสื่อสารกับผู้สูงอายุ และเกือบ 80% ระบุว่าเกาหลีใต้มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างวัยอย่างร้ายแรง

ในขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่ถูกสำรวจ 51% มีความรู้สึกว่า ความคิดความเห็นของพวกเขาจะมีค่าและได้รับการคำนึงถึง เฉพาะเวลาที่สังคมต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญเท่านั้น ขณะที่คนรุ่นใหม่ถึงกลางคนรู้สึกแบบเดียวกันราว 36%

ผลสำรวจยังพบว่า ผู้สูงอายุ 99.3% ใช้เวลาว่างไปกับการชมโทรทัศน์ หรือฟังวิทยุ ส่วนน้อยมากที่มีส่วนร่วมกิจกรรมทางสังคมอย่างเช่นอาสาสมัคร ส่วนผู้สูงอายุที่เลี้ยงหลาน มีเพียง 24% เท่านั้นที่บอกว่าสมัครใจทำ กว่า 75% ทำเพราะไม่สามารถปฏิเสธลูกได้ โดยเฉพาะหากพ่อแม่หลานทำงานเต็มเวลา

ในเรื่องเศรษฐกิจ ผู้สูงอายุราว 60% ระบุว่าไม่สามารถหางานทำได้หลังเกษียณ เพราะข้อจำกัดเรื่องอายุ และ 45% มีประสบการณ์ถูกตั้งแง่เรื่องวัยในที่ทำงาน นอกจากนี้ 35% ไม่มีเงินออมหลังเกษียณ   26 % เคยมีความคิดจบชีวิตตนเองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และเกือบ 25% ระบุว่ากลัวตายโดดเดี่ยวไม่มีใครรู้

นักวิจัยกล่าวว่า ประชากรเกาหลีใต้ที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว กับความเจริญรุดหน้าด้านอุตสาหกรรม เป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างชาวเกาหลีสองยุคในทุกวันนี้ พลเมืองสูงอายุส่วนใหญ่เปราะบางทางเศรษฐกิจและเดือดร้อนจากปัญหาสุขภาพ เช่น ค่ารักษาพยาบาล และต้องการคนดูแล นอกจากนี้ พวกเขามักสูญเสียงานที่ทำอยู่บนภาวะจำยอม และหางานใหม่ลำบาก เผชิญการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น อคติ เลือกปฏิบัติและล่วงละเมิด
รายงานฉบับนีจัดทำโดยคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกาหลีใต้ นำเสนอต่อที่ประชุมอาเซมว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุ ครั้งที่ 3 (ASEM Conference on Global Ageing and Human Rights of Older Persons ) จัดขึ้นในกรุงโซล ระหว่าง 5-6 กันยายน