ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/politic/345511
“บิ๊กตู่” เผย อดีตมีคนถือโครงการไปหลอกประชาชนว่าได้แล้ว
“บิ๊กตู่” ลั่น ไม่เคยแตะ “เงินสำรองประเทศ” แนะ “นักการเมือง” ท้า ใครแก้ปัญหาเหลือศูนย์เข้ามาเลย เตือน อย่าบิดเบือนเอาทหารพ้น “ชายแดนใต้” แล้วจะสงบ
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 61 เวลา 09.00 น. ที่ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมประจำปี 2561 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตไทย อนาคตเรา” โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้แทนภาครัฐ ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมรับฟัง 2,500 คน
โดย นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้รัฐบาลเวลาไปประชุมในพื้นที่ เยี่ยมเยียนจังหวัดต่างๆ ไม่ได้หมายความว่าเอางบประมาณไปหลอกล่อประชาชน มันไม่ใช่ แต่การลงพื้นที่จะให้ได้เฉพาะที่มีแผนงานอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกับ กรอ. กลุ่มจังหวัด ผู้ว่าฯ รวมถึงหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาเกษตรกร จะอยู่ประชุมด้วยกันทั้งหมด โดยจะมีการเสนอโครงการมาที่รัฐบาล ถ้าโครงการไหนที่ตรงกับของเราที่มีอยู่แล้ว ก็สามารถดำเนินการได้ในปีนี้หรือปีไหน เพื่อจะตอบโจทย์งบประมาณค้างท่อในทุกปีจะทำอย่างไร ไม่ใช่ตนจะเอางบไปให้อย่างที่เคยเกิดแต่ก่อน แต่ก่อนจะมีคนถือโครงการลงไปแล้วก็บอกว่าได้มาแล้ว มันได้มาได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่เข้า ครม. ยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณ
“สมัยก่อนจะมีคนถือโครงการเหล่านี้ลงไป แล้วบอกว่าเราจะได้ เขาทำเพื่ออะไร แล้วได้จริงหรือไม่ ของเราเมื่ออนุมัติ แม้จะมีแผนงานโครงการแน่นอน ยังทำไม่ได้เลย เพราะติดประชาชนในพื้นที่ และอย่าลืมว่าพื้นที่จะต้องเข้มแข็งเพียงพอ ไม่ใช่อะไรก็ได้ ถ้าจะเกิดในพื้นที่แล้วไม่เดือดร้อนเอาหมด จะเป็นปัญหาในอนาคตต่อไป” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลจัดทำงบประมาณตามแผน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี อาจมีคำกล่าวว่า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ขอถามว่าก่อนรัฐบาลนี้เข้ามา หนี้สาธารณะอยู่ที่เท่าไหร่ วันนี้แม้จะมีการกู้บ้าง ลงทุนบ้าง แต่หนี้สาธารณะอยู่ที่ 42% และประมาณการว่าถ้าทำอย่างนี้ต่อไป แม้จะมีการกู้ในระยะยาวถึงปี 2571 หนี้สาธารณะจะเพิ่มเป็น 46% ทั้งที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 60% ถ้าเกินนั่นคือสถานการณ์ทางการเงินเราเสียหาย
“ผมทำเสียหายหรือเปล่า อย่าให้ใครเขามาพูด เรื่องตัวเลขหนี้สาธารณะเท่านั้นเท่านี้ ต้องเอาหัวคน 67 ล้านมาหาร อย่าไปฟังคำบิดเบือนของคนเหล่านั้น หนี้สาธารณะตัวเลข 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ ก่อนที่ผมจะเข้ามา ผมปรับกระทั่งลดลงมาด้วยซ้ำ ชำระหนี้ระยะสั้นออกไป วันนี้สถานการณ์ทางการเงินของไทยถือว่ามั่นคงในภูมิภาค อาจจะในโลกด้วยซ้ำ เรามีเงินกองทุนสำรองประเทศเป็นลำดับต้นของโลก ซึ่งเราไม่เคยไปแตะต้อง หากเราเอาเงินหนี้สาธารณะทั้งหมดมาคลี่ดู เราสามารถจะใช้เงิน 3.5 ล้านล้านเหรียญ เอาไปชำระหนี้ระยะสั้นได้ทั้งหมด มีถึง 3.5 เท่า ของหนี้ระยะสั้น หนี้ระยะยาวก็ผ่อนชำระได้ ฉะนั้น สถานการณ์ทางการเงินของเรามั่นคง เพราะเราได้ปรับทุกอย่างใน 4 ปี ที่ผ่านมา ให้อยู่ในกรอบ ไม่มากไม่น้อยเกินไป มีการลงทุนกับภาคเอกชน ไม่ใช่รัฐบาลลงทุนอย่างเดียว ขณะเดียวกัน สร้างรายได้ประเทศด้วยการมีโครงการอีอีซีขึ้นมา เพื่อนำรายได้มาเติมให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย ถ้าบอกว่ามีเงินโดยที่ไม่ทำอะไรเลยผมว่าไม่ใช่เรื่องจริง หัดมีเหตุผลด้วย สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แผนงานรัฐบาลจะรับข้อมูลจากข้างล่างขึ้นมา รัฐบาลทุกรัฐบาล และนักการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีต้องเข้าใจหลักการความต้องการประชาชนอยู่ตรงไหน โดยนำข้อมูลข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์และจัดทำแผน ลงไปหารือกับประชาชนในพื้นที่ ใช่สิ่งที่ต้องการหรือไม่ สิ่งนี้รัฐบาลทำมาตลอด 4 ปี จึงเกิดอะไรต่างๆ ขึ้นมาก การบริหารจัดการน้ำเกิดขึ้นหลายเท่าของ 4 รัฐบาล ให้ลองไปดู 3 – 4 รัฐบาลที่ผ่านมา ถ้าไม่ฟังตนไม่ฟังรัฐบาล มันก็ไม่รู้เรื่องแล้วมาบอกว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย เพราะบางทีผลไม่ได้เกิดที่บ้านเรา แต่ไปเกิดที่อื่น ซึ่งผลคือน้ำไม่ท่วมตรงเรา ดังนั้น หน้าที่รัฐบาลคือบริหารจัดการน้ำทุกด้าน พื้นที่และชุมชนก็ต้องบริหารจัดการตนเองให้ได้ด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้ห้ามทำการเกษตร มีหลายคนไปบิดเบือนแบบนี้ มันไม่ใช่ เพียงแต่รัฐบาลจัดพื้นที่ให้เหมาะสม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเกษตรกรด้วย ขอให้เข้าใจให้ลึกซึ้งเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่รัฐบาลบังคับให้เลิกปลูกสิ่งนี้สิ่งโน้น แต่ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็ต้องหาตลาดให้ หลายเรื่องกระทบไปทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องการเกษตร และตรงนี้ก็เป็นเครื่องมือที่ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาได้ทั้งหมด กลายเป็นการแบ่งชนชั้น ว่าคนจนคือเกษตรกร ต้องได้รับการดูแลสูงสุด ขอถามว่าข้างบนไม่ต้องดูหรือ ถ้าไม่ดูแล้วภาษีมาจากไหนเพื่อเติมตรงนี้
นายกฯ กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เราต้องทำคู่กับแผนสภาพัฒน์ฯ ซึ่งต้องใช้หลักการด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ที่กำหนดโดย สมช. นั่นคือถนนที่จะเดินไปข้างหน้าในทุก 5 ปี ถ้าต่างคนต่างเขียนแผนมา ตนถามว่าจะเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เหมือนมีหลายขา เลี้ยวสะเปะสะปะไปหมด ฉะนั้น เรามี 2 ขาเดินในมันตรง ตนไม่ได้เอ่ยอะไรนะ
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องความมั่นคง มีคนบอกว่าให้ทหาร ตำรวจรับไป ซึ่งความมั่นคงมีทุกมิติ ประชาชนก็ต้องร่วมด้วยทุกรูปแบบ พลเรือน ตำรวจ ทหารจะช่วยในเรื่องเฝ้าระวัง ส่วนใหญ่ก็รู้กันหมด แต่ไม่บอกกลัวอันตราย โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด เรามีมาตรการคุ้มครอง มีแต่พูดบ่นในโซเชียลมีเดีย แต่พอให้เอาหลักฐานมาแจ้งความกลับไม่มา บอกกลัว ถ้ามัวกลัวคนเลวอยู่แบบนี้ ขอฝากฝ่ายกฎหมายดูแลด้วย วันนี้หลายอย่างดีขึ้น มีสถิติการจับกุมดำเนินคดีหลายเรื่อง ฉ้อโกงสหกรณ์ แต่ก่อนมีหรือไม่ การดำเนินการมาเกิดในสมัยยนี้ แล้วบอกไม่ทำอะไรเลย ตนไม่เข้าใจว่าเอาอะไรมามอง ไปมองสิ่งที่เหลือ ไม่มองสิ่งที่พัฒนามาในช่วง 4 ปี ว่ามีอะไรดีขึ้นมาบ้าง แน่นอนคงไม่ถึง 100%
“ใครแก้ได้หมดให้ทุกอย่างเหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์ เอามาเลย มาบริหารเลย ที่ผ่านมาไม่เห็นทำได้ เรื่องการทุจริต ปรับย้าย การเอาออกจากราชการ รัฐบาลนี้เกิดขึ้นเท่าไหร่ ไม่อยากจะพูดให้เสียหาย ซึ่งยังมีอีกหลายประเด็นยังไม่เกิด จับไม่ได้เสียที แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ผมไม่ไปแตะต้อง หน้าที่ของรัฐบาลคือให้ทุกคนได้ทำงาน หน่วยตรวจสอบอะไรต่างๆ เมื่อเข้าชี้แจงมาก็ตามนั้น ต้องยอมรับกติกาตรงนี้ ถ้าไม่ยอมรับก็ตายหมดไปไหนไม่ได้”
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้โลกโซเชียล เทคโนโลยีเต็มเมืองไปหมด มีโทรศัพท์ร้อยล้านกว่าเครื่อง ทั้งที่มีคน 67 ล้านคน 50 กว่าล้านคนที่ใช้เฟซบุ๊ก เป็นประเทศที่มีการใช้โทรศัพท์เยอะที่สุด เปิดดูมีอะไรที่สร้างสรรค์หรือไม่ มีอะไรให้เรียนรู้ไม่ถึง 50% นอกนั้นด่ากันไปมา สรุปคนเขียนดีอยู่คนเดียว ทั้งที่ตัวเองไม่รู้เรื่อง พอมีคนจุดประเด็นขึ้นมาก็แห่ตามกัน ทำให้ทุกคนทุกข์ทรมาน ตนก็ทรมานไปด้วย เพราะดันไปอ่าน มันก็เครียด ทั้งที่ไม่ใช่ปัญหาของเรา พอมีโซเชียลทุกคนอยากเขียนอยากด่า พอมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ออกมาก็บอกว่าละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลอีก แล้วสิทธิ์ส่วนบุคคลเขาให้ด่าคนอื่นได้หรือ ถ้าเป็นอย่างนี้สังคมคงไม่สงบสุข ขอให้ช่วยลดกันหน่อย
“บางทีเชียร์ผมแต่ด่าคนอื่น เท่ากับผมโดดนด่าเพิ่มเป็นสองเท่า โลกยังเป็นอย่างนี้อยู่ วันหน้าเราจะมีปัญหา กลไกกระบวนการกฎหมายไม่มีทางแก้ไขได้ ใครเขียนก่อนได้ก่อน เขียนก่อนถูกก่อน โลกโซเชียลเป็นแบบนี้ ฉะนั้น ขอให้ช่วยแก้ไขจะอยู่ด้วยกันยังไงในโลกโซเชียล ถ้าบ้านเมืองยังตีกันแบบเดิมจะไม่เป็นสุข คนในบ้านเดียวกันยังพูดเรื่องการเมืองไม่ได้ พ่อ แม่ ลูกตีกัน เพราะชอบคนละอย่าง เราต้องไม่ทำให้การเมืองเป็นแบบนั้น ผมไม่อาจจะว่าใครดีไม่ดี คนที่ตัดสินคือกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ทั้งโลกพื้นที่ใดที่มีปัญหาก็ต้องเอากำลังทหารตำรวจไปเพิ่ม แต่ไม่ได้ไปเต็มทุกพื้นที่ ไม่ได้ใช้กำลังไปกวาดล้าง แต่ไปดูแลความสงบเรียบร้อย เติมสิ่งที่ขาด เมื่อเพียงพอก็ถอนกลับ แต่ถ้ายังไม่เรียบร้อยก็ต้องอยู่ต่อ ถ้าจะถอนทหาร แล้วจะเกิดความสงบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อย่าให้ใครมาบิดเบือนว่าเอาทหารออกแล้วจะเลิก ตนพูดมากกว่านี้ไม่ได้ จะมีใครรู้มากกว่าที่เรารู้ ปัญหาอยู่ตรงไหน ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ดี เกเรก็เอาออก ไม่ใช่อะไรก็ทหาร ตำรวจไม่ดี แล้วคนดีๆ อยู่ที่ไหน
“วันนี้มีคนบอกประเทศไทยมีทหารมากขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรมันใช่หรือเปล่า ไอ้คนพูดตกเลขหรือเปล่า เรามีทหารเป็นล้านๆ งั้นเหรอ ไอ้นี่ตกเลข เป็นถึงครูบาอาจารย์พูดมาได้ไง บางคนบอกให้เอาทหารกลับ ลองถามพระ ครู เด็กนักเรียน ประชาชนคนบริสุทธิ์ คนไทยพุทธในพื้นที่ เอาทหารออกเขายอมหรือไม่ อย่ามามองโลกสวย ทหารที่ไปเสี่ยงทุกวัน ลูกเมียอยู่บ้านห่วงกันจะเป็นจะตาย ทหาร ตำรวจ ใครผิดต้องลงโทษ อย่าเหมารวม คนดีคนเลวแยกให้ออก ถ้ามีคนดีทั้งประเทศก็ไม่ต้องมีคุก” นายกฯ กล่าว
