ดัน”บิ๊กตู่”เรียกคะแนนโค้งสุดท้าย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/politic/analysis/581873

  • วันที่ 01 มี.ค. 2562 เวลา 06:50 น.

ดัน"บิ๊กตู่"เรียกคะแนนโค้งสุดท้าย

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 24 มี.ค. แต่ละพรรคการเมืองเตรียมงัดไม้ตายออกมาเรียกคะแนนจากชาวบ้านกันตามยุทธศาสตร์ที่พรรคได้วางไว้ ท่ามกลางความปรวนแปรของปัจจัยแวดล้อมซึ่งล้วนแต่มีผลต่อคะแนนเลือกตั้งทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับผลจากคดียุบพรรคที่ใกล้จะชี้ขาดเร็วๆ นี้

ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เวลานี้ ถือเป็นอีกพรรคใหญ่ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะด้วยฐานสนับสนุนที่ถูกมองว่าเชื่อมโยงกับรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถมยังมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตอบรับเป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีของพรรคเป็นที่ เรียบร้อย

ปัญหาอยู่แต่เพียงแค่ด้วย “สถานะ” ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้า คสช.ล้วนแต่ทำให้การเคลื่อนไหวที่คาบเกี่ยวกับการหาเสียงหรือจะส่งผลต่อคะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ล้วนแต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเป็นประเด็นที่ถูกร้องเรียนถึงการกระทำผิดในอนาคต

ทางออกที่ทำได้ในเวลานี้คือการที่พรรคพลังประชารัฐส่งหนังสือไปถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อสอบถามแนวปฏิบัติกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เพื่อความชัดเจนว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเวทีหาเสียง เดินช่วยผู้สมัครหาเสียง รวมถึงร่วมเวทีดีเบตได้หรือไม่อย่างไร และมีขอบเขตข้อจำกัดมากน้อยเพียงไร

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสเรียกร้องจากพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวขึ้นมาแสดง วิสัยทัศน์ตลอดจนการประกาศท่าทีความชัดเจนในประเด็นค้างคาใจของสังคม เพื่อจะได้เป็นหลักประกันการวางตัวหรือแนวทางปฏิบัติต่อไปในอนาคต

แม้ลึกๆ แล้วในมุมของพรรคพลังประชารัฐ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ การเปิดตัวไปแสดงวิสัยทัศน์ในเวทีต่างๆ ร่วมกันกับพรรคอื่นอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก  เพราะแต่ละพรรคล้วนแต่จับจ้องรอจะใช้โอกาสเวทีดีเบตในการวิพากษ์วิจารณ์แนวนโยบายและผลงานในช่วง  4 ปี ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะกับเรื่องปัญหาปากท้องดังจะเห็นจากที่หลายพรรคหยิบยกขึ้นมาสะท้อนปัญหาพร้อมอาสาตัวเป็นทางเลือกให้ก้าวพ้นจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในเวลานี้

ยังไม่รวมกับบรรดา “จุดอ่อน” ทั้งหลายไล่มาตั้งแต่เรื่องข้อครหาเรื่องการสืบทอดอำนาจ ผ่านกฎกติกาที่ คสช.และแม่น้ำ 5 สายร่วมกันออกแบบ มาจนถึงเรื่อง 250 สว. เฉพาะกาล ซึ่งมาจากกระบวนการแต่งตั้งของ คสช. โดยจะมีอำนาจร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจทำให้เกิดการบิดเบือนคะแนนเสียงของประชาชนที่ออกมาหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง

ที่สำคัญปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์เมื่อเวลาไม่พอใจเรื่องต่างๆ ย่อมสุ่มเสี่ยงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปหลุดกลางเวทีดีเบต จนเสียคะแนนแทนที่จะได้คะแนน

การเลือกใช้ความได้เปรียบจากพื้นที่การสื่อสารของตัวเอง ที่ไม่มีใครขัดคอเลือกอย่างจะพูดอะไรก็ได้ จึงอาจเป็นทางออกที่ดีสำหรับพล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นได้

แต่อีกด้านหนึ่งสำหรับพรรคพลังประชารัฐแล้ว ย่อมต้องการดึงให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงมาช่วยหาเสียงในพื้นที่ หรือขึ้นเวทีปราศรัยซึ่งพรรคจัดขึ้น ซึ่งมั่นใจจะไม่ถูกคู่แข่งรุมถล่ม หรือถูกซักไซ้ในคำถามกวนใจต่างๆ  อันจะเป็นการเรียกคะแนนจากบรรดาแฟนคลับหรือกลุ่มคนที่ชื่นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ ให้หันมาลงคะแนนให้กับพรรคพลังประชารัฐ

ดังจากที่เห็นสัญญาณการเปิดตัวผ่านหนังสือ “ประชารัฐ สร้างชาติ” ที่สะท้อนแง่มุมชีวิตของ พล.อ.ประยุทธ์ในแต่ละด้าน กับการมุ่งมั่นตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติและส่วนร่วม

ในวันที่พรรคพลังประชารัฐเองก็ยังไม่อาจหยิบยกมุมอื่นที่น่าสนใจขึ้นมาเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนคนทั่วไปได้ในช่วงนี้ หากได้ พล.อ.ประยุทธ์ มาช่วยเดินหาเสียง หรือขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้ายย่อมเป็นผลดีกับทางพรรคพลังประชารัฐ

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เมื่อก่อนหน้านี้ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าต้องรอความชัดเจนจาก กกต. เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างจากแคนดิเดต นายกฯ ของพรรคอื่นๆ ที่เป็นผู้สมัคร ซึ่งตรงนั้นจะไม่มีปัญหา แต่คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไม่ได้เป็นผู้สมัครอาจมีความหมิ่นเหม่

ยังไม่รวมกับประเด็นเรื่องการวางตัวเป็นกลางของซึ่งกฎหมายระบุให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐต้องวางตัวเป็นกลาง คำว่าเป็นกลางมีความหมายไม่ไปโน้มเอียงกับฝ่ายใด  ถ้าดีเบตแล้วพูดนโยบายของตัวเองก็ถือว่าเป็นกลาง เพียงแต่อย่าไปขานรับนโยบายพรรคไหน

ส่วนประเด็นเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐ สำหรับหัวหน้า คสช. ไม่ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามนิยาม มาตรา 98 ของรัฐธรรมนูญ เพราะผู้ที่รับเงินเดือนของรัฐไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตราดังกล่าว และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยมีคำวินิจฉัยเมื่อปี 57 ว่า คสช.ไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เนื่องจากไม่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

เวลานี้เงื่อนไขสำคัญจึงอยู่ที่ กกต. จะเป็นผู้ชี้ขาดในรายละเอียดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะวางตัวหรือดำเนินการอย่างไรได้บ้างในการหาเสียง ซึ่งจะเป็นกรอบสำหรับพรรคพลังประชารัฐจะหยิบยกไปพิจารณาจัดวางให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับพรรคในช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงเลือกตั้ง

Leave a comment